Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

SCB EIC วิเคราะห์ Green electronics ... เส้นทางสู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสายกรีน

464


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(27 มีนาคม 2568)-------ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC วิเคราะห์ เรื่อง Green electronics ... เส้นทางสู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสายกรีน



ผลพวงจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ส่งผลให้อุปกรณ์ไอที มีแนวโน้มกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) เร็วกว่ากลุ่มสินค้ากลุ่มอื่น ๆ

ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ได้กลายเป็นตัวเร่งสำคัญที่ส่งผลให้วงจรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีอายุสั้นลง โดยจากข้อมูลของ The Global E-waste Monitor เปิดเผยว่า ปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก ณ ปี 2022 อยู่ที่ 62 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 82 ล้านตัน ในปี 2030 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 2.6 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้หากกลับมาดูที่ไทย จะพบว่าไทยก็กำลังเผชิญกับปัญหา E-waste ล้นเมืองเช่นกัน สะท้อนได้จากรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมของกรมควบคุมมลพิษที่ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยมีปริมาณ E-waste เพิ่มขึ้นราว 17% ต่อปี ในช่วงปี 2011-2022 มาอยู่ที่ 439,495 ตัน ในปี 2022 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการปรับเปลี่ยนสินค้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์ไอทีที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนค่อนข้างเร็ว สอดคล้องกับข้อมูลจากผลสำรวจของ SCB EIC ในหัวข้อ "การบริโภคอย่างยั่งยืน" พบว่า อุปกรณ์ไอที อย่างเช่น สมาร์ตโฟน หรือแท็บเล็ต เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็น E-waste เร็วกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยราว 30% นิยมเปลี่ยนอุปกรณ์ไอที ใหม่ทุก 1-5 ปี

 

ปัจจุบันผู้บริโภคไทยเริ่มสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมและ E-waste มากขึ้น แต่บางส่วนยังมีปัญหาในการบริหารจัดการ E-waste ให้เหมาะสม

ผู้บริโภคทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมและ E-waste มากขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนได้จากข้อมูลผลสำรวจ Euroconsumers ที่ระบุว่า มากกว่า 90% ของผู้ตอบแบบสำรวจในกลุ่มประเทศ EU ตระหนักว่า
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่ขยะทั่วไป โดยราวเกือบครึ่งตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการรีไซเคิล E-waste อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำคัญคือ การบริหารจัดการที่ถูกต้อง โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจน้อยกว่าครึ่งที่สามารถแยกขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างถูกวิธี เช่นเดียวกับไทย จากผลสำรวจของ SCB EIC พบว่า มากกว่า 88% ของผู้ตอบแบบสำรวจ สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเพิ่มขึ้นของปริมาณ E-waste โดย 30% ตอบว่ามีการนำไปทิ้งที่จุดรับทิ้ง E-waste อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคบางส่วนยังมีปัญหาในการจัดการกับ E-waste โดยพบว่า ราว 20% ของผู้ตอบแบบสำรวจยังคงมีพฤติกรรมเป็นนักสะสมขยะอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากแทบจะไม่เคยทิ้งหรือทิ้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์น้อยมาก

 

จากปัญหา E-waste ส่งผลให้ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สีเขียวมากขึ้นสอดคล้องกับเทรนด์โลก แต่ยังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณหากสินค้ามีราคาแพงกว่าสินค้าทั่วไป

ปัญหามลพิษและปริมาณ E-waste ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์สีเขียวมากขึ้นขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็หันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สีเขียวมากขึ้น สะท้อนได้จากข้อมูลของ Future Market Insights ที่ระบุว่า มูลค่าตลาดของการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจาก 1.73 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 1.77 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2033 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 26.14% ต่อปี (ระหว่างปี 2023-2033) ขณะที่แนวโน้มความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวในไทยมีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกับทิศทางเทรนด์โลก โดยจากผลสำรวจฯ ของ SCB EIC พบว่า กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่มีความสนใจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวและยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคมากกว่าครึ่งยินดีจ่ายเงินเพิ่มแต่ไม่เกิน 5% ขณะเดียวกัน ยังคงมีผู้บริโภคบางส่วนที่ไม่สนใจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณและมองว่าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวมีราคาสูงกว่าสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ ผู้บริโภคราว 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจเริ่มมองว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เช่น การประหยัดพลังงาน การรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

 

แรงกดดันด้าน ESG เป็นตัวเร่งให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มุ่งไปสู่การพัฒนาสินค้าสีเขียวเร็วขึ้น

ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคสะท้อนว่า แรงกดดันด้าน ESG คือความท้าทายสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะต้องมีการปรับกลยุทธ์และพัฒนาการผลิตไปสู่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสายกรีนมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังซัพพลายเออร์ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่จำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ผลิตภัณฑ์หรือวัสดุที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตผ่านการรับรองตามมาตรฐานจากบริษัทคู่ค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน โดยปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้มีความตื่นตัวกับปัญหา E-waste มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับวางขายใน EU จะต้องผลิตสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ EU กำหนด สำหรับไทย ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างเสนอร่าง พ.ร.บ. กากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหากกฎหมายดังกล่าวผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนของรัฐสภาและมีการบังคับใช้ จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของไทยที่นำไปสู่การบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงจัง มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการ E-waste และการพัฒนาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวของไทยยังมีความท้าทายอีกมาก ซึ่งมาตรการภาครัฐจะมีส่วนผลักดันที่สำคัญ

แม้ภาครัฐจะอยู่ระหว่างการเสนอกฎหมายในด้าน E-waste ออกมา แต่ในแง่ของการปฏิบัติ ยังคงมีความท้าทายอีกมากเนื่องจากการจัดการ E-waste ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน อีกทั้ง ยังต้องการทรัพยากรทั้งในด้านเงินทุนและบุคลากร ซึ่งในปัจจุบัน จะพบว่าการจัดสรรพื้นที่หรือจุดรับทิ้ง E-waste ตามชุมชนยังมีไม่เพียงพอ นอกจากนี้ แม้ผู้บริโภคไทยจะเริ่มตื่นตัวกับปัญหา E-waste มากขึ้น แต่ยังคงขาดองค์ความรู้ในการทิ้งหรือคัดแยก E-waste ออกจากขยะทั่วไปอยู่ อีกทั้ง การบังคับใช้กฎหมายอาจยังไม่มีความเข้มงวดเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ปัญหา E-waste ยังคงเป็นภัยร้ายต่อไทยอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ทั้งนี้จากผลสำรวจของ SCB EIC ได้รวบรวมข้อคิดเห็นและความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว โดยมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ดังนี้ 1) ส่งเสริมการจัดให้มีจุด "รับคืน" หรือ "รับซื้อ"ขยะอิเล็กทรอนิกส์ 2) จัดให้มีจุด "รับทิ้ง" ขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบแยกประเภท 3) ส่งเสริมโครงการอุดหนุนการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว 4) สิทธิพิเศษทางภาษีจากการซื้อสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียวสำหรับภาคธุรกิจ เช่น อุปกรณ์สำนักงานที่ประหยัดพลังงานหรือที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ 5) โครงการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะและข้อมูลผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์สีเขียว 6) ออกกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงจัง 7) ส่งเสริม/ดึงดูดการลงทุนในห่วงโซ่อุปทานการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว รวมไปถึงออกกฎหมายควบคุมและขึ้นภาษีสำหรับกลุ่มที่ไม่เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว และ 8) การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับโครงการการลงทุนในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สีเขียว


ผู้เขียนบทวิเคราะห์

นางสาวจิรภา บุญพาสุข นักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้