Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

TOP เคาะเพิ่มเงินลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) อีกประมาณ 63,028 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท

763

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 ธันวาคม 2567)------- นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)TOP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่19ธันวาคม 2567ได้มีมติที่สำคัญ ดังนี้


1. อนุมัติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568ของบริษัทฯ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) (“โครงการ CFP”)จำนวนประมาณ 63,028 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ1
และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยเงินลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะนำไปใช้เพื่อการก่อสร้างโครงการ การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ เช่น ค่าที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการและเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2561ให้เข้าลงทุนในโครงการ CFP โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,279 ล้านบาทและดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,016 ล้านบาท

โดยคาดว่าการก่อสร้างโครงการ CFP จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2566 โดยบริษัทฯ ได้เข้าทำสัญญาส าหรับการออกแบบวิศวกรรมการจัดหา และการก่อสร้าง (Engineering, Procurement and Construction) (“สัญญา EPC”) กับผู้รับเหมาซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าระหว่าง PSS Netherlands B.V. สำหรับงานออกแบบวิศวกรรมและการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรในต่างประเทศ และ unincorporated joint venture of Samsung E&A (Thailand) Co., Ltd., PetrofacSouth East Asia Pte. Ltd. and Saipem Singapore Pte. Ltd. สำหรับงานก่อสร้างและการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักรในประเทศไทย (เรียกรวมกันว่า “ผู้รับเหมาหลัก”)แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโครงการ CFP ตั้งแต่ช่วงเริ่มงานในขั้นตอนการออกแบบวิศวกรรม การจัดหาวัสดุอุปกรณ์และเครื่องจักร รวมถึงการก่อสร้างในพื้นที่ที่ต้องด าเนินการภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อผลักดันให้โครงการ CFPเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว จึงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการเพิ่มขึ้น และทำให้ระยะเวลา การก่อสร้างโครงการ CFP ต้องถูกขยายออกไปจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ ด้วยเหตุดังกล่าวที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2564 จึงได้พิจารณาอนุมัติการขยายกรอบวงเงินประมาณการดอกเบี้ยระหว่างก่อสร้างของโครงการCFP จาก 151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,016 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นอีก 422 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ14,278 ล้านบาท

และในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2565 ได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการ CFP และอนุมัติให้บริษัทฯ ลงนามในสัญญาแก้ไขสัญญา EPC กับผู้รับเหมาหลัก โดยเพิ่มงบประมาณของโครงการอีกประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,165 ล้านบาท
และขยายระยะเวลาการดเนินโครงการไปอีก 24 เดือน ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการ CFP ต่อไปให้แล้วเสร็จ

ปัจจุบันหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซลที่ 4(Hydrodesulfurization Unit: HDS-4) ได้ประสบความสำเร็จในการทดลองเดินเครื่องจักรและผลิตน้ำมันดีเซลมาตรฐานยูโร 5 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทันต่อการตอบสนองต่อนโยบายการใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 ที่ภาครัฐมีการประกาศบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 เป็นต้นมาอย่างไรก็ดีจาก เหตุการณ์ที่ผู้รับเหมาหลักไม่ชำระเงินค่าจ้างค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงที่ผู้รับเหมาหลักจ้างให้ทำงานในการก่อสร้างโครงการ CFP จนทำให้ผู้รับเหมาช่วงหยุดงานหรือลดจ านวนคนงานลงส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการCFP ให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC จากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ นัดพิเศษครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า

(1) ถ้าบริษัทฯ สามารถดำเนินโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทฯ มีหน่วยกลั่นน้ำมันดิบใหม่ที่มีขนาดกำลังการกลั่นสูงทดแทนหน่วยกลั่นเดิม ส่งผลให้กำลังการกลั่นน้ำมันดิบของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจากเดิม 275,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อให้เกิดการประหยัดด้านขนาด (EconomiesofScale) อีกทั้งด้วยการออกแบบให้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหลากหลาย รวมทั้งน้ำมันดิบชนิดหนักที่โดยทั่วไปมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบชนิดอื่น ทำให้สามารถผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่ได้ในการเติบโตในธุรกิจปิโตรเคมีในอนาคต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัทฯ และสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในธุรกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีส่วนสำคัญในการสร้ างความมั่นคงด้านพลังงานและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว


(2) หากไม่อนุมัติให้มีการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP เพื่อก่อสร้างโครงการ CFPต่อไปให้แล้วเสร็จจะทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากโครงการ CFP ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งในระยะยาวบริษัทฯ อาจประสบปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการผลิตของหน่วยกลั่นที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งบางหน่วยมีอายุการใช้งานมากกว่า 60 ปี และอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ หากมีการเปลี่ยนแปลงการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของเทคโนโลยีของหน่วยผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมของบริษัทฯ ในอนาคต

จากเหตุการณ์ที่ผู้รับเหมาหลักไม่ช ระเงินค่าจ้างค้างจ่ายให้กับผู้รับเหมาช่วงที่ผู้รับเหมาหลักจ้างให้ทำงานในการก่อสร้างโครงการ CFP จนทำให้ผู้รับเหมาช่วงหยุดงานหรือลดจำนวนคนงานลงส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา EPC บริษัทฯ จึงต้องพิจารณาทางเลือกในการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จ โดยมีการเตรียมความพร้อมโดยให้ที่ปรึกษาด้านเทคนิค (Technical Advisor) มาตรวจสอบและ
วิเคราะห์การก่อสร้างที่เหลืออยู่ของโครงการ จากรายงานการตรวจสอบและวิเคราะห์ของที่ปรึกษาด้านเทคนิค เห็นว่าการที่จะก่อสร้างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 63,028 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้พิจารณาคำแนะนำและความเห็นของที่ปรึกษาด้านเทคนิค (TechnicalAdvisor) บริษัท ลิ้งค์เลเทอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ Polaris Advisory Asia Private Limited ในฐานะที่ปรึกษา
ด้านกฎหมาย (Legal Advisors) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาการเงินอิสระ(Independent Financial Advisor) แล้วเห็นว่าเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาและตัดสินใจในการทำธุรกรรมที่มีนัยสำคัญของบริษัทฯ คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้มีมติอนุมัติให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เพื่อเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP เป็นจำนวนเงินประมาณ 63,028 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐและดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการ CFP เป็นจำนวนเงินประมาณ 241,472 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 7,151ล้านดอลลาร์สหรัฐ5และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 37,216 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,078 ล้านดอลลาร์สหรัฐ6
และพิจารณาอนุมัติการมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริษัทฯ หรือบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทฯมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเจรจา กำหนด ตกลง ทำให้เสร็จสมบูรณ์ลงนามในสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง และการแก้ไขเปลี่ยนแปลงวิธีการ ขั้นตอนการดำเนินงานของโครงการ CFPหรือการกระทำการอื่นใดตามความเหมาะสมและจำเป็นเพื่อให้การดำเนินโครงการ CFP แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์


2. อนุมัติการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00น. ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และมอบอำนาจให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฯ เป็นผู้ออกและลงนามในหนังสือเรียกประชุมดังกล่าว และให้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการประชุม วัน เวลา สถานที่ประชุม รวม
ทั้งรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 ของบริษัทฯ ตามความเหมาะสมและสมควร ในกรณีที่มีความจำเป็นที่ไม่สามารถควบคุมได้หรือเพื่อประโยชน์ในการจัดการประชุมให้สะดวกเรียบร้อยและเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 6 มกราคม 2568

3. อนุมัติการกำหนดระเบียบวาระการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั ้งที่ 1/2568 ดังนี ้ระเบียบวาระที่ 1 พิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Projectหรือ CFP)

ความเห็นของคณะกรรมการ:
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้พิจารณาแผนการดำเนินการ ผลกระทบต่อบริษัทฯ และประโยชน์ที่บริษัทฯ จะได้รับจากการก่อสร้างโครงการ CFP ต่อไปให้เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงมีมติเห็นชอบการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP และเห็นสมควรให้เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 เพื่อเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในโครงการ CFP อีกเป็นจำนวนเงินประมาณ 63,028 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,776 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 17,922 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการ CFP เป็นจำนวนเงินประมาณ 241,472 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 7,151 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้ างประมาณ 37,216 ล้านบาท หรือเทียบเท่าประมาณ 1,078 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าวจะนำไปใช้ชำระค่าก่อสร้าง การจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ส่วนที่เหลือ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าที่ปรึกษาต่างๆ เป็นต้น เพื่อดำเนินการก่อสร้ างโครงการ CFP ให้แล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพกระบวนการผลิตของบริษัทฯ ในเชิงของการประหยัดด้านขนาด (Economiesof Scale) ด้วยกำลังการกลั่นน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน อีกทั้ง บริษัทฯ สามารถกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหลากหลาย รวมทั้งน้ำมันดิบชนิดหนักที่โดยทั่วไปมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบชนิดอื่น และสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าต่ำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ระเบียบวาระที่ 2 เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้