11 เม.ย. 2568 11:38:48 262
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 เมษายน 2568)---------นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย)เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดทุนล่าสุด ภายหลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอัตรา 125% เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ได้รับการผ่อนผันภาษีเป็นระยะเวลา 90 วัน โดยถูกเก็บภาษีในอัตรา 10% เท่านั้น ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี AI และกลุ่มป้องกันประเทศ ในส่วนของตลาดทั่วโลกที่เคยมีความผันผวนสูงก่อนหน้านี้ ก็เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว เนื่องจากการเก็บภาษีครั้งนี้เน้นเป้าหมายไปที่ประเทศจีนเป็นหลัก
นายวินกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทย ได้ประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นออกเป็น 3 แนวทาง ได้แก่ 1) สถานการณ์เจรจาสำเร็จ หากสหรัฐฯ และจีนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ภายใน 90 วัน จะส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาเติบโต ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) แข็งค่าขึ้น และหุ้นกลุ่มสินค้าตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical Stocks) จะได้รับประโยชน์ ในขณะที่การถือครองทองคำและเงินสดอาจลดความน่าสนใจลง 2) สถานการณ์ยืดเยื้อ หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ และทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินมาตรการภาษีต่อไป หรือเพิ่มอัตราภาษีขึ้นอีก จะส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนจะกลับมาโฟกัสในสินทรัพย์ปลอดภัย และมีความผันผวนต่ำอย่างทองคำมากขึ้น และ 3) สถานการณ์แตกขั้วถาวร หากเศรษฐกิจโลกแบ่งออกเป็นสองขั้วอย่างถาวรระหว่างสหรัฐฯ และจีน ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลง และอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะยาวอาจชะลอตัวลง กลุ่มธุรกิจที่อาจได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ (Reshoring) กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่บางแห่ง เช่น อินเดียและเวียดนาม เป็นต้น
นายวินกล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้ บลจ.กสิกรไทย ตระหนักถึงความกังวลของผู้ลงทุน และขอแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรับมือกับทุกสภาวะตลาด นั่นคือ การกระจายการลงทุน (Asset Allocation) โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนจัดสรรพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) ประมาณ 80% ในกองทุนผสม K-WealthPLUS Series ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนระยะยาวตามหลักการ Asset Allocation ซึ่งมีให้เลือก 3 กองทุน ได้แก่ K-WPBALANCED, K-WPSPEEDUP และ K-WPULTIMATE ทั้งนี้ จุดเด่นของกองทุนผสม K-WealthPLUS Series คือความสามารถในการปรับพอร์ตการลงทุนให้ทันต่อสถานการณ์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก บลจ.กสิกรไทย และ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่เข้ามาดูแลพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมทั้งการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด การบริหารความเสี่ยง และการกำกับดูแลการบริหารจัดการกองทุนอย่างเข้มงวด
“ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทีมผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเหลือศูนย์ ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ไทย เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด ซึ่งเป็นไปตามหลักการของ Core Portfolio ที่มุ่งหวังให้พอร์ตการลงทุนเติบโตได้ในตลาดขาขึ้น และลดผลกระทบจากการปรับตัวลงของตลาด ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่า การลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงผ่านกองทุนผสม K-WealthPLUS Series เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่ง และสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกสภาวะตลาด” นายวินกล่าว
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์