Equality for All
NEO : บมจ.นีโอ คอร์ปอเรท
ออกสินค้าใหม่กลุ่มอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง : NEO มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงภายใต้ชื่อ “Lovli Tails” ช่วงแรกจะออกผลิตภัณฑ์ เช่น แชมพู, สเปรย์ดับกลิ่น, น้ำยาถูพื้น, น้ำยาล้างจาน และ ทิชชูเปียก เป็นต้น โดยจะขายผ่านช่องทางออนไลน์และร้านสัตว์เลี้ยง

ทำไมต้องสินค้ากลุ่มนี้ : จากการคาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงปี 2024 อยู่ที่ราว 7.5 หมื่น ลบ. +12.4% y-y และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง (ปี 2019-2024) CAGR +17.5% โดยตลาดที่ NEO ให้ความสนใจ คือ กลุ่มตลาดอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง ซึ่งคาดมูลค่าตลาดที่ 22,000 ลบ.คิดเป็น 30% ของตลาดทั้งหมด อีกทั้งปัจจุบันพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์จะเป็นการเลี้ยงแบบคนในครอบครัว (Pet Humanization) รวมถึงการนำสัตว์เลี้ยงมาสร้างรายได้ ทำให้จะเห็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการแยกมูลค่าตลาดออกมาที่ชัดเจนในกลุ่มสินค้าที่ NEO จะเข้าไป แต่จุดยืนการวางสินค้าของ NEO จะอยู่ในกลุ่ม Premium

ตั้งเป้าอย่างไร : ผบห. ตั้งเป้ายอดขาย 3 ปีข้างหน้าที่ 100 ลบ. และในส่วนอัตรากำไรขั้นต้นนั้นจะอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มของใช้เด็กอย่างดีนี่ เราคาดสินค้าใหม่จะยังไม่ส่งผลต่อการดำเนินงาน โดยเฉพาะในปีแรกที่เป็นช่วงเริ่มต้นของการขายว่าจะเป็นอย่างไร เพราะ NEO วางสินค้าในกลุ่ม premium และมีราคาสูงกว่าคู่แข่งในตลาดราว 2-3 เท่า แต่ที่มาแน่ ๆ คือ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่มากเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักของตลาด

ผลการดำเนินงานปี 2025 คาดยอดขายฟื้น แต่คาดต้นทุนก็เร่งตัวขึ้นด้วย : ผบห.คาดยอดขายกลับมาโต 2 หลักได้ ดังนี้

ตปท. (สัดส่วน 10%) คาดโต +20% y-y การขายในเวียดนาม 2MTDกลับมาใกล้เคียงก่อนมีปัญหาเรื่อง Distributor แล้ว คาดยอดขาย 1Q25 จะขยายตัวมากกว่า +30% y-y

ตลาดในปท.(สัดส่วน 90%) คาดได้ผลบวกจากการออกสินค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Premiumization ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าสินค้าทั่วไป แต่ 2MTD ยอดขายยังโตไม่ได้ตามเป้าจากจำนวนการออกสินค้าใหม่มีไม่มากแต่คาดช่วงที่เหลือของปีจะดีขึ้น

เราคงประมาณการยอดขายปี 2025 จะโต +11% y-y ที่ 11,126 ลบ. แต่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นคาดจะลดลง y-y เป็น 43.0% จากแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้นและยังมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มราว 80-90 ลบ./ ปี จากโรงงานแห่งใหม่คาดจะเข้ามาปลาย 1Q25 คาดกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 934 ลบ. -8% y-y
คงมุมมอง 1Q25 เป็นจุดต่ำสุดของปีตามราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นก่อนหน้า : คาด 1Q25 แม้ยอดขายจะฟื้นตัว แต่คาดจะเริ่มได้รับผลกระทบจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้นเช่นกันซึ่งปกติสต็อกวัตถุดิบราว 3-6 เดือน และคาดช่วงที่เหลือของปีจะเริ่มทยอยรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

แม้ไม่โต แต่ยังน่าสนใจ
“แนวโน้มปี 2025 อาจไม่โตเด่นจากราคาวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้น ประกอบกับค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นจากโรงงานใหม่ แต่เราคาดว่าการออกสินค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอัตรากำไรขั้นต้นสูง และการขยายตลาดใหม่ ๆ ทำให้ NEO จะขยายตัวได้ดีกว่าอุตสาหกรรม ส่วนสินค้ากลุ่มใหม่คงต้องใช้เวลาอีกสักพักแต่จากการขยายไปที่ในตลาดเติบโตสูงทำให้ NEO จะโตไปกับอุตสาหกรรมได้

สำหรับ นลท. ระยะกลาง-ยาว เรายังคงแนะนำสะสมซื้อจากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E25E เพียง 9.3x และการดำเนินงานมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ดีกว่าอุตสาหกรรมจากสินค้าและตลาดใหม่ ”

ESG Snapshot : NEO มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับแนวทาง Circular Economy และ Energy Efficiency บริษัทให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยของผู้บริโภค, การลดของเสีย และการดูแลชุมชน

นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971 naree.a@liberator.co.th