สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 มีนาคม 2568)--------บลจ.กสิกรไทย สร้างทางเลือกการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ เปิดตัวกองทุน RMF น้องใหม่ชื่อว่า “K-WORLDXRMF” ชูจุดเด่นลงทุนหุ้นทั่วโลกตามดัชนี MSCI ACWI ค่าธรรมเนียมต่ำ เปิดเสนอขายครั้งแรก 19-26 มีนาคมนี้

นายวจนะ วงศ์ศุภสวัสดิ์, CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จากัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากข้อมูล Know The Markets Q1/2025 ระบุว่าเศรษฐกิจโลกยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเงินเฟ้อทั่วโลกที่ทยอยปรับลดลง สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จึงเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนวางแผนเกษียณอย่างมั่งคั่งไปกับการลงทุนหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุน RMF น้องใหม่ล่าสุด “กองทุนเปิดเค เวิลด์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ K-WORLDXRMF” โดยเปิดขายครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 19-26 มีนาคม 2568

นายวจนะกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-WORLDXRMF มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลกตามดัชนี MSCI ACWI ผ่านกองทุนหลัก iShares MSCI ACWI ETF ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มากกว่า 50% และกระจายอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ เทคโนโลยี การเงิน และสุขภาพ โดยมีหุ้นที่น่าสนใจในพอร์ตการลงทุนอย่างApple แบรนด์ที่มีผู้ใช้งานอย่างเหนียวแน่น และมีความภักดีในแบรนด์ (Brand Loyalty) ที่สูงมาก, NVIDIA ผู้ผลิตชิปที่เป็นหัวใจสำคัญของการประมวลผล AI โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งและบริการคลาวด์รายใหญ่ (Hyperscalers) และ Microsoft ผู้ผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่มีผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้ปฏิวัติวงการ AI ด้วย ChatGPT เป็นต้น (ที่มา : Brown Advisory, Investopedia 31 ม.ค. 2025)

นายวจนะกล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของกองทุน K-WORLDXRMF คือ ลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในประเทศเดียว และมีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำ จับจังหวะซื้อ-ขายง่าย เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่เชื่อมั่นในการเติบโตของหุ้นทั่วโลก สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้น และความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี

“บลจ.กสิกรไทย มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่า GDP จะอยู่ที่ประมาณ 2% อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี 2025 จะค่อยๆ ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.8% ด้านนโยบายการเงิน Fed อาจจะปรับลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและระยะเวลา ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 3.75% ในสิ้นปีนี้ ด้านเศรษฐกิจยุโรปกลับมาฟื้นตัวมีสัญญานเป็นบวกมากขึ้น โดยกำไรบริษัทจดทะเบียนเริ่มถูกปรับประมาณการขึ้น สำหรับจีนกระแส AI ของจีนยังคงร้อนแรง ทำให้บริษัทเทคโนโลยีในจีนมีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีด 4 แสนล้านหยวน ให้ธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่ง เพื่อเสริมเสถียรภาพของระบบการเงินและกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ ส่วนเศรษฐกิจเวียดนามคาดว่าเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 6-7% ในปี 2025 โดยมีแรงหนุนจาก 1) ภาคการผลิตเพื่อส่งออก 2) การบริโภคในประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากภาคการผลิต และ 3) เม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน” นายวจนะกล่าว