Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

469

 


ยังรอผลเลือกตั้งสหรัฐ กดดัน VOLUME เบาบาง
ตลาดหุ้นโลกยังคงผันผวน นักลงทุนรอดูผลการเลือกตั้งสหรัฐในเช้าวันพรุ่งนี้ กดดันสินทรัพย์ TRUMP TRADE อย่าง BITCOIN และ BOND YIELD 10 ปี สหรัฐ ที่ย่อตัวลงแรง หลังผลสำรวจคะแนนความนิยมของTRUMP – HARRIS สูสีกันมากขณะเดียวกันยังส่งผลให้มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยวานนี้เบาบางลงมาก(เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย) เหลือเพียง 2.8 หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้น ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำสุดเป็นอันดับ 5 ของปีนี้ส่วนปัจจัยสนับสนุนมี ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 2% บวกต่อ TOP BCPPTTEP การเบิกจ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้นเร็วในเดือน ต.ค. กว่า 8.13 หมื่นล้านบาท (สูงสุดในรอบ 10 ปี และคิดเป็นสัดส่วนงบเบิกจ่ายลงทุนปี 68 สูงถึง8.4%) บวกต่อ TASCO, SCC, CK, STECONวันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1455 – 1470 จุด แนะนำ
หลบความผันผวนจากปัจจัยภายนอกกับหุ้น DOMESTIC TOPPICK เลือก CPALL, ADVANC, CBG

 

นักลงทุนรอความชัดเจนการเลือกตั้งสหรัฐ รู้ผลพรุ่งนี้
วันที่ 5 พ.ย. 67 เป็นอีกเหนึ่งเหตุการณที่ทั่วโลกจับตามอง คือ วันเลือกตั้งสหัรฐฯ คนที่ 47 ซึ่งสหรัฐฯ ซึ่งผลโพลเลือกตั้งล่าสุด มีความผันผวนมาก โดยโพลก่อนหน้านี้ให้คะแนน DONALD TRUMP (พรรค REPUBLICAN) นำ KAMALA HARRIS (พรรคDEMOCRAT) อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์นี้ พรรค DEMOCRAT มีคะแนนนิยมเร่งกลับขึ้นมา จนทำให้ล่าสุดคะแนนความนิยมของทั้ง 2 พรรค เท่ากันที่ 48.5

ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯผันผวนในช่วงนี้และเห็นสินทรัพย์ TRUMPTRADE พลิกกลับมาผันผวน ช่วงก่อนเลือกตั้ง อาทิ BITCOIN ย่อตัวเกือบ 10 %ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ BOND YIELD 10Y สหรัฐ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการดำเนินนโยบายเชิงรุกในการลดดอกเบี้ยของ FED อีกครั้ง โดยล่าสุด FED WATCH TOOL ให้น้ำหนัก 99.5% ต่อการลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 7 พ.ย.67

 

ดังนั้น นักลงทุนจึง WAIT AND SEE รอความชัดเจนหลังเลือกตั้ง จนทำให้ SETINDEX วานนี้มีมูลค่าซื้อขายอยู่เพียง 2.8 หมื่นล้านบาท(ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน /ต่ำสุดเป็นอันดับ 5 ของปี) ซึ่งเหมือนกันกับมูลค่าซื้อขายหุ้นในเอเชียวานนี้ที่ลดลงอย่างมีนัยฯเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 1 เดือนที่ผ่านมา อาทิ HANG SENG –45%,ASX200(AUSTRALIA) -29% , FTSE MALAYSIA -25% , CSI300 -23% เป็นต้น


สรุป นักลงทุนรอความชัดเจนการเลือกตั้งสหรัฐ รู้ผลพรุ่งนี้ ซึ่งทำให้สินทรัพย์TRUMP TRADE ที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทั้ง BITCOIN และ BOND YIELD 10Yสหรัฐ พลิกกลับมาผันผวน โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าวันนี้ SET INDEX น่าจะแกว่งผันผวนในกรอบแคบรอความชัดเจนเช่นกัน โดยวันนี้คาดกรอบ SET 1455-1470 จุดรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน หวังพยุงเศรษฐกิจไทย

วานนี้ นายกฯ เป็นประธาน ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 4/2567 ซึ่งยังไม่ได้มีการหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใดด้าน รมว.คลัง เผยว่าขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยอาจจะเน้นไปที่มาตรการกระตุ้นในระยะสั้นเป็นหลักอย่างไรก็ตาม นายกฯ เน้นย้ำเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุน ตั้งเป้าหมายไว้ที่80% ซึ่งงบประมาณลงทุนปี 2568 มีมูลค่าถึง 9.1 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น+2.7%YOY (สัดส่วนราว 5% ของ GDP) ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ (G) จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อเนื่อง


ขณะที่ล่าสุดมีสัญญาณการเบิกจ่ายภาครัฐเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วง 1 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.67) มีการเบิกจ่ายงบทุนไปแล้ว 8.4%ของทั้งหมดซึ่งมากกว่าช่วงปีที่ผ่านๆ มา โดยใช้เม็ดเงินไปแล้วราว 8.1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ย 8 ปี ที่ 3.39 หมื่นล้านบาท

 

มุมมองต่อทิศทางกำไรกลุ่มอสังหาฯ
ทิศทางกลุ่มอสังหาฯ : 3Q67 คาดกำไรปกติของ 14 บริษัทในกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยรวม 7.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% QOQ จากการส่งมอบของ BACKLOG คงค้างแนวราบ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่มากขึ้นของคอนโดฯ ใหม่ทั้งของบริษัทเองและร่วมทุนหนุนยอดโอนฯ และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ชดเชยกับการแข่งขันในตลาดสูงขึ้น นำสู่การใช้กลยุทธ์ด้านราคา คาดกดดันมาร์จิ้นขายอ่อนตัวและเป็นเหตุหลักที่กดดันกำไรกลุ่มฯคาดลดลง 7% YOY


หากพิจารณากำไรรายบริษัท 3Q67 พบว่ามีการเติบโตแตกต่างกันไป สำหรับ AP,ORI, PSH และ LALIN คาดกำไรเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มฯ คือ ดีขึ้น QOQ แต่ลดลง YOY โดย AP, ORI และ PSH มีแรงหนุนจากการส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ ขณะที่LALIN ดีขึ้นตามยอดขายกลุ่มแนวราบ ต่างจาก ASW แม้มียอดโอนกรรมสิทธิ์สูงขึ้นจากกลุ่มคอนโดฯ แต่การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายขายบริหาร คาดกดดันกำไรลดลงQOQ (แต่เติบโต YOY) ขณะที่ SPALI, SC และ ANAN คาดเป็นเพียงไม่กี่บริษัทในกลุ่มฯ ที่สามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้น YOY และ QOQ สำหรับ SC ได้แรงหนุนจากกลุ่มแนวราบ ส่วน SPALI ขับเคลื่อนจากการส่งมอบต่อเนื่องของ BACKLOG แนวราบและคอนโดฯ ใหม่ หนุนให้กำไรของบริษัทจะทำระดับสูงสุดของกลุ่มฯ ในไตรมาส 3เช่นเดียวกับ ANAN เริ่มโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ JV ใหม่ เข้ามาช่วยพลิกให้ผลประกอบการมีกำไร แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ด้าน LH, SIRI, QH และ LPN คาดกำไรอ่อนตัวทั้ง YOY และ QOQ โดย LH, SIRI และ QH มาจากยอดโอนฯ แนวราบที่ลดลงตามยอดขายทิศทางกำไรปกติ 4Q67 คาดเติบโตต่อเนื่อง QOQ สนับสนุนด้วย BACKLOG ที่คงค้างจากสิ้น 3Q67 , การเปิดโครงการใหม่เพิ่ม (ปกติไตรมาส 4 เปิดมากสุดของปี) ,ส่งมอบคอนโดฯ ใหม่ที่สร้างเสร็จพร้อมโอนฯ, การจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการ ตลอดจนโค้งสุดท้ายของมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนฯ-จดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาทก่อนจะสิ้นสุดปีนี้ และอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยที่ลดลง คาดเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อผลประกอบการ 4Q67 มีกำไรสูงสุดของปี คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่ม เลือกหุ้นเด่นที่มีการกระจายของพอร์ตสินค้าทั้งแนวราบและคอนโดฯ รวมถึงทิศทางผลประกอบการ 3Q67 ที่ยังดีกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ AP(FV@B14.20), SPALI (FV@B23.00) และ SC(FV@3.46)

 



Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

หมดข่าว เลิก By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็น นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยออก วานนี้ หลังจาก สหรัฐกับจีน ตกลงการค้า จบด้วยดี.....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้