WHA : การเลื่อนการเสนอขายหุ้น IPO และคำแนะนำ “ซื้อ” ตามการประเมินมูลค่าใหม่

ผู้บริหารระบุ "ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนในทันที"
ตามประกาศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (17 มีนาคม) บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ได้ประกาศเลื่อนการนำบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHAID) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังเลื่อนแผนการให้สิทธิซื้อหุ้นแก่พนักงาน (ESOP) ของ WHAID และการปรับโครงสร้างของ WHAUP (โดยยังคงสัดส่วนการถือหุ้นของ WHA ที่ 71.59%) ตามที่บริษัทได้แถลงในการประชุมชี้แจง การตัดสินใจนี้เป็นการตอบสนองต่อสภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ผันผวน สำคัญที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงิน และแม้ว่าผลขาดทุนจากการปรับโครงสร้างที่เกิดขึ้นในปี 2024 จะไม่สามารถย้อนกลับได้ แต่ก็หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ เมื่อยกเลิกแผนการโอนหุ้น WHAUP ผลกระทบทางภาษีที่เกี่ยวข้องก็ถูกยกเลิกไปด้วย WHA ยืนยันบทบาทของตนเองในฐานะบริษัทดำเนินงาน ไม่ใช่บริษัทโฮลดิ้ง และเน้นย้ำว่าสถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วน Net IBD/Equity ต่ำกว่า 1.2 เท่า และไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนในทันที

โอกาสการเติบโตหลังการปรับตัว ปัจจัยบวกระยะสั้นถูกบดบังด้วยความกังวลเรื่องเงินทุน
เรามองเห็นโอกาสของผลการดำเนินงานของ WHA โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก backlog อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าตลาดมีคำถามเกี่ยวกับการเติบโตระยะยาวในธุรกิจใหม่ และเราขอเตือนว่าการจัดสรรงบลงทุน (CAPEX) อาจยังคงกดดันผลการดำเนินงานของ WHA ในระยะสั้น เมื่อพิจารณาถึงราคาที่น่าสนใจ เราปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" สำหรับ WHA ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 4.90 บาท แม้จะยกเลิกการเข้าจดทะเบียนและการปรับโครงสร้าง เรายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับแผนของผู้บริหาร เนื่องจากงบลงทุนและการลงทุนอาจยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อไป

สัญญาณของยอดขายล่วงหน้าที่แข็งแกร่ง ไม่มีการคาดการณ์เรื่องการโอน
ยอดจองที่ดินยังคงรักษาโมเมนตัมที่แข็งแกร่งที่เริ่มต้นในช่วง 2H24 ซึ่งใน 3Q และ 4Q มียอดขายประมาณ 700 ไร่ต่อไตรมาส WHA มีความมั่นใจที่จะบรรลุหรือสูงกว่าเป้าหมายยอดขายที่ดิน 2,350 ไร่ที่ตั้งไว้อย่างระมัดระวังสำหรับปีนี้ แม้ว่าตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงของ 1Q จะไม่ได้เปิดเผยก่อนสิ้นสุดไตรมาส แต่ผู้บริหารได้แสดงถึงแนวโน้มที่เป็นบวกอย่างมาก ซึ่งเทียบเท่ากับผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 4Q ของปีที่แล้ว กระบวนการในระยะสั้นแข็งแกร่ง ประกอบด้วย LOI ที่สำคัญมากกว่า 400 ไร่ และสัญญาที่มีศักยภาพมากกว่า 600 ไร่ที่คาดว่าจะปิดใน 2Q หรือ 3Q นอกจากนี้ ดีลขนาด 1,000 ไร่กำลังคืบหน้า โดย 400 ไร่มีกำหนดจะอยู่ใน 1Q ของปีนี้ ดีลที่สำคัญเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเพิ่มเป้าหมายทั้งปีอย่างมีนัยสำคัญภายในกลางปี