Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

352

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 25 ต.ค.67 ปิด +2.78 จุด อยู่ที่ 1,463.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,293 ลบ.รายย่อยซื้อ 688 ลบ.ต่างชาติขาย 39 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 289 ลบ. สถาบันขาย 360 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 672 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,BBL,GULF,KBANK,ADVANC และยอดขายในหุ้น CPALL,COM7,PTTGC,OSP,IVL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,755 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,IRPC,RBF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,434 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 82,600 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 657 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.61%, S&P500 -0.03%, Nasdaq +0.56% โดยกลุ่มธนาคาร Goldman Sachs -2.27%, New York Community Bancorp -8.2% หลังมีผลขาดทุน 4 ไตรมาส ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจาก Tesla, Amazon, Apple ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.03% นำโดยกลุ่มอสังหา ฯ และรถยนต์ เมอร์เซเดส เบนซ์ -1% หลังกำไร Q3/67 ต่ำกว่าคาด และ Electrolux -14.6% หลังกำไรลดลง เนื่องจากคู่แข่งจากจีน

Market View

  • DJIA -2.68%, S&P500 -0.96%, Nasdaq +0.16% WoW โดย DJIA ปรับลดลงจากแรงขาย Boeing, IBM จากรายงานกำไร Q3/67 ต่ำกว่าคาด ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ยอดขายบ้านใหม่, PMI ภาคผลิต & บริการ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ในแนวโน้มบวก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ย และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 26% สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตาม US PCE ก.ย. , วันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. คาด 140,000 & ก.ย. 254,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 7 พ.ย.
  • Stoxx600 ยุโรป -1.18% WoW หลังรายงาน PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ต.ค. ลดลงอยู่ที่ 7 & ก.ย. 49.6 ถูกกดดันจากภาคการผลิตอยู่ในโซนถดถอย บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. โดยนักลงทุนรอรายงานกำไร Q3/67 บจ. ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาด +4.6% & Q2/67 +3.0% YoY สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม GDP เยอรมัน Q3/67 คาด -0.1% QoQ , GDP ยูโรโซน Q3/67 และวันพฤหัส CPI ยูโรโซน ต.ค.     
  • MSCI Asia Pacific X.Japan -1.87% WoW หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัว และค่าเงินสกุลเอเชียเริ่มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.1% WoW หลัง ธ.กลางจีนปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.25% ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -2.8% WoW โดยนักลงทุนรอผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 ต.ค. โดยผลโพลคาดพรรค LDP ยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากสภา ฯ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ PMI ภาคผลิต & บริการจีน ต.ค.
  • SET -1.77% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 86 หมื่น ลบ. -27.1% WoW สถาบันขาย 2,342 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,454 ลบ. ต่างชาติขาย 2,781 ลบ. และรายย่อยซื้อ 6,577 ลบ. WoW โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -7.3% และกลุ่มท่องเที่ยว -5.1%, ค้าปลีก -3.7% หลัง ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ ม.กระตุ้นการบริโภค & ท่องเที่ยวรอบใหม่ ขณะที่กลุ่มอิเล็ก ฯ ช่วยหนุนดัชนี +4.1% หลัง DELTA รายงานกำไร Q3/67 ที่ 5.9 พัน ลบ.ดีกว่า Consensus +2% จากอุปสงค์สินค้ากลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตตามธุรกิจ Data Center & Ai โดยช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีปรับลดลง หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติในตลาดกลุ่ม TIP สัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิ -318 ล.ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับสถาบันที่เริ่มปรับพอร์ต หลังมียอดซื้อสุทธิใน ต.ค. 3.0 หมื่น ลบ. MTD ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในตะวันออกกลางลดลง หลังอิสราเอลไม่ได้มีการโจมตีจุดยุทธ์ศาสตร์ทางด้านพลังงานของอิหร่าน ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ รายงานส่งออกไทย ก.ย. คาด 3.0% & ส.ค. 7.0% YoY และรายงานงบ Q3/67 ของ SCC,SCGP,HMPRO,ADVANC,PTTEP           

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 – 1,460 แนวต้าน 1,470 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT & ขนส่ง AAV,BA คาดกำไร Q4/67 จะสูงขึ้นในช่วง High Season/ นิคม ฯ AMATA,WHA,ROJNA,PIN หลังมูลค่าขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI รอบ 9 เดือนปีนี้ +42%
  • AAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย (ปี 68) 3.38 บาท) แม้ 3Q67 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก low season อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ได้ตามจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ยังคงสูงกว่าปีก่อน นอกจากนี้คาดว่า Bottom line จะดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อนทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะมีกำไร FX ราว 1 พันล้านบาท ขณะที่มองข้างไปยัง 4Q67 จะกลับมาเข้า high season การท่องเที่ยว อีกทั้งเชื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจะช่วยหนุนโมเมนตัมของกำไรเติบโตต่อเนื่อง
  • MAJOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย BB Consensus 44 บาท) แนวโน้มการดำเนินครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยการขับเคลื่อนจากกระแสภาพยนตร์ไทยยังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ4Q67 เปิดเดือนต.ค. ด้วย ธี่หยด2 ซึ่งฉายราว 2 สัปดาห์รายได้> 600 ล้านบาท ขณะที่ช่วงที่เหลือของQ4 ยังมีโปรแกรมหนังที่น่าสนใจ เช่น 404 สุขีนิรันดร์, Gladiator2, Sonic3 เป็นต้น นอกจากนี้ รายได้ค่าโฆษณา และรายได้จากการขายอาหารเครื่องดื่มโดยเฉพาะป็อปคอร์น ก็คาดว่าจะลู่ขึ้นตามอัตราการเข้าโรงเช่นกัน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิของ MAJOR* ปี67 และ68 จะอยู่ที่ 784 ลบ. (-25%YoY/ปี66 มีกำไรพิเศษจากการขาย MPIC ราว 346 ลบ.) และ 973 ลบ.(+24%YoY)

 

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 25 ต.ค.67 ปิด +2.78 จุด อยู่ที่ 1,463.42 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,293 ลบ.รายย่อยซื้อ 688 ลบ.ต่างชาติขาย 39 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 289 ลบ. สถาบันขาย 360 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 672 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,BBL,GULF,KBANK,ADVANC และยอดขายในหุ้น CPALL,COM7,PTTGC,OSP,IVL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,755 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,IRPC,RBF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,434 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 82,600 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 657 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.61%, S&P500 -0.03%, Nasdaq +0.56% โดยกลุ่มธนาคาร Goldman Sachs -2.27%, New York Community Bancorp -8.2% หลังมีผลขาดทุน 4 ไตรมาส ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีได้แรงหนุนจาก Tesla, Amazon, Apple ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.03% นำโดยกลุ่มอสังหา ฯ และรถยนต์ เมอร์เซเดส เบนซ์ -1% หลังกำไร Q3/67 ต่ำกว่าคาด และ Electrolux -14.6% หลังกำไรลดลง เนื่องจากคู่แข่งจากจีน

Market View

  • DJIA -2.68%, S&P500 -0.96%, Nasdaq +0.16% WoW โดย DJIA ปรับลดลงจากแรงขาย Boeing, IBM จากรายงานกำไร Q3/67 ต่ำกว่าคาด ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ยอดขายบ้านใหม่, PMI ภาคผลิต & บริการ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ในแนวโน้มบวก ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ย และ US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 26% สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตาม US PCE ก.ย. , วันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ต.ค. คาด 140,000 & ก.ย. 254,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 7 พ.ย.
  • Stoxx600 ยุโรป -1.18% WoW หลังรายงาน PMI รวมภาคผลิต & บริการยูโรโซน ต.ค. ลดลงอยู่ที่ 7 & ก.ย. 49.6 ถูกกดดันจากภาคการผลิตอยู่ในโซนถดถอย บ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจยูโรโซนยังฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. โดยนักลงทุนรอรายงานกำไร Q3/67 บจ. ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาด +4.6% & Q2/67 +3.0% YoY สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม GDP เยอรมัน Q3/67 คาด -0.1% QoQ , GDP ยูโรโซน Q3/67 และวันพฤหัส CPI ยูโรโซน ต.ค.     
  • MSCI Asia Pacific X.Japan -1.87% WoW หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ชะลอตัว และค่าเงินสกุลเอเชียเริ่มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.1% WoW หลัง ธ.กลางจีนปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.25% ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -2.8% WoW โดยนักลงทุนรอผลการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 ต.ค. โดยผลโพลคาดพรรค LDP ยังไม่สามารถครองเสียงข้างมากสภา ฯ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ PMI ภาคผลิต & บริการจีน ต.ค.
  • SET -1.77% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 86 หมื่น ลบ. -27.1% WoW สถาบันขาย 2,342 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,454 ลบ. ต่างชาติขาย 2,781 ลบ. และรายย่อยซื้อ 6,577 ลบ. WoW โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง -7.3% และกลุ่มท่องเที่ยว -5.1%, ค้าปลีก -3.7% หลัง ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ ม.กระตุ้นการบริโภค & ท่องเที่ยวรอบใหม่ ขณะที่กลุ่มอิเล็ก ฯ ช่วยหนุนดัชนี +4.1% หลัง DELTA รายงานกำไร Q3/67 ที่ 5.9 พัน ลบ.ดีกว่า Consensus +2% จากอุปสงค์สินค้ากลุ่มพาวเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตตามธุรกิจ Data Center & Ai โดยช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีปรับลดลง หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้น ส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติในตลาดกลุ่ม TIP สัปดาห์ที่ผ่านมาขายสุทธิ -318 ล.ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับสถาบันที่เริ่มปรับพอร์ต หลังมียอดซื้อสุทธิใน ต.ค. 3.0 หมื่น ลบ. MTD ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในตะวันออกกลางลดลง หลังอิสราเอลไม่ได้มีการโจมตีจุดยุทธ์ศาสตร์ทางด้านพลังงานของอิหร่าน ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ รายงานส่งออกไทย ก.ย. คาด 3.0% & ส.ค. 7.0% YoY และรายงานงบ Q3/67 ของ SCC,SCGP,HMPRO,ADVANC,PTTEP           

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,450 – 1,460 แนวต้าน 1,470 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่ม Real Sector รวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT & ขนส่ง AAV,BA คาดกำไร Q4/67 จะสูงขึ้นในช่วง High Season/ นิคม ฯ AMATA,WHA,ROJNA,PIN หลังมูลค่าขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI รอบ 9 เดือนปีนี้ +42%
  • AAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย (ปี 68) 3.38 บาท) แม้ 3Q67 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก low season อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ได้ตามจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ยังคงสูงกว่าปีก่อน นอกจากนี้คาดว่า Bottom line จะดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อนทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะมีกำไร FX ราว 1 พันล้านบาท ขณะที่มองข้างไปยัง 4Q67 จะกลับมาเข้า high season การท่องเที่ยว อีกทั้งเชื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจะช่วยหนุนโมเมนตัมของกำไรเติบโตต่อเนื่อง
  • MAJOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย BB Consensus 44 บาท) แนวโน้มการดำเนินครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยการขับเคลื่อนจากกระแสภาพยนตร์ไทยยังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะ4Q67 เปิดเดือนต.ค. ด้วย ธี่หยด2 ซึ่งฉายราว 2 สัปดาห์รายได้> 600 ล้านบาท ขณะที่ช่วงที่เหลือของQ4 ยังมีโปรแกรมหนังที่น่าสนใจ เช่น 404 สุขีนิรันดร์, Gladiator2, Sonic3 เป็นต้น นอกจากนี้ รายได้ค่าโฆษณา และรายได้จากการขายอาหารเครื่องดื่มโดยเฉพาะป็อปคอร์น ก็คาดว่าจะลู่ขึ้นตามอัตราการเข้าโรงเช่นกัน ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิของ MAJOR* ปี67 และ68 จะอยู่ที่ 784 ลบ. (-25%YoY/ปี66 มีกำไรพิเศษจากการขาย MPIC ราว 346 ลบ.) และ 973 ลบ.(+24%YoY)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้