Market Wrap-Up
- SET วันที่ 4 พ.ย.67 ปิด -1.22 จุด อยู่ที่ 1,462.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 28,397 ลบ.ต่างชาติซื้อ 25 ลบ. สถาบันซื้อ 21 ลบ. รายย่อยขาย 33 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 12 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 345 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น TRUE,LH,GULF,INTUCH,AOT และยอดขายในหุ้น KTB,KBANK,CPALL,CCET,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 955 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CK,BGRIM,ERW โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3,284 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 56,214 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,010 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.61%, S&P500 -0.28%, Nasdaq -0.33% จากแรงขายกลุ่มสาธารณูปโภค -1.21%, บริการสื่อสาร -0.92% ขณะที่กลุ่มพลังงาน +1.87%, อสังหาฯ +1.13% ส่วนยอดสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐ ก.ย.-0.5% MoM ตามคาดการณ์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.33% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1.1% ขณะที่กลุ่มธนาคาร +0.7%, พลังงาน +0.4% โดย PMI ภาคการผลิตเยอรมัน ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 43.0 & ก.ย. 40.6
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง อยู่ระหว่างรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้เวลาในไทย โดยผลโพลจาก RealClear ล่าสุดทรัมป์ & แฮร์ริส มีคะแนนนิยมเท่ากันที่ 48.5% ซึ่งผู้ชนะจะต้องได้เสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง/ ทั้งหมด 538 เสียง ส่งผลให้ดัชนีวัดความผันผวน VIX Index ปรับขึ้นอยู่ที่ 21.94 จุด เนื่องจากอาจใช้เวลาหลายวันในการยืนยันผลเลือกตั้ง ขณะที่การประชุมเฟดวันที่ 6 – 7 พ.ย. คาดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 4.5 – 4.75% หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐสัญญาณชะลอตัว กอปรกับ US PCE ก.ย. ปรับลดลงอยู่ที่ 2.1% ใกล้เคียงเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2%
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง แม้ว่า PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ต.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 46.0 & ก.ย. 45.0 แต่ยังอยู่ในโซนถดถอย โดยนักลงทุนรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐ และวันพฤหัส รอผลการประชุม ธ.กลางอังกฤษ BOE ซึ่งคาดจะลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.75% อย่างไรก็ตาม ม.เก็บภาษีเพิ่ม 40,000 หมื่น ล.ปอนด์ เพื่อใช้ไฟแนนท์หนี้สาธารณะเดิม และใช้ปรับปรุงบริการสาธารณะ อาจส่งผลให้เงินเฟ้ออังกฤษมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.17%, ฮั่งเส็ง +0.3% อยู่ระหว่างรอผลการประชุม NPC จีนในวันที่ 4 – 8 พ.ย. ซึ่งคาดจะออกพันธบัตรพิเศษมูลค่า 10 ลล.หยวน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีน ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +1.83% หลังพรรคฝ่ายค้านเห็นด้วยกับการยกเลิกเก็บภาษีที่ได้จากการลงทุนด้านการเงิน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ Caixin รายงาน PMI ภาคบริการจีน ต.ค. คาด 50.5 & ก.ย. 50.3
- ดัชนี SET วานนี้ -0.08% ปริมาณการซื้อขาย 2.83 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 21 ลบ. ต่างชาติซื้อ 25 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 12 ลบ. และรายย่อยขาย 33 ลบ. โดย Fund Flow ต่างชาติในกลุ่ม TIP วานนี้ชะลอตัว โดยมียอดซื้อสุทธิรวมเพียง 3.99 ล.ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเลือก Wait & See ของผลการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อนโยบายการค้า & การลงทุนในระดับภูมิภาค ซึ่งหากทรัมป์ชนะ สงครามการค้าสหรัฐ – จีนรอบใหม่มีโอกาสรุนแรงขึ้น จาก ม.เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดถึง 60% และประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ก็อาจถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% ส่วนปัจจัยในประเทศวานนี้ ก.คลังหารือนายก ฯ เตรียมออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เช่น ม.กระตุ้นกำลังซื้อ & ภาคท่องเที่ยว วันนี้ติดตามผลการประชุม ครม.และ CPI ไทย ต.ค. คาด 0.95% & ก.ย. 0.61% YoY , รายงานงบ บจ. Q3/67 อ้างอิง Consensus คาดกำไร -9% QoQ, - 19% YoY โดยกลุ่ม รพ., อาหาร & เครื่องดื่ม, อสังหาฯ, สาธารณูปโภค คาดกำไร Q3/67 จะขยายตัวได้ดี
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,455 – 1,460 แนวต้าน 1,470 – 1,475 คาดดัชนีทรงตัว ระหว่างรอผลการเลือกตั้งสหรัฐ, ผลประชุมเฟด และรายงานกำไร บจ. Q3/67 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มคาดจะรายงานกำไร Q3/67 +QoQ, +YoY เช่น BH, BDMS, BCH, SPALI, IVL, MTC, TU, CK, CKP, BEM, TTW, CBG, PLANB, SISB
- AWC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.90 บาท) แนวโน้มกำไร 3Q67 เติบโต QoQ, YoY หนุนจากผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากโรงแรงในสมุยและกระบี่ซึ่งเป็น season ท่องเที่ยว ส่งผลให้อัตราการเข้าพักและราคาเฉลี่ยต่อหน้องปรับตัวดีขึ้น ส่วนธุรกิจพื้นที่เช่าประคองตัว ส่วนแนวโน้ม 4Q67 เป็นบวกต่อเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว เริ่มรับรู้รายได้จากการเปิดโรงแรมใหม่ช่วงเดือน ธ.ค.-ต้นปีหน้า ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิในปี 67-68 อยู่ที่ 5 พันล้านบาท -10%YoY และ 4.7 พันล้านบาท +5%YoY
- MEB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 89 บาท) กำไรสุทธิงวด 1H67 +21%YoY ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องตามรายได้(+ 15%YoY) ที่ขยับขึ้นทั้งในส่วนของแพลตฟอร์ม meb และ readAwrite สำหรับการดำเนินงาน 2H67 นี้ คาดว่าจะยังคงสดใส YoY ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 4Q67 มีแรงหนุนจากการออกหนังสือใหม่รับสัปดาห์หนังสือแห่งชาติช่วงต.ค. ด้านMEB* เองวางเป้ารายได้ปี67 จะโตราว +10-15%YoY และช่วงถัดไป มีแผนสร้างแพลตฟอร์มวรรณกรรมออนไลน์ใหม่ในตปท. โดยใช้ภาษาท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เน้นประเทศในเอเชียเป็นหลัก ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี67 และ ปี68 ของ MEB* ที่ 453 ลบ.(+17%YoY) และ 522 ลบ.(+15%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ธ.ค. +$1.98 อยู่ที่ $71.47 / บาร์เรล, Brent ม.ค. +$1.98 อยู่ที่ $75.08/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสอาจพิจารณาเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรล/วัน ใน ธ.ค. ออกไปอีก 1 เดือนหรือมากกว่านั้น เนื่องจากอุปสงค์จากจีนฟื้นตัวช้า กอปรกังวลข่าวอิหร่านเตรียมโจมตีกลับอิสราเอล
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$3.00 อยู่ที่ $2,746.20 /ออนซ์ ทรงตัวรอผลการเลือกตั้ง ปธ.สหรัฐวันพรุ่งนี้ และผลการประชุมเฟดวันที่ 7 พ.ย.
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +3.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +0.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +16.56 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -13.31 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.309 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -4 จุด อยู่ที่ 1,374
(-) BitCoinเช้านี้ -1.03% อยู่ที่ 67,995 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)ประชุม ธ.กลางออสเตรเลียคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.35%
Economic Calendar
ในประเทศ
04 พ.ย. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
06 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)
สัปดาห์ที2 กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สภาผู้ส่งออก แถลงสถานการณ์การส่งออก
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ต่างประเทศ
05 พ.ย. US การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( ต.ค.)
06 พ.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
06 พ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 พ.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( ต.ค.)
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio November 2024: CPALL, WHA, SAV, SYNEX*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th