ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

สรุปภาพตลาดวานนี้ ดัชนี Sideways up วานนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารบวกขึ้นมาจาก Sentiment ข่าวไอเดียการซื้อหนี้เสียฯ นำโดย KBANK BBL SCB TISCO และตามมาด้วยกลุ่มเชื่อมโยง Data Center และงานระบบ เช่น GULF ADVANC PROEN INSET STECON และสังเกตุว่ากลุ่ม DITTO TEAMG NETBAY ก็รีบาวน์ยกกลุ่ม ส่วนด้านลบเป็นแรงขายทำกำไรออกจาก Commodity โดยเฉพาะปิโตรเคมี

แนวโน้มตลาดวันนี้
ติดตามผลตอบแทนหุ้นตัวเดิม
เรายังคงเฝ้าติดตาม หุ้นที่เราแนะนำไปก่อนหน้านี้ ว่าพอจะยังถือต่อได้หรือไม่ ตามที่เรา แนะนำเก็บหุ้น เช่น AAV OSP โรงไฟฟ้า และ Commodity ซึ่งยังคงมีความผันผวนของราคารายวันค่อนข้างสูง และหากเล่น ไม่ดีอย่างที่เราคาด เราพร้อมขายหนี แล้วหยุดรอดูสถานการณ์ ด้วยภาวะการลงทุนหุ้นไทยที่เปราะบาง และ วอลุ่มถดถอย อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนของราคาได้เกินคาด
อย่างไรก็ดี หากประเมินสถานการณ์การลงทุนช่วงนี้ตามกระแสข่าวต่างๆจะพบว่า ราคาหุ้นไทยดูแล้วน่าจะแกร่งพอรองรับ ปัจจัยลบต่างๆ ตามบริบทเดิม ที่ยังอยู่ในตลาดหุ้นโลก เช่น มาตรการตอบโต้ทางการค้า และกำแพงภาษี, ภัยสงคราม, เงินเยน ญี่ปุ่น แข็งค่ากับการเร่งปิดสถานะ JPY Carry trade ฯลฯ ขณะที่มองไปข้างหน้า ยังไม่น่าจะมีประเด็นลบใหม่ๆนอกจากนี้
ส่วนประเด็นในประเทศ เช่น มาตรการกำกับดูแลตลาดหุ้นไทย, แนวทางแก้หนี้ครัวเรือน, โอกาสผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ดูจะไม่ค่อยช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนหุ้นไทยสักเท่าไร
สภาพราคาหุ้นที่เราแนะนำ จึงเป็นอย่างที่เห็น แต่เรายังคงเฝ้าระวังและติดตามผลงานต่อไปอีกระยะ...

กลยุทธ์การลงทุน
เลือกสะสมหุ้นรายตัว (Hold ระยะยาวหน่อย) จากเกณฑ์
1) ราคาหุ้นทรงตัวได้ดี Outperform ในเชิงเทคนิคคอล ไม่ Overbought
2) ความถูกของราคาหุ้นเมื่อเทียบมูลค่าทางบัญชี (PBV) และเทียบกับ Bands
3) แนวโน้มผลการดำเนินงานระยะสั้น ดูแล้วไม่น่าจะสร้างความผิดหวัง
4) โอกาสที่กำไรระยะสั้นจะดีกว่าที่คิด เพราะมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น มาตรการ ช้อปช่วยชาติ แจกเงินหมื่น ในช่วงไตรมาสแรก หนุนกำไรโตต่อเนื่อง 4Q24-1Q25
5) มีปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET กำลังทำทรงออกข้าง สร้างฐาน จุดสังเกตดัชนีสู้ไม่ยอมให้เกิด low ใหม่ต่ำกว่า 1,157 จุด นอกจาก price pattern จะยืนได้แล้ว จับตาโมเมนตัม RSI sideway เริ่มฟื้นตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เงื่อนไข...หากดัชนีทะลุเส้น EMA 10 วันที่ 1,180 จุด อาจเป็นจุดกลับตัวระยะสั้น (เมื่อวานขึ้นทดสอบครั้งแรก แต่ไม่ผ่าน) สำหรับนักลงทุนสายกลาง ยังคงเน้นสะสมหุ้นแนะทยอยซื้อไม้แรกที่ 1,150 จุด +/-
Note: รูปแบบในอดีต ช่วงตลาดผ่านพ้นขาลง ส่วนใหญ่จะมีการสร้างฐานก่อนปรับตัวขึ้น SET เริ่มเข้าสู่ “Green Ocean”

What to watch
การประชุมเฟดวันพุธ (รู้ผล พฤ.) ตลาดคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.5%
FTSE Thailand index review มีผล 21 มี.ค.นี้: Large Cap ไม่มีหุ้นเข้าออก / Mid Cap ถอดหุ้น EA IRPC / Small Cap เพิ่มหุ้น CCET EA IRPC SKY WHART ถอดหุ้น BYD LPN
UBS อัพเกรดหุ้นไทย กลับมาเพิ่มน้ำหนักลงทุน Overweight แนะ 8 หุ้น top pick AOT CPALL PTTEP TRUE KBANK KTB CRC PTTGC
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะเริ่มการประชุมนโยบายการเงิน 2 วันในวันนี้ โดยคาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% เมื่อการประชุมสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.)
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (17 มี.ค.) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน จะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันในอนาคตอันใกล้นี้ ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -2.1% ในไตรมาส 1/2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 1/2568

หุ้นแนะนำวันนี้
TOP เรื่องโครงการโรงกลั่น CFP สะท้อนไปในราคาหุ้นหมดแล้ว เหลือแต่การเดินหน้าโครงการและกลับมามี Upside ในอนาคต
แนวรับ 25.5 แนวต้าน 28 ตัดขาดทุน 24

รายงานพื้นฐานวันนี้

Home Improvement Sector
ได้อานิสงส์ราคาปูนขึ้น?
ราคาปูนซีเมนต์ปรับขึ้นหลัง SCC ลดส่วนลดการตลาด ดันราคาหน้าโรงงานสูงสุด 400 บาท/ตัน หนุน SSSG ของกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะ GLOBAL และ DOHOME ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากปูน 8-10% และ 2-4% ตามลำดับ (HMPRO ได้ประโยชน์น้อย <1%) เราคาดราคาปูนที่เพิ่มขึ้น ~15% จะช่วยหนุน SSSG 1Q25 ราว 0.5% สำหรับ GLOBAL และ 0.15% สำหรับ DOHOME
อย่างไรก็ตาม SSSG ของกลุ่มซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน (HD&C) ใน 1Q25TD อ่อนแอกว่าช่วง 4Q24 จาก 1) ดีมานด์บ้านใหม่ที่ยังอ่อนแอ 2) มาตรการ “Easy e-Receipt” กระตุ้นยอดขายได้น้อยลง โดย GLOBAL เจอปัญหาสต๊อกขาดบางรายการ (ส่วนใหญ่เหล็ก) ส่งผลให้ SSSG ติดลบ 6-8% ขณะที่ DOHOME มี SSSG เร่งขึ้นเป็น 2-4% (จาก 1.5% ใน 4Q24)
กำไรหลักกลุ่ม HD&C 1Q25 คาดทรงตัว YoY แต่ฟื้น QoQ ตามฤดูกาล โดย DOHOME เด่นสุด ทั้ง YoY และ QoQ โตจาก SSSG และ GM ที่ดีขึ้น ส่วน GLOBAL ยังถูกกดดันจากสต๊อกเหล็กขาดแคลน
Fundamental view: เรายังเลือก “ซื้อ” เฉพาะ DOHOME ในกลุ่ม HD&C จากแนวโน้มกำไรที่เริ่มฟื้น ส่วน GLOBAL ยังต้องรอดูแรงกระตุ้นจากรัฐฯ และเสถียรภาพราคาวัสดุก่อสร้าง
สำหรับภาพรวมกลุ่มค้าปลีกโดยรวม เรายังชอบสินค้าจำเป็นอย่าง CPAXT และ CPALL มากกว่าจากกำไรที่มั่นคงและเติบโตต่อเนื่อง

Residential Property Sector
การเปิดตัวโครงการใหม่แกร่งขึ้น
AREA รายงานการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 4,729 ยูนิต ในเดือนก.พ. 2568 เพิ่มขึ้น 190% MoM เติบโตทุกหมวดหมู่ โดยคอนโดเปิดตัวทั้งหมด 3,426 ยูนิต เพิ่มขึ้น 249% MoM บ้านเดี่ยวเปิดตัวทั้งหมด 547 ยูนิต เพิ่มขึ้น 234% และทาวเฮ้าส์เปิดตัวทั้งหมด 750 ยูนิต เพิ่มขึ้น 54% MoM นอกจากการเปิดตัวที่สูงขึ้นในเดือน ก.พ. แล้ว ยอดจองซื้อก็ปรับตัวขึ้นในทุกหมวดหมู่
โดยยอด take-up rate เดือน ก.พ. อยู่ที่ 23% ปรับตัวขึ้นจาก 14% ในเดือน ม.ค. โดยคอนโดเห็นอัตราจองซื้อที่ดีที่สุดที่ 29% ตามมาด้วยบ้านเดี่ยวที่ 10% และ ทาวเฮ้าส์ที่ 4%
สำหรับเดือนมีนาคม เรามองว่าการเปิดตัวโครงการใหม่และยอดจองซื้อจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากจะเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาส 1 และยังเป็นเดือนก่อนจะเจอวันหยุดยาวในเดือนเมษายน ดังนั้น Developer หลายๆ รายจะดันการเปิดตัวโครงการมาเปิดตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้
Fundamental view: ฤดูกาลปันผลและขึ้น XD กำลังมาถึง เรามองว่า ณ ราคาหุ้นตรงนี้ กลุ่มอสังหาฯ จ่ายปันผลสูงถึง 6-7% เราให้ top pick เป็น AP และ SPALI ที่จะจ่ายปันผลสูงถึง 7% และ 5% ตามลำดับ

BEM
ทางด่วนและ รถไฟฟ้ากรุงเทพ
ความกังวลเรื่องทางด่วนถล่มหุ้นเกินไป
ราคาหุ้น BEM ปรับลงจากข่าวสะพานทางด่วนถล่ม แต่เรามองว่าผลกระทบทางการเงินมีน้อยมาก โดยเหตุการณ์สะพานถล่ม คือ โครงการใหม่ (ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ถล่มลงมาทับทางด่วนเฟสแรก (FES) ที่เปิดใช้งานแล้ว โดยเฉพาะบริเวณด่านดาวคะนอง การทางพิเศษฯ (EXAT) ประเมินว่าทางขาเข้าเปิดได้ใน 7 วัน ส่วนขาออกอาจใช้เวลาถึง 30 วัน แต่ความคืบหน้าซ่อมแซมล่าสุดแล้วเสร็จถึง 95% เราจึงเชื่อว่าด่านดาวคะนองจะเปิดได้เร็วกว่ากำหนด และผู้ใช้ทางยังสามารถใช้ด่านสุขสวัสดิ์ใกล้เคียงแทนได้
ผลกระทบต่อรายได้ BEM มีจำกัด เพราะ BEM รับรายได้เพียง 40% ของ FES และด่านดาวคะนองมีปริมาณรถเฉลี่ย 30,000 คัน/วัน กรณีเลวร้ายที่สุดอปิดใช้งาน 30 วันทั้งหมด รายได้ BEM จะหายไปแค่ ~18 ลบ. หรือเพียง 0.3% ของกำไรปี 2025 อีกทั้ง BEM มีประกันคุ้มครองความเสียหายประเภทนี้อยู่แล้ว
Fundamental view: เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาหุ้นที่อ่อนตัวถือเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสม โดยมองว่ากำไรหลักปี 2025 จะโต 15% YoY ขณะที่หุ้นซื้อขายที่ PBV ปี 2025 ที่ 2.0x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว (3.5x) ถึง -2.3SD ซึ่งถือว่า “ถูก” และยังมีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากโครงการทางด่วนและรถไฟฟ้าสายใหม่

สรุปประเด็นจาก Quick take

ILM
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% และอัตรากำไรขั้นต้นขึ้น 100-200 bps ผู้บริหารมองกำลังซื้อปีนี้เเย่กว่าปีก่อน
ภาพรวม SSS ม.ค.-ก.พ.หดตัว 2-3%
View from fundamental: แนวโน้มกำไรหลัก 1Q25 ที่จะปรับลง YoY และ QoQ เพราะ SSS หดตัวและเลื่อนเปิด little walk จึงยังไม่ใช่จังหวะเข้าลงทุนหุ้น ILM

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน