สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (22 เมษายน 2568)-------ผู้ถือหุ้น บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) พร้อมใจอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.06 บาท/หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 20 พ.ค.นี้ บิ๊กบอส "ทศพล คุณะเพิ่มศิริ" ระบุนำ 5 กลยุทธ์การแข่งขัน นำ AI มาพัฒนาผลิตภัณฑ์-โซลูชั่น-ให้บริการครบวงจร–จับมือพันธมิตรธุรกิจ–ส่งเสริมความปลอดภัยใช้รถใช้ถนน และการลงทุนในรูปแบบ M&A หนุนรายได้ปีนี้โต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

 

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (DTCENT) ผู้นำในการให้บริการระบบ GPS Tracking อันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือนมกราคม 2568)  เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 21 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2567 (1 มกราคม 2567-31 ธันวาคม 2567) ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท  และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

 

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567) มีกำไรสุทธิ 114.44 ล้านบาท และมีรายได้รวม 740.36 ล้านบาท

 

"ในปีที่ผ่านมา ทีมผู้บริหารมีความมุ่งมั่นในการบริหารธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้น ส่งผลให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่มากกว่า นโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ และบริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในการบริหารธุรกิจมาโดยตลอด"

 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 DTCENT มีการนำ 5 กลยุทธ์ในการแข่งขัน มาบริหารธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.การนำ AI มาออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ๆ ทั้ง GPS Tracking, Mobile DVR, IoT Solution, Solution Matching Platform เช่น งานพัฒนาโครงการเทศบาลนครรังสิตสู่เมืองอัจฉริยะ โดยใช้แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Rangsit City App) เป็นต้น ขณะที่งานด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 42 บริษัท

 

2.การให้บริการอย่างครบวงจร การให้บริการลูกค้าตั้งแต่ออกแบบพัฒนาสินค้าฮาร์ดแวร์ ระบบซอฟต์แวร์ ตลอดจนให้บริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ตลอด 24 ชั่วโมง

 

3.ความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ปัจจุบันมีการรับงานโครงการร่วมกัน โดยขยายการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในรูปแบบใหม่ ด้าน Supply Chain ในส่วนของ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ร่วมกันศึกษาการทำตลาดด้าน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ไปยังกลุ่มประเทศในอาเซียน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับใบ Certificate  IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

4.การส่งเสริมเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนแบบครบวงจร ทั้งศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการขนส่ง หรือ TSM ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการพัฒนาบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งแล้ว

 

5.การมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ในรูปแบบ M&A เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และต่อยอดในธุรกิจหลัก และเพื่อขยายไปยังฐานลูกค้าใหม่ๆ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปของธุรกิจ

 

ส่วนการเดินหน้าเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 15 สาขา เพื่อให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้ง ยังช่วยบริหารจัดการการบริการหลังการขาย ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น