Equality for All
HANA : บมจ.ฮานาไมโครอิเล็คโทรนิคส์

ยังไม่ฟื้นใน 1H25 : การประชุมศุกร์ที่ผ่านมา ผบห.เผยว่าธุรกิจยังอ่อนแอจากอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้น ดังนี้

กลุ่ม PCBA ยอดขายที่โรงงาน จ.ลำพูนยังทรงตัว q-q แต่คาดจะได้คำสั่งซื้อกลุ่ม RF ปลายปีนี้ ขณะที่ HANA ได้นำเครื่องจักรอัตโนมัติ และการควบคุมประสิทธิภาพการผลิตมาใช้ ทำให้ลดต้นทุนแรงงานลง -7.7% y-y ส่วนโรงงานในจีน คาดจะทรงตัว q-q เช่นกัน แต่ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ ซึ่งลูกค้าพร้อมจะย้ายฐานการผลิตมาไทยหรือกัมพูชาแทน

กลุ่ม IC ยอดขายที่โรงงาน จ.อยุธยา ยังทรงตัว q-q จากอุปสงค์ที่อ่อนแอ และมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 4Q24เพียง 39% และลดเวลาทำงานลงเหลือ 5 วันเท่านั้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต คาดจะเห็นการฟื้นตัวใน 2H25 ส่วนที่จีนอุปสงค์ OSAT ยังอ่อนแอต่อไปและประสบปัญหาขาดทุน คาด 1Q25 ทรงตัวตามเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอและยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์

HTI ยอดขาย Inlay ยังเติบโต ประกอบกับการได้รับใบรับรอง ARC คาดช่วยให้ยอดขายโตมากกว่า 20% y-y
หน่วยผลิตกัมพูชา HANA ยังเน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนเพื่อลดผลขาดทุน แต่คาดว่าการดำเนินงานปี 2025 จะฟื้นขึ้นหลังการได้คำสั่งซื้อจากลูกค้าหลักในกลุ่ม RF ในปลายปีนี้ และคาดจะได้ผลบวกจากการย้ายฐานการผลิตจากนโยบาย ปธน.ทรัมป์

PMS ยังมีความเสี่ยง : สำหรับ PMS นั้น ผบห. แจ้งว่าจะย้ายสายการผลิต SI ไปจีนใน 3Q25 และจะเหลือเพียงการผลิต SIC เท่านั้น และจะหาลูกค้าตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติมเช่น เกาหลี อินเดีย และลูกค้ากลุ่ม Turnkey (ทำตั้งแต่ต้นจนเสร็จ) เพื่อให้มีการดำเนินงานดีขึ้น

ผบห. คาดว่าจะเห็น PMS ถึงจุดคุ้มทุนที่ระดับ EBITDA ปลายปี 2025 จากการหยุดการผลิต SI ไปซึ่งจะช่วยลดผลขาดทุนที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังเป็นปัจจัยที่ค่อนข้างท้าทายเนื่องจาก PMS ต้องมีรายได้ราว 35-40 ล้านเหรียญจากปี 2024 ซึ่งมีรายได้เพียง 14 ล้านเหรียญ ภายใต้สถานการณ์การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงและอุปสงค์ที่อ่อนแอ
เรามองว่าค่อนข้างท้าทาย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่อาจต้องมีการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนเพิ่มหากไม่เป็นอย่างที่คาด โดย 4Q24 บ. มีตั้งด้อยค่าสินทรัพย์จำนวน 1,844 ลบ. ซึ่งคิดเป็น 41% ของมูลค่าทางบัญชี

รอดูภาวะตลาดอีกครั้งเพื่อตัดสินใจโครงการลงทุน FTI : สำหรับโครงการ FTI ที่ลงทุนร่วมกับ PTT โดย HANA ถือ 49% เพื่อใช้ผลิตแผ่น Wafer Fab ในไทย โดยช่วงแรกจะผลิต Foundry สำหรับ SIC ที่โรงงานลำพูน เดิมคาดจะเริ่มผลิตช่วงกลางปี 2027 และโรงงานดังกล่าวจะผลิตให้กับ PMS ซึ่ง ผบห. แจ้งว่ายังรอดูสถานการณ์อีกครั้งเพราะอุปสงค์ SIC ยังอ่อนแอทำให้ยังต้องรอไปก่อน

ปรับลดประมาณการปี 2025 ลง : จากแนวโน้มที่ฟื้นตัวช้าและดูอ่อนแอกว่าที่คาดทำให้เราปรับลดประมาณการลงจากเดิม ซึ่งเป็นการลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
คาดยอดขาย 713 ล้านเหรียญฟื้นตัว 2% y-y เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นเป็น 9.2% จาก 8.8% y-y เนื่องจากปีก่อนได้รับผลจากการตั้งสำรองสินค้าราว 280 ล้านบาท แต่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติที่ 12-13% จากการใช้กำลังการผลิตในระดับต่ำโดยเฉพาะ IC และการฟื้นตัวที่ช้ากว่าคาด ทำให้เราปรับกำไรก่อนรายการพิเศษลงเหลือ 1,040 ลบ. -13% y-y

รอก่อนได้ ไม่ต้องรีบ
“ทุกอย่างยังไม่เป็นบวกต่อการดำเนินงานจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ ประกอบกับธุรกิจใหม่กลับมาสร้างความลำบากให้ธุรกิจมากขึ้นยิ่งทำให้การดำเนินงานฟื้นตัวช้า ขณะที่นโยบายทรัมป์ก็ยังมีความไม่แน่นอนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการดำเนินงานมากขึ้น และยังกังวลว่าอาจต้องตั้งด้อยค่า PMS หากการดำเนินงานไม่เป็นดังคาด
แม้ราคาหุ้นจะปรับลงมาสะท้อนงบที่ออกมาอ่อนแอแต่ยังไม่ใช่เวลาของ HANA ในตอนนี้จากทุกอย่างดูแย่กว่าที่คาด อาจมีประเด็นเรื่องการซื้อหุ้นคืนที่อาจนำมาพิจารณาแต่เรามองว่าการดำเนินงานสำคัญสุดหากทุกอย่างยังไม่ฟื้นรอก่อนดีกว่า”

นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th