Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล. เอเซีย พลัส : Market Talk

288

 


FUND FLOW ยังไหลออก
SET INDEX วานนี้ปรับฐานต่อ โดยนักลงทุนต่างชาติ และ สถาบันในประเทศขายสุทธิ ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมพื้นฐานเช้านี้ยังมีน้ำหนักในทางลบ เริ่มจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันของทั้ง DEMAND ที่มีสัญญาณอ่อนตัวตามตัวเลขเศรษฐกิจเชิงลบของจีน ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณของสงครามในภูมิภาคต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงหลัง ปธน.คนใหม่ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นสถานการณ์การเมืองในบ้านเรา โดยความสนใจหลักอยู่ที่คำร้องให้ยุบพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ (พิจารณาว่าจะรับ หรือไม่รับคำร้อง) และที่ กกต. (พิจารณาว่าจะยื่นให้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคหรือไม่) ภาวะดังกล่าวเมื่อประกอบกับกำไร3Q67 ที่ต่ำกว่าคาด น่าจะกดดัน SET INDEXประเมินว่า SET INDEX ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานต่อ โดยปัจจุบันยังไม่เห็นแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานใหม่ๆ ที่เข้ามา วันนี้คาดอยู่ในกรอบ1450 –1465 จุด หุ้น TOP PICK เลือก CRC, PLANB และTISCO

 

ราคาน้ำมันดิบดิ่งตัวแรง เน้นสะสมหุ้นกลุ่มใดบ้าง
วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลงแรง 2.7% ปิดที่ระดับ 71.8 เหรียญฯ/บาร์เรล จากเนักลงทุนยังคงผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่ออกมาน้อยกว่าตลาดคาด และตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่าง CPI ที่ล่าสุดออกมาชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงปัญหาเงินฝืดของจีน ซึ่งส่งผลต่อ DEMAND น้ำมันดิบที่ประเทศจีนใช้น้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลกส่วนอีกประเด็นที่กดดันราคาน้ำมันดิบ คือ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล (GIDEONSAAR) ระบุว่า อิสราเอลจะตกลงหยุดยิงก็ต่อเมื่อได้รับการรับรองว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่อยู่บริเวณชายแดนอิสราเอล และต้องไม่ได้รับอาวุธล็อตใหม่เข้ามาเสริมกำลังพล แม้ปัจจัยดังกล่าวจะยังไม่ได้มีความชัดเจนของผลลัพธ์ อย่างไรก็ตามถือเป็นปัจจัยความหวังของนักลงทุนว่ามีโอกาสเห็นความร้อนแรงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม


ซึ่งประเด็นดังกล่าว หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยเดือน พ.ย. 67 ลดลงใกล้หลุด70 เหรียญฯแล้ว จึงอาจเห็นอัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทยอยลดลงตามลำดับซึ่งอาจส่งผลให้การใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางต่างๆ มีโอกาสเกิดเร็วและแรงขึ้นในอนาคต

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบลดลง ได้แก่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง,ขนส่ง, เกษตร-อาหาร และเช่าซื้อ



การเมืองไทยร้อนขึ้น ห่วงกระทบนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
ความไม่แน่นนอนทางการเมืองไทย มักเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นบ้านเราในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีผลต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศ รวมถึงการเดินหน้านโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยด้วย

ขณะที่วานนี้มีความคืบหน้าประเด็น “6 คำร้อง” ทนายธีรยุทธ ยื่นตรวจสอบพฤติกรรมของทักษิณและพรรคเพื่อไทย โดยล่าสุดอัยการสูงสุด ได้ทำหนังสือหนังสือชี้แจงการดำเนินการ-รวบรวมหลักฐาน ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วเมื่อวันที่ 8พ.ย. 67 ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดถกพิจารณา 'รับ-ไม่รับ' คำร้องดังกล่าว ในวันที่22 พ.ย. นี้นอกจากนี้ยังมีคำร้องทางการเมืองไทยที่น่าติดตามคือ “6 คำร้อง” ที่ยื่นต่อ กกต. ให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย-พรรคร่วมฯ โดยต้องจับตา กกต. จะยื่นคำร้องต่อให้ศาลรธน. พิจารณาหรือไม่ คาดเห็นความคืบหน้าช่วงปลาย พ.ย. 67

 

อีกหนึ่งประเด็น คือ ผลการประชุมบอร์ดแบงก์ชาติวานนี้ มีมติให้นายกิตติรัตน์ ณระนอง เป็นประธานคณะกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย คนถัดไป แทน นายปรเมธีวิมลศิริ ที่สิ้นสุดวาระลงเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยขั้นตอนหลังจากนี้ประธานกรรมการฯ จะนำเสนอชื่อต่อ ครม. ให้ความเห็นชอบ และทูลเกล้าฯ เพื่อทรงแต่งตั้งต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ธปท. มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางกรอบ และกำหนดนโยบายของ ธปท. อย่างไรก็ตาม แม้อำนาจหน้าที่ประธานบอร์ด ธปท. จะไม่สามารถปลดหรือตั้งผู้ว่า ธปท.ได้ รวมถึงไม่สามารถแทรกแซงการทำงานของ กนง.ได้ แต่นักวิชาการหลายท่าน ยังมีข้อกังวลต่างๆ อาทิ หวั่นแทรกแซง ธปท. เพื่อสนองนโยบายรัฐ, หวั่นลดความเป็นอิสระของ ธปท. ผ่านการแก้กฎหมาย, แก้กฎหมายแบงค์ชาติ โอนหนี้กองทุน FIDF อยู่ภายใต้ธปท. ฯลฯ

สรุป ทางการเมืองของบ้านเรา ที่มีแนวโน้มร้อนแรงขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นยุบพรรคเพื่อไทย รวมถึงความกังวลต่อการเป็นอิสระเดินหน้าโยบายการเงินของ ธปท.อาจกดดันให้ตลาดหุ้นผันผวน และอาจเป็นแรงผลักดันให้ FUND FLOW ไหลออกSET ยังผันผวน เม็ดเงินไหลออก และมี DOWSIDE จากการปรับ
ประมาณการลงSET INDEX ยังคงผันผวน เม็ดเงินต่างชาติยังคงไหลออกต่อเนื่อง ติดต่อกัน 4 วันทำการ -5.9 พันล้านบาท ท่ามกลางค่าเงินบาทที่อ่อนค่า รวมถึงสถาบันฯ ยังสลับมาขายสุทธิ 2 วันทำการ -1.5 พันล้านบาท


อีกทั้งยังเห็น DOWNSIDE ของการปรับประมาณการกำไรลง หลังกำไรงวด 3Q67 ที่มีแนวโน้มลดลง QOQ, YOY และยังต่ำคาดมาก ซึ่งในเดือนนี้เห็น CONCENSUS เร่งปรับ EPS67F ลงมาแล้ว 2 บาทต่อหุ้น เหลือ 88 บาท/หุ้น และมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดลงอีก

 

ดังนั้น ในช่วงนี้หุ้นที่กำลังประกาศงบมีโอกาสผันผวนมากกว่าปกติ และกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนเป็นพิเศษ แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุน และถือเงินสดบางส่วนราว 20% - 30% ของพอร์ต ในช่วงบริษัททยอยประกาศงบ 3Q67


Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้