Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

582

 

 


"Domestic Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1470/1476 จุด รับ 1456/1443 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯปืดผสมผสาน ดัชนี S&P500 ปิดทรงๆ แต่ Nasdaq เร่มฟื้น +0.56% กลุ่มเทคโนโลยี All time high ก่อนรายงานกำไร 3Q24F ส่วนปัจจัยมหภาค ยังรอรายงานภาคแรงงานและผลเลือกตั้งสหรัฐฯ แต่ US Bond Yield 10 ปี เร่งขึ้นมาก่อนหน้ามาที่ 4.26% และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จะตอบรับเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและคะแนนคุณ Trump ที่ดีดมาสูสีคุณ Harris ขึ้นมาไประดับหนึ่งแล้ว ประเมินตัวเลขภาคแรงงานที่มีแนวโน้มอ่อนลงจากผลของพายุและความชัดเจนผลการเลือกตั้งลำดับถัดไป กอปรกับ จิตวิทยาบวกสถานการณ์ตะวันออกกลางที่การตอบโต้คู่กรณีสิ้นสุดลงเร็วจะช่วยจำกัดกรอบเร่งขึ้นของ Yield และจีน ผู้นำระดับสูงเผยจะประกาศมาตรการกระตุ้นบริโภคขนาดใหญ่หลังประชุมสภาประชาชน (NPC) 4-8 พ.ย. ภายในกำไร Real Sector โค้งแรกดีกว่าคาด คาด SET วันนี้ Rebound หุ้นนำ คือ กลุ่มสื่อสาร หุ้น Anti-Commodity (ราคาน้ำมันเช้านี้ดิ่งลง -4%ตามสถานการณ์ตะวันออกกลางที่จบลงเร็ว) หุ้นในธีม Infra Tech และ หุ้น China Plays วันนี้แนะ ADVANC, TRUE, GULF

 

 

 

 

 

Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1470/1476 จุด รับ 1456/1443 จุด

What happened around the world ?

(*)US Stocks :: ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์แกว่งตัวรอดูการเลือกตั้งสหรัฐวันที่ 5 พ.ย. และราบงายผลประกอบการงวด 3Q24 มีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหว อิง Dow jones -0.61%, ดัชนี S&P500 -0.03% แต่ดัชนี Nasdaq +0.56% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นมีเพียง กลุ่ม ICT, IT, Consumer discretionary, Energy แต่ Sector ปรับลงหลักๆคือ Utilities, Financials, Consumer staples ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Tesla +3.36% หลังจากการเปิดเผยคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น , New York Community Bancorp หุ้นธนาคาร -8.26% หลังรายงานงบขาดทุนติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 Capri Holdings -48.8% หลังจากที่ผู้พิพากษาของสหรัฐฯ สั่งระงับการควบรวมกิจการระหว่าง Capri Holdings ฯลฯ

(+)US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่งย้ำภาพ Soft landing 1.)ดัชนีความเชื่อมั่น ม มิชิแกน ต.ค. เร่งขึ้นมาอยู่ที่ 70.5 จุด สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.24 และสูงกว่าตลาดคาด 69.5 vs prev. 68.9 2.)คาดการณ์วเงินเฟ้อ ในช่วง 1 ปีข้างหน้าที่ 2.7%y-y ไม่เปลี่ยนแปลงจากรอบ ก.ย. และ คาดการณ์วเงินเฟ้อ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าที่ 3.2%y-y ไม่เปลี่ยนแปลง

(*) Japan Election & CPI : 1.) เงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI) เดือน ต.ค. +1.8%y-y (ต่ำกว่า 2% เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนและเป็นเดือนที่สองที่ปรับตัวลง 2.)ผลการเลือกตั้งทั่วไปญี่ปุ่นเบื้องต้น พรรคร่วมรัฐบาลได้แก่ พรรค LDP ของนาย Shigeru Ishiba และพรรค KMT ได้คะแนนเสียงรวมกัน 214 เสียง ซึ่งต่ำกว่าระดับที่จะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ 233 เสียง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจำเป็นต้องหาพรรคอื่นๆเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อครองเสียงส่วนใหญ่ ตลาดคาดจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวของ BOJ มีแนวโน้มชะลอลงหรือไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยฯ (VS. ตลาดคาด BOJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งถัดไปคือ ประชุมรอบ ธ.ค.) โดยรวมเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าล่าสุดราว 0.5% อยู่ที่ 152.8 +- โดยรวมเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น KSS ให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นกลาง หรือ Neutral

(*/+) China Stimulus การประชุมคณะกรรมาธิการสามัญของจีน (NPC) จะจัดขึ้นระหว่าง4 -8 พ.ย. คุณ เหลียว หมิน รองรัฐมนตรีการกระทรวงการคลังจีนเผย จะมีการออกมาตรการกระตุ้น Demand ในประเทศ การบริโภค" "ขนาดของนโยบายรอบนี้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่" KSS ประเมินจะหนุนตลาดหุ้นจีนและบวกต่อหุ้น China Play นำโดย IVL , AOT, ส่วน SCGP , PTTGC ทยอยตั้งรับ

(*) War : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลาง (อิหร่าน – อิสราเอล) ช่วงวันหยุดกลับมาอีกครั้ง เริ่มจาก 1.)กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศที่ในหลายพื้นที่กรุงเตหะรานเมืองหลวงของอิหร่าน เป็นการตอบโต้ต่อการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา (ล่าสุด เครื่องบินรบของอิสราเอลได้บินกลับสู่ฐานทัพ) แต่ไม่ความเสียหายต่อพื้นที่สำคัญอิหร่าน อาทิ 1.)สนามบิน เพราะโฆษกองค์กรการบินพลเรือนของอิหร่านเผยว่า จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินอีกครั้ง 2.)โรงงานนิวเคลียร์ ไม่กระทบ 3.)คลังน้ำมัน และโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่าน ยังไม่มีข่าวว่าถูกโจมตีหรือเสียหายในช่วงที่ผ่านมา อิงรายงานข่าวระบุว่า อิสราเอลจะโจมตีเป้าหมายทางทหารมากกว่าที่จะโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์หรือน้ำมัน KSS ประเมินผลกระทบต่อตลาดหุ้น โลกและไทยจำกัด เป็นเพียงจิตวิทยาลบระยสั้น ผสาน เริ่มเห็นสัญญาณบวกหลังกองทัพอิสราเอลประกาศยุติการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ขณะที่มีกระแสข่าวอิหร่านแจ้งอิสราเอลผ่านคนกลางว่าจะไม่ตอบสนองต่อการโจมตีครั้งนี้ ทำให้ราคาน้ำมันช่วงเช้าวันนี้ปรับลงเฉลี่ยราว -4.0%

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 30 ต.ค. ยอดจ้างงานนอกภาคเกษตร (ADP) ต.ค. 24 คาด 0.99 vs prev. 1.43 แสนตำแหน่ง 1 พ.ย. ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร ต.ค. 24 คาด 1.2 vs prev. 2.5 แสนตำแหน่ง, อัตราการว่างงาน ต.ค. 24 คาด 4.1% เท่า prev. 30 ต.ค. GDP 3Q24 (ครั้งที่สอง) คาด +3.0%q-q เท่า prev., 1 พ.ย. PMI ภาคผลิต (ISM) ต.ค. 24 คาด 47.6 จุด vs prev. 47.2 จุด ฝั่งยุโรป 30 ต.ค. GDP 3Q24 (ครั้งที่ 2) คาด +0.2%q-q, +0.8%y-y vs prev. +0.2%q-q, +0.6%y-y ฝั่งจีน 31 ต.ค. PMI ภาคผลิตและนอกภาคผลิต (ทางการ) ต.ค. 24 ไม่มีคาด vs prev. 49.8 และ 50 จุด 1 ต.ค. PMI ภาคผลิต (Caixin) ไม่มีคาด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐแกว่งตัว อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +2 bps อยู่ที่ 4.10% ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน แต่อายุ 10 ปี ปรับขึ้น +3 bps อยู่ที่ 4.23 % (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร KBANK, KTB กลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI ส่วน Dollar Index แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 104.1 จุด ประเมินเป็นปัจจัยทำให้ค่าเงินในฝั่งเอเชียอ่อนค่าในทางเดียวกัน เป็นจิตวิทยาลบต่อ Fund Flow

(*/-)Oil: น้ำมันดิบพลิกฟื้นอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ อิง Brent +2..25%d-d ปิดที่ US$ 76.05/barrel น้ำมันดิบ West Texas +2.27%d-d ปิดที่ US$ 71.7/barrel แรงหนุนจากประเด็นเดิม 1.) ความตึงเครียดจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง 2.)ตลาดเก็งรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แต่เช้านี้ราคาน้ำมันลงแรงราว 4% รับข่าวสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางจบไวหลังกองทัพอิสราเอลประกาศยุติการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน และอิหร่านแจ้งอิสราเอลผ่านคนกลางว่าจะไม่ตอบสนองต่อการโจมตีครั้งนี้ โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ้มที่พลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand ?

(-) SET : SET ฟื้นตัวได้ +2.78 จุด หรือปิด +0.19% ที่ 1463.42 จุด ฟื้นตัวเป็นการปรับลงต่อเนื่อง 3 วันทำการ หลังแรงกดดัน US Bond Yield ที่เร่งตลอดสัปดาห์คลายตัวลงบ้าง กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) ปรับขึ้นตามจิตวิทยาบวก Tesla ให้มุมมองบวกต่อแนวโน้มยอดขายรถ EV ของตนเอง ผสาน เก็งกำไรงบ 3Q24 ที่รายงานหลังปิดตลาด กลุ่ม ร.พ. (BH, BDMS) เป็นอีกกลุ่มที่เก็งกำไร จากคาดหมายผลประกอบการเด่นตามฤดูกาล กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT, TOP) GULF มองเป็นภาพขายทำกำไร PTT ตามราคาน้ำมัน TOP เนื่องจากปัญหาโรงงาน CFP ที่ยังเป็น Overhang กลุ่มรับเหมา (STEC) กำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นหุ้น บ.แม่ Stec Holding เข้ามาซื้อขายแทนต้นสัปดาห์นี้ โดย STEC ปัจจุบันจะขาดสภาพคล่องซื้อขาย (ผ่านช่วงแลกเป็นหุ้นแม่ไปแล้ว)

(*) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลเข้า ซื้อพันธบัตร 19.5 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -1.15 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -1,434 สัญญา ล่าสุดเงินบาทเริ่มแข็งค่าเล็กๆสู่ 33.78 +/- บาท

(*/+) Winter is coming: กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศไทยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวนับจากวันที่ 29 ต.ค. 24 และไปสิ้นสุดปลาย ก.พ. 25 เราเป็นสัญญาณบวกต่อ 1) การเริ่มซ่อมแซ่มบ้านและถนนที่เสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เร่งขึ้น จิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ GLOBAL TASCO 2) การเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว+จับจ่าย+เฉลิมฉลองปีใหม่ หนุนหุ้นภาคบริการ การบิน ท่องเที่ยว โรงแรม เน้น AOT, ERW, CPALL, BJC

(*/+) Healthcare: รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า แนวทางที่จะสร้างให้กองทุนประกันสังคม (SSO) มีความยั่งยืน ได้แก่ การเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนของกองทุนเพิ่มขึ้น การเพิ่มจำนวนสมาชิกผู้ประกันตน ดึงแรงงานต่างด้าวที่อยู่นอกระบบ รวมไปถึงการขยายอายุเกษียณไปถึง 65 ปีเพื่อให้อยู่เป็นผู้ประกันตน ม.33 นานขึ้น รวมถึงเสนอให้รัฐเข้ามาจ่ายสมทบกองทุนประกันสังคม เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กองทุน เรามองเป็นสัญญาณดีกับการหาแหล่งรายได้เพียงพอกับการจ่ายเงินค่ารักษาให้กับ ร.พ. ประกันสังคมระยะถัดไป ลดความเสี่ยงการได้เงินไม่ครบดังที่เคยเกิดใน 2-3ปีที่ผ่านมา จิตวิทยาบวกต่อ CHG, BCH

(*) TH Export - Import: วันนี้ติดตาม 1) ยอดส่งออก - นำเข้า ก.ย. 24 ตลาดคาด +3.0%y-y และ +6.0%y-y vs prev. +7.0%y-y และ +8.9%y-y ตามลำดับ 2) นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมประชุมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยจากทุกภาคส่วน

(*/+) Infra Tech: ทีมกลยุทธ์ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในธีม Infrastructure Tech ในระยะกลาง-ยาว จากการเข้าร่วมงาน Battle Strategy เศรษฐกิจยุค AI ตอกย้ำภาพจากทุกหน่วยงานที่เข้ามาร่วมงานทั้งรัฐฯ และ เอกชน ฝั่งเอกชน นำโดย

1.) Google ประเด็นน่าสนใจ คือ มองไทยมีจุดแข็งความรู้ความเข้าใจด้านดิจิตอลไทย (Digital Literacy) ของไทยสูงเป็นลำดับ 2 ของอาเซียน ผสาน ความเพียงพอพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดบางส่วน คือ กฎระเบียบต่างๆ ของรัญที่ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง หากคลายได้มากขึ้น เชื่อว่าการลงทุนจะยิ่งเร่งตัวขึ้น

2.) SCB เน้นถึงเป้าหมายการใช้ AI ภายในองค์กร 75% ของกระบวนการทำธุรกิจ

3.) กระทรวงดิจิตอลและกรมโลกร้อน ย้ำถึงแนวทางการนำ AI ไปต่อยอดใช้ประโยชน์ Use Case ด้านต่างๆ กระทรวงดิจิตอลเน้นศักยภาพนำปพัฒนาใน 3 อุตสาหกรรมหลัก คือ การผลิต การแพทย์ (สุขภาพ) และการเกษตร ส่วนกรมโลกร้อนเน้นถึงการนำไปช่วยบริหารทรัพยากรต่างๆ

โดยรวมเรายังมองบวกต่อหุ้นหลักในธีม Infra Tech WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK, LTS ผสาน ปัจจัยที่เกิดขึ้นระยะสั้นช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ภาพรายวัน เน้น WHA, DELTA (เก็งกำไร), ADVANC, TRUE, INSET, LTS (เก็งกำไร)

(*) To Monitor: : สัปดาห์หน้า ติดตาม 1.) 28 ต.ค. 2.) 29 ต.ค. ประชุม ครม. คาดจะมีการนำเสนอหลักการการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน นอกจากนี้ ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ 3.) 30 ต.ค. ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม ก.ย. 24 ตลาดคาด -0.6%y-y vs prev. -1.9% และ 4.) รายงานกำไร Real Sector หุ้นหลัก ได้แก่ PTTEP (ตลาดคาด -97.1%y-y, -97.8%q-q) HMPRO (ตลาดคาด -5.2%y-y, -10.3%q-q) SCGP(ตลาดคาด -30.5%y-y, -36.7%q-q) SCC (ตลาดคาด -66.8%y-y, -78.1%q-q) ADVANC (ตลาดคาด 4.3%y-y, -1.0%q-q)

 

Daily Strategy : ADVANC, TRUE, GULF เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "ฟื้นตัว" เรามองระดับการเร่งขึ้น US Bond Yield น่าจะจำกัดมากขึ้น น่าจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงลดลง เชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงโลกระยะถัดไปจะมีแรงหนุนไปตามวงจรเดิม คือ ภาพใหญ่ดอกเบี้ยที่เป็นขาลง และเคลื่อนไหวไปตามภาพเศรษฐกิจรายประเทศ เอเชียวันนี้จับตาประชุมสภาประชาชน (NPC) วัน 4-8 พ.ย. ที่ยืนยันว่าจะมีข้อสรุปการออกมาตรการกระตุ้น Demand ในประเทศ การบริโภค" "ขนาดของนโยบายรอบนี้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่" ส่วนภายใน โค้งแรกของการรายงานกำไร Real Sector ดีกว่าคาดทั้ง TRUE และ DELTA มองช่วยขับเคลื่อน Sector ใหญ่ สื่อสาร หุ้นในธีม Infrastructure Tech ผสาน หุ้น Anti-Commodity (ราคาน้ำมันลดลง -4%) และหุ้น China Plays

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อความเสี่ยงผลการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ (KTB, GPSC, GULF, ADVANC, CPALL, BDMS, WHA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, GLOBAL, AOT, AAV, SCGP)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election 2024 and Global Market Impact

ทีมกลยุทธ์ออกรายงานกลยุทธ์ลงทุนก่อนเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ ระยะสั้นเรามองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้ง 1-2 สัปดาห์ น่าจะแกว่งออกข้างเป็นหลัก รอความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง นักลงทุนควรเตรียมตัวปรับพอร์ตตามสถานะการณ์ดังที่ KSS ประเมินไว้ 4 กรณี ในระยะนี้ เบื้องต้น KSS คงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index หลังเลือกตั้ง น่าจะตอบรับช่วง Honeymoon Period รับผล US Election ไปก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า แนะนำ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

KSS ประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ 4 กรณี

1) กรณี Red Wave (พรรค Republican ครองสภาบนและสภาล่าง)

• มองแนวนโยบาย American First อาทิ การลดภาษีนิติบุคคล และการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า จะส่งผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากสมมติฐานหลัก ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ลดระดับช้าลง กระทบวงจรดอกเบี้ยขาลงที่น่าจะช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้เดิม

• กรณีนี้สร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกในช่วงปลายปี 2024 - ต้นปี 2025 โดย EM Assets จะผันผวนจาก Dollar Index ที่พลิกแข็งค่าขึ้นไว แต่อย่างไรก็ดี KSS ประเมินกลุ่ม TIPs จะผันผวนน้อยกว่า จากตลาดหุ้นกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 10% น้อยกว่า EM อื่นๆ ผสานนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นกลาง และตลาดหุ้นยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยัง Laggard ภายใต้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเร่งขึ้น

• ทางเลือกการลงทุนหุ้น คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคมและกลุ่มส่งออกอาหาร รวมถึงหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ทั้งนี้ เรามอง Red Wave จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อจากสงครามการค้า และส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ในระยะสั้น-กลาง

2) กรณี Blue Wave (พรรค Democrat ครองสภาบนและสภาล่าง)

• นโยบายที่ตรงข้ามกับ Republican อาทิ ขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบริษัทเป็นปกติที่ 28% (เดิม 21%) ผสาน การผลักดันนโยบาย Green Energy และรวมถึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าระดับใกล้เคียงปัจจุบัน จะช่วยให้ภาพวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาลงเดินหน้าต่อ Dollar จะอ่อนค่า

• เร่งปรากฏการณ์ Search for Yield หนุน Fund Flow มายัง EM Asia รวมถึงไทยต่อเนื่อง หุ้นอิง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

• นอกจากนี้ ภาพ Blue Wave ยังเป็นบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้โลก

3) กรณี Republican President + Democratic Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Republican ที่จะถูกผลักดันจำกัดกว่ากรณี Red Wave ทั้งนี้ ในกรณีนี้เรามองค่อนข้างบวกต่อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากทิศทางหลักเป็นนโยบายลักษณะ American First และการลดภาษี แม้จะทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับกรณี Red Wave

• ตลาดหุ้นอื่นๆ จะเริ่มผันผวนต้นปี 2025 แต่ภาพ EM Asia จะผันผวนน้อยกว่ากรณี Red Wave โดยเฉพาะ TIPs ที่มีการปรับโครงสร้างการค้า และภาคการผลิตมาตั้งแต่ปี 2018-ปัจจุบัน และตลาดหุ้น TIPs ยังมีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากสหรัฐฯและจีนต่ำ

• แนะนำ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคม หุ้นส่งออกอาหาร และหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ในกรณีนี้เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังแกว่งตัวในกรอบ โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนแกว่งตัวลง ให้รอจังหวะ ก่อนลงทุนรับวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยโลกขาลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากนั้น มองเป็นกลางถึงบวกอ่อนๆต่อการลงทุนในพันธบัตร

4) กรณี Democratic President + Republican Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Democrat จะถูกคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาบน ที่มาจากขั้วตรงข้าม ส่งผลให้การผลักดันนโยบายเป็นไปได้อย่างจำกัดใน กรณีนี้เรามองเป็นกลางต่อหุ้นสหรัฐ แต่ Upside จำกัดจากระดับ Valuation ที่ตึงตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจอ่อนลงที่รออยู่

• มอง Fund Flow จะทยอยไหลเข้า EM Asia รายประเทศ ขึ้นกับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้เรามองหุ้นไทยยังมีโอกาส "outperform" ได้ แต่จะต้อง Selective ตามปัจจัยกระทบที่ค่อนข้างสูง

• หุ้นเด่นเรามอง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

Strategy: ในระยะนี้ ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า ให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election หุ้นได้ประโยชน์การเลือกตั้ง + กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ผสาน หุ้น Domestic ที่หลบเลี่ยงผลกระทบได้ดี ดังนี้ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• TRUE (Buy, TP-14.7): We reiterate our Buy rating with higher TP Bt14.7 (from Bt13.2) due to our earnings upgrade to incorporate lower SG&A and interest expenses. The lower expenses were the major reasons for the beat on our and market's estimate in 3Q24. Core earnings were Bt2.9b, turning around from loss last year and 36% qoq. Earnings momentum will carry into 4Q24 as TRUE is entering into the high season. Based on our new estimate, we call for big turnaound with Bt9b in 2024 and growth of 25% in 2025. TRUE isn't expensive, trading at 8x 25EV/EBITDA.

• WHA (Buy, TP-6): We estimate WHA's land sales to jump 82% qoq to 750 rai and 1,800 rai for 9M24 (-12% yoy). Coupled with 900 rai LOI, it likely beat its 2,500 rai target and reach our 2,700 rai forecast. It could beat our forecast if big-lot for hyper data center is seal in 4Q24. We estimate Bt964m core profit in 3Q24, +33% yoy but -24% qoq, and Bt3.4b for 9M24 (77% of our FY24F). Earnings would grow in 4Q24F driven by improving power ops, and there is Bt0.4-0.9/share upside risk from power and water projects. These would be major share price catalysts. Maintain BUY rating.

• DELTA (Neutral, TP-110): DELTA reported an impressive core profit during 3Q24 of Bt6.2b (+23% yoy, +4% qoq), 10% higher than our expectation thanks to a higher than expected GPM that continue to improve from previous quarter, despite it supposed to get pressured by Thai Baht appreciation. We have a positive view on DELTA as it has 2024 earnings may beat our expectation. Maintain NEUTRAL, waiting for clarification from the company via analyst meeting today.

.

 

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point


Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO


Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้