Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

449


"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1465/1470 จุด รับ 1446/1443 จุด ดัชนี S&P500 +0.1% ทะลุ 6,000 จุดเป็นครั้งแรก กลุ่มนำ คือ หุ้น Trump Plays ที่ยังมีโมเมนตัมบวก ส่วนปัจจัยมหภาคคาดตลาดรอติดตามรายงานเศรษฐกิจเงินเฟ้อ CPI ต.ค. 24 พรุ่งนี้ (13 พ.ย.) ด้าน Asia เริ่มเห็นผลบวกการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนต่อรายงานเศรษฐกิจ อาทิ ยอดขายบ้านเมืองใหญ่ ยอดขายปลีกรถยนต์ ต.ค. +7%y-y เรามองน่าจะช่วยบรรเทาความผิดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดที่เน้นเฉพาะหนี้ท้องถิ่นได้บ้าง บ่งชี้จากตลาดหุ้นจีนฟื้นช่วงท้ายวานนี้ ส่วนภายในยังเป็นช่วงโค้งสุดท้ายงบ 3Q24 แม้ปัจจุบันรายงานแล้ว 218 บริษัท จะยังต่ำกว่าคาด -21% แต่เริ่มดีขึ้นจากวานนี้ที่ -22.5% หลังหุ้นอิงภายในทยอยรายงานเพิ่มขึ้น ขณะที่ Outlook ภาคบริการบวก ผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. (ชี้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติ) 1-9 พ.ย. สูง 105.4% vs นักท่องเที่ยว 10M24 ที่ 88.3% ของ Pre-Covid สะท้อนภาพฤดูกาลและโอกาสเห็น Upside นักท่องเที่ยวปี 2025F ที่ตลาดมองระดับ Pre-Covid มองหุ้นนำวันนี้ China Plays, หุ้นอิงภาคบริการ และหุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน วันนี้แนะ ADVANC, MTC, IVL

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1465/1470 จุด รับ 1446/1443 จุด

What happened around the world ?

(+)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับขึ้นทำระดับ All time high ได้ต่อเนื่อง แรงหนุนคือประเด็นเดิม ทั้งดอกเบี้ยสหรัฐที่เป็นขาลง, ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง(หุ้นที่อิงนโยบายทรัมป์ปรับขึ้นต่อ อาทิ กลุ่ม Crypto ฯลฯ) โดย ดัชนี Dow jones +0.68%, ดัชนี S&P500 + 0.10%, Nasdaq +0.09% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นหลักๆคือ Sector คือ Consumer discretionary, Financials, Industrial , ICT, Energy ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลง คือ IT, Real estate ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Tesla +8.9% , Microstrategy +25.7% และ Coinbase +19.7% หนุนจากราคา Bitcoin ทำ All time high แตะ 8.9 หมื่น$ ฯลฯ

(*/+)S.Korea Export : ยอดส่งออกของเกาหลีใต้ 1-10 พ.ย. ที่ 1.491 หมื่นล้าน $ -17.8%y-y (แต่ยอดส่งออก Semiconductor + 17.4%y-y ที่ 3.28 พันล้านดอลลาร์ แต่ยอดส่งออกยานยนต์ -33.6%y-y สู่ระดับ 1.33 พันล้านดอลลาร์) KSS มองในส่วนยอดส่งออก Semiconductor ที่ขยายตัว 2 หลัก เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนไทย DELTA , HANA

(*/+) China Econ: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากการชะลอตัว สะท้อนจากข้อมูลจากกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมืองและชนบทแสดงให้เห็นว่าใน ต.ค. 24 ยอดขายบ้านในเมืองหลัก เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้น เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และสมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีนรายงานตัวเลขยอดขายส่งรถยนต์เริ่มฟื้นตัว +7%y-y ในเดือน ต.ค. KSS มองภาพตลาดอสังหาที่ฟื้นตัว เป็นผลจากมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาที่ออกมาเมื่อเดือน ต.ค. เชื่อว่าภาพรวมจะฟื้นตัวต่อได้นับจากนี้ไป โดยเรามองเศรษฐกิจในภาพรวมจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจากนโยบายกระตุ้นที่มีการเร่งออกมานับตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.24 เรายังคาดหวังมาตรการกระตุ้นภาคการบริโภคและภาคอสังหาเพิ่มเติมอย่างนับจากนี้ หากเศรษฐกิจจีนมีสัญญานชะลอลง ทั้งนี้ ระยะสั้นแนะนำติดตามการรายงานดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีนเดือน ต.ค. ในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. นี้ ยังมองการฟื้นตัวของจีนหนุนหุ้นกลุ่ม China Plays ในระยะกลาง สะสมหุ้น China Play นำโดย IVL SCC PTTGC

(*) To monitor: ฝั่งสหรัฐ 13 พ.ย. คาดเงินเฟ้อทั่วไป เดือน ต.ค.+2.6%y-y, +0.2%m-m 14 พ.ย. PPI เดือน ต.ค. 15 พ.ย. ดัชนีค้าปลีก ต.ค. คาด +0.3%m-m vs prev. +0.4%m-m, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด -0.2%m-m vs prev. -0.3%m-m ยุโรป 14 พ.ย. GDP Growth ยุโรป 3Q24 ตลาดคาด 0.9%y-y, 0.4%q-q ฝั่งจีน 15 พ.ย. ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือน ต.ค. คาด ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม +5.5%y-y vs prev. +5.4%y-y, ดัชนีค้าปลีก คาด +3.8%y-y vs prev. +3.2%y-y, การลงทุนสินค้าค้าทน คาด +3.5%ytd y-y vs prev. +3.4%ytd y-y, การลงทุนภาคอสังหา คาด -9.9%ytd y-y vs prev. -10.1%ytd y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ แนวโน้มแกว่งตัวออกข้างอายุสั้น อิงอายุ 2 ปีทรงตัวอยู่ที่ 4.25% แต่อายุ 10 ปี ปรับขึ้น 3 bps อยู่ที่ 4.33 % ส่วน Dollar Index แข็งค่ามาที่ 105.4 จุด ประเมินหนุนค่าเงินสกุลเอเชียอ่อนค่าช่วงสั้น

(-)Oil : น้ำมันดิบปรับลงต่อ อิง Brent -2.61%d-d ปิดที่ USD 71.94/barrel น้ำมันดิบ West Texas -3.32%d-d ปิดที่ USD 68.04/barrel แรงกดดันมาจาก 1.)Dollar แข็งค่าต่อเนื่อง 2.)ตลาดผิดหวังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีมาตรการกระตุ้น อสังหา การบริโภค 3.)คลายกังวล Supply น้ำมันที่หายไปจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโกจะกลับมา โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มที่มีต้นทุนน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน เน้น AAV, BA กลุ่ม Anticommodity กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TASCO

•(*/+) BDI : ดัชนีค่าระวางเรือ BDI +4.21%d-d ปิดที่ 1558 จุด เป็นการปรับขึ้น 5 วันติด และทำจุดสูงสุดตั้งแต่ 21 ต.ค.2024 มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มเรือเทกอง อาทิ TTA, PSL

•(*/+) Crypto Stocks : ราคา Bitcoin +10.12%d-d ปิดที่ 88,014 USD แรงหนุนจากนโยบายหาเสียงของ Donald Trump สนับสนุนอุตสาหกรรม Crypto โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นทำธุรกิจอิง Crypto อาทิ JTS, BTC

 

What happened in Thailand?

(*/-) SET : SET Index ปรับลง -8.22 จุด หรือ -0.56%) ปิดที่ 1,456.47 จุด จากจิตวิทยาลบความผิดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ครอบคลุมเฉพาะหนี้สินท้องถิ่น โดยไม่มีในส่วนภาคอสังหา ภาคบริโภค อย่างไรก็ดี อิงสัญญาณยอดขายบ้านในหัวเมืองใหญ่ และยอดขายรถยนต์ที่เริ่มคึกคักขึ้น เรามองรัฐบาลน่าจะรอติดตามพัฒนาการมาตรการที่ออกมาช่วงก่อนหน้า หากยังฟื้นตัวช้า น่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมในส่วนดังกล่าวอีกระลอก กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ตามราคาน้ำมันที่ปรับลง -2.0% จากสถานการณ์พายุอ่าวเม๊กซิโกที่ผ่อนคลายขึ้น และจิตวิทยาลบเงินเฟ้อจีนที่ยังต่ำ กลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, TTB) จิตวิทยาลบหลังมีกระแสข่าวคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง นั่งประธานบอร์ดคนใหม่ กลุ่มประคอง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) มองหุ้นหลักในธีม S Curve ใหม่เศรษฐกิจไทยในส่วน Infrastructure Tech เป็นแรงขับเคลื่อน

(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด (8 พ.ย.2024) ไหลออก ขายหุ้น -22.1 ล้านเหรียญ, ขายพันธบัตร -58.9 ล้านเหรียญฯ สถานะ TFEX Net Long 3,414 สัญญา เงินบาทเคลื่นไหวอ่อนค่า/แข็งค่าสู่ 34.5 บาท

(+++) TH Tourism: สัญญาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นบวกต่อเนื่อง ผู้ใช้บริการสนามบิน AOT เดินทาง ตปท. (ชี้นำนักท่องเที่ยว) 1-9 พ.ย. เร่งสู่ 105.4% ของ Pre-COVID หนุนสัปดาห์ล่าสุด 3-9 พ.ย. เร่งสู่ 105.9% ของ Pre-COVID ทิศทางดังกล่าวสะท้อนภาพเข้าสู่ช่วงฤดูกาลชัดเจน อิงฐานนักท่องเที่ยว 10M24 ที่อยู่ราว 88.3% ของ Pre-COVID โดยรวมเราคาดนักท่องเที่ยวทั้งปี 24F ใกล้ Consensus ประเมิน 35-36 ล้านคน ส่วนปี 2025F เราแนะนำให้จับตาดู Upside ที่มีโอกาสเกิดจากฐานนักท่องเที่ยวที่ตลาดระดับ Pre-COVID ซึ่งต่ำกว่าพัฒนาการ พ.ย. 24 ที่ทะลุระดับ Pre-COVID

เชิงกลยุทธ์ เรายังมองบวกหุ้นภาคบริการ ประเมินจะกลับมาโดดเด่นขึ้นชัดเจนใน 4Q24 และหากโมเมนตัมนักท่องเที่ยวที่เห็นต้น พ.ย. ยังมีความต่อเนื่องจะเปิด Upside ในปี 2025F ด้วย ตัวเลือกหุ้นน่าสะสม เน้น AOT BJC CPALL ERW

(*/+) BOT: แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ มีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง นั่งประธานบอร์ดคนใหม่ เราประเมินจิตวิทยาบวกต่อ SET และหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง จากการขับเคลือนนโยบายการเงิน การคลังที่จะมีความสอดประสานกันได้ดีขึ้น อาทิ โรงไฟฟ้า GULF สื่อสาร ADVANC เช่าซื้อ MTC JMT

(*/-) TH Politic: แหล่งข่าวจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผย ความคืบหน้ากรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า "นายทักษิณ ชินวัตร" (ผู้ถูกร้องที่ 1) และ พรรคเพื่อไทย (ผู้ถกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าว ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ เรามองตลาดมีโอกาสที่ชะลอลงทุนเพื่อรอติดตามว่าศาลจะพิจารณารับฟ้องหรือไม่ เพื่อประเมินทิศทางเสถียรภาพการเมือง

(*) TH Earning: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 218 บริษัท (vs วันทำการล่าสุด 154 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -21% (VS วันทำการล่าสุด -22.5%) และหดตัว -39.5%y-y (VS วันทำการล่าสุด -40.8%y-y โดยล่าสุดกลุ่มที่รายงานกำไร

- งบดีกว่าคาด ได้แก่ IVL (670%y-y, พลิกกำไร q-q) BBIK (16%y-y, 113%q-q) ILM (1.2%y-y, 13%q-q)

- งบตามคาด ได้แก่ NSL (84%y-y, 2.3%q-q) ADVICE (21%y-y, 1.5%q-q) MOSHI (33%y-y, 33%q-q) SNNP (2%y-y, 1%q-q) MAJOR (-52%y-y, -78%q-q) VGI (-53%y-y, 24%q-q)

- งบแย่กว่าคาด ได้แก่ AWC (+128%y-y, +42%q-q) BA(-65%y-y, -6%q-q) GFC (-20%y-y, -5%q-q) CKP (17%y-y, 1511%q-q) ICHI (8.9%y-y, -5.7%q-q)

ส่วนหุ้นหลักที่คาดจะรายงานกำไรวันนี้ ได้แก่ BDMS BGRIM KCE THCOM MINT AP MTC AAV SPALI TIDLOR เชิงกลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสรายงานกำไรออกมาดี BDMS MTC AAV

(*/+) EPL & FA Cup : JAS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพสำหรับประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ในทุกช่องทางถ่ายทอดสด (อินเตอร์เน็ต ทีวี, ดิจิทัล ทีวี, ทีวี ดาวเทียม เคเบิลทีวี ไอพีทีวี และ OTT) 3-6 ฤดูกาล (แล้วแต่วันยืนยันข้อตกลงระหว่าง JAS กับเจ้าของลิขสิทธ์) มีผลตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26

 

กรณี 3 ฤดูกาล มูลค่าลิขสิทธิ์จะอยู่ราว 197.7 ล้านเหรียญฯ ถือว่าไม่แพงหากเทียบราคาประมูลรายการดังกล่างของไทยที่มีการเปิดเผยล่าสุดที่ 300 ล้านเหรียญ (ฤดูกาล 2016/17 - 2018/19) ส่วน 6 ฤดูกาล (JAS ต้องยืนยันข้อตกลงก่อน 1 ธ.ค. ) จะอยู่ราว 560 ล้านเหรียญฯ โดยการจ่ายค่าลิขสิทธ์จะอยู่ในลักษณะการทยอยจ่าย (ยังไม่มีรายละเอียด)

 

JAS คาดใช้เงินสดและการก่อหนี้รองรับการลงทุน แม้เฉพาะค่าลิขสิทธิ์เราประเมิน ฐานะการเงิน JAS ปัจจุบันรองรับได้ สิ้นสุด 2Q24 หากอิง

1.) เงินสดในมือ 4.7 พันล้านบาท

2.) เงินที่จะได้รับจากการขายหุ้นทุนซื้อคืนหุ้นละ 3.5 บาท 300.7 ล้านหุ้น (ระหว่างวันที่ 24 ต.ค. 24 - 24 มี.ค. 25) ราว 1.0 พันล้านบาท

3.) สถานะเป็น Net Cash เพราะแม้ JAS มีหนี้สินรวม 4.4 พันล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย 736 ล้านบาท ขณะที่ฐานทุนสูง 1.07 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดามรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งเงื่อนไขการชำระค่าลิขสิทธิ์และต้นทุนอื่นๆ

 

เชิงกลยุทธ์ เรามองข้อตกลงดังกล่าว บวกต่อ JAS, MONO และ ADVANC ส่วน TRUE ที่เสียลิขสิทธิ์มองเป็นกลาง

-JAS ปัจจุบันหลังขายธุรกิจอินเตอร์เนตเหลือรายได้ปีละ 4.0 +/- พันล้านบาท จะเป็นการหนุนธุรกิจอินเตอร์เนต ทีวีของ JAS ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ธุรกิจหลักที่มีอยู่ในปัจจุบัน (บริการ IPTV ภายใต้แบรนด์ 3BB GIGATV) ปัจจุบันมีลูกค้าราว 7.0 แสนราย (11% ของรายได้ 2Q24) ส่วนรายได้หลัก JAS ปัจจุบัน 64% ของรายได้มาจากธุรกิจให้เช่าโครงข่ายใน+นอกประเทศและการขุด Bitcoin แนะนำเก็งกำไร วางกรอบลงทุนทางเทคนิค แนวรับ (2.36/2.32) แนวต้าน (2.45/2.6) Stop Loss (2.26)

-MONO มีฐานรายได้ปัจจุบันราวปีละ 2.0 +/- พันล้านบาท ในฐานะเจ้าของช่อง ดิจิทัล ทีวี Mono 29 ที่น่าจะมีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น และการขายแพ็คเกจผ่าน OTT Platform Monomax ซึ่งมีสมาชิกราว 8.6 แสนราย แนะนำเก็งกำไร วางกรอบลงทุนทางเทคนิค แนวรับ (1.7/1.66) แนวต้าน (1.84/1.94) Stop Loss (1.58)

-ADVANC คาดว่าจะได้ประโยชน์ในฐานะที่ยังเป็นพันธมิตรกับ JAS ที่น่าจะมีโอกาสนำคอนเท้นท์ยอดนิยมไปให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ ถือว่าลดความเสี่ยงคู่แข่งขันที่จะเข้ามาร่วมประมูลคลื่นในอนาคตด้วย แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 305 บาท

-TRUE มองผลกระทบจำกัด รายได้ธุรกิจ Pay TV ปัจจุบันต่ำราว 4-5 % ของรายได้รวม (ลูกค้า EPL คาดต่ำกว่านั้น) ขณะที่มีภาพบวกคู่แข่งประมูลคลื่นลดลงช่วยชดเชยรอหุ้นซึมซับจิตวิทยาลบก่อนสะสมใหม่

(*/+) Infra Tech: ETIX everywhere ประกาศลงทุน Data Center มูลค่า 1 พันล้านบาทในไทย โดยเป็นการซื้อหุ้นใน Data Center ที่มีการลงทุนไปแล้ว (Genesis Data Center) ผ่าน JV มาจาก ITEL ในสัดส่วน 33% หากอิงฐานธุรกิจ ETIX ที่มี Data Center ในฝรั่งเศส 14 แห่ง (ส่วนใหญ่เป็น Edge Data Center ที่ใช้รองรับ Use Case ที่ต้องการความหน่วงต่ำ) เรามองมีโอกาสที่จะเห็นการขยาย Data Center ในไทยรูปแบบดังกล่าวเร็วขึ้น บวกต่อหุ้น Infra Tech อาทิ GULF, GPSC, ADVANC, BBIK, INSET

(*/+) To Monitor: 12 พ.ค. อังคารประชุม ครม. คาดอนุมัติมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ "ซื้อ - แต่ง - ซ่อม และ สร้างบ้าน" มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท เชิงกลยุทธ์ เป็นจิตวิทยาบวกต่อ 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1) อสังหาฯ (AP, SIRI), 2) กลุ่มธนาคารที่มีสินเชื่ออสังหาฯสูง SCB 32% ของยอดสินเชื่อ, TTB 25%, KTB 19%, KBANK 17% และ 3) กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, ILM, DOHOME, GLOBAL) 14 พ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค. 24 ไม่มีคาด และโค้งสุดท้ายรายงานกำไรงวด 3Q24

 

Daily Strategy : ADVANC, MTC, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" ตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้นทำ All time high ต่อรับโมเมนตัมความคาดหวังเชิงบวกกรณีคุณ Trump ชนะเลือกตั้งต่อเนื่อง ส่วนฝั่งเอเชียแรงขับเคลื่อนเรามองสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนน่าจะช่วยให้ตลาดเชื่อมั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่วนภายในกำไรตลาด 3Q24 มีสัญญาณดีขึ้นเล็กๆ หนุน China Plays ขณะที่มีประเด็นเก็งกำไรรายกลุ่ม อาทิ กลุ่มอิงภาคบริการที่มีสัญญาณนักท่องเที่ยวแร่ง กลุ่มนโยบายการเงิน-การคลังสอดประสานขึ้น (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield หนี้สูง) หลังคุณกิตติรัตน์ฯ จะขึ้นเป็นประธานบอร์ด BOT กลุ่มสื่อสาร ได้ประโยชน์การแข่งขันประมูลคลื่นต่ำลง หลัง JAร ประกาศซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

 

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, TU, CPF, STA, STGT,. SCB, KBANK, KTB, CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)

• NOV24 Best Picks : ADVANC, BJC, BTS, GULF, GPSC, IVL, ADVICE

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Trump President

Donald Trump เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 60 ครองเสียงสภาบน - สภาล่าง โดยนโยบายเน้น American First ลดภาษี Corporate Tax, กีดกันการค้า, สนับสนุนอุตสาหกรรมฟอสซิลและหนุนการขุดเจาะน้ำมัน ฯลฯ

KSS ประเมินระยะสั้น 1.)ผลกระทบ Dollar Index ที่แข็งค่ามาล่วงหน้ามาแตะ 105.3/105.85จุด คาดจะเริ่มถูกขายทำกำไรและอ่อนค่าลงรับการปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งของ Fed ภายในปีนี้ 2.)เงินบาทที่อ่อนค่ามาแตะ 34.15/34.4บาทต่อเหรียญฯ จะกลับมาแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ 3.)Bond Yields 10ปี สหรัฐฯ จะติดแนวต้าน 4.5% แล้วมีแรงซื้อกลับ กด UST ลดระดับลง 4.)ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง EMs จะสลับกันขึ้น โดยมีกลุ่มประเทศ TIPs เด่น จากสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 2-3% ตอบรับ US Rally ในช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย. - ธ.ค. 2024 เดินหน้าแตะเป้าหมาย SET สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด ได้เป็นอย่างน้อย แนะนำกลุ่มหุ้นเด่น 4Q24F : AOT, GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, KTB, ADVANC, HMPRO

ระยะกลาง – ยาว เน้นที่หุ้นได้ประโยชน์จาก นโยบายของ TRUMP 2.0 1.) กลุ่มนิคม AMATA, WHA 2.)กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP 3.)ส่งออกอาหาร ได้ประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่ากว่าสมมติฐานเดิมและได้ประโยชน์จากการโยก Order เน้น TU (ได้ประโยชน์จากนโยบายลด Corporate Tax), CPF ยาง เน้น STA, STGT (จากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีน คาดจะหนุนยอดส่งออก) 4.)Domestic อาทิ กลุ่มธนาคาร (SCB, KBANK, KTB), ค้าปลีก (CPALL, BJC, HMPRO) สื่อสาร(ADVANC) Utilities(GULF, GPSC)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• IVL (Trading Buy, TP-24): มอง slightly positive ต่อกำไรสุทธิ 3Q24 ของ IVL ที่ 1,505 ลบ. สูงกว่าตลาดคาด 7% ฟื้นทั้ง y-y q-q ตามการฟื้นของอัตรากำไรของทุกส่วน (PET supply ตึงตัวขึ้น/ IOD crop season หนุน/ Fibers ได้ demand จีนฟื้น) รวมถึงค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงหลัง optimized asset เราคงมุมมองการฟื้นมีต่อเนื่องใน 4Q24-2025F จาก stock loss ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงต่อเนื่อง ในช่วงที่มีแรงกดดันจากการ sell on fact และ ความกังวลสงครามการค้าฯ สามารถเก็งกำไร upside ของการฟื้นตัว PET ที่เร็วกว่าคาด และการลด fixed cost เร็วกว่าคาดได้ คง Trading Buy ที่ TP24F = 24.0

• BBIK (Buy, TP-47): BBIK reported impressive core earnings in 3Q24 at Bt88m (+17% yoy, +95% qoq), 9%/12% higher than market expectation and our expectation. These quarterly earnings become an all-time high. The key reason was a higher-than expected GPM. Moreover, we believe the company would have a solid earnings in 4Q24 as well thanks to the high season. The strong earnings in 3Q24 confirm our view that BBIK is strongest technology company as its earnings is expected to be flat this year while other company is facing a huge declined. Maintain BUY with the same TP of Bt47. BBIK remains our top pick

• AWC (Buy, TP-4.4): We have maintained a rating to BUY with Bt4.40 TP for AWC. This is premised on the following: (i) 3Q24 core profit surge 128% yoy and 42% qoq, beat our expected (ii) 9M24 is 65% of our FY24F, we expect strong earnings with yoy and qoq growth in 4Q given peak tourist season in Thailand. and (ii) the recent share price weakness due to earnings concerns, we see this as an attractive given the expected performance improvements in 4Q24F-1Q25F, driven by an expanding hotel portfolio, strategically-located assets, and higher margins.

 

 

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้