Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

412


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักตัว
มองการย่อเป็นจุดสะสม หุ้นกำไรแนวโน้มเติบโตดี

Market Strategy
SET Index คาดพักตัวตามกรอบ 1460-1480 จุด จากปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้พักตัวเฉลี่ย 1.12% กดดันจาก U.S. Bond Yield 10 ปีที่เร่งตัวทำจุดสูงในรอบเกือบ 3 เดือน หลังตลาดมีการปรับมุมมองต่อลดดอกเบี้ยฯ ณ สิ้นปี 68 ไปที่ 3.75% สูงกว่ามุมมองของ FED ที่คาด 3.5% หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดีและแนวโน้มการเลือกตั้งสหรัฐฯที่คะแนนของคุณ Trump ไล่จี้ติดคุณแฮริสเหลือไม่ถึง 1% ด้านในประเทศประเด็นการเมืองอยู่ในจุดที่กลับมาติดตาม กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ BBIK KKP
ปัจจัยการเมืองในประเทศอยู่ในจุดที่กลับมาให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หลังความคืบหน้ากรณีคุณธีรยุทธร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุดเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยให้จัดส่งกลับภายใน 15 วัน (คาดภายในสัปดาห์แรกของ พ.ย.67) จุดที่ติดตามถัดไปคือภายหลังจากศาลฯได้รับข้อมูลจากอัยการสูงสุดแล้วจะพิจารณารับวินิจฉัยคำร้องหรือไม่ ในระยะสั้นอาจสร้าง Sentiment เชิงลบต่อนักลงทุนต่างชาติไหลออก ประกอบกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มากขึ้น จึงทำให้ Fund Flow ต่างชาติยังมีความเสี่ยงไหลออก
แต่อย่างไรก็ตาม หากประเมินจากเม็ดเงินของต่างชาติที่ซื้อสะสมในรอบนี้ตั้งแต่ 20 ส.ค.-22 ต.ค. 67 เหลืออยู่ที่ 1.44 หมื่นล้านบาท มีน้ำหนักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเม็ดเงินของกองทุนวายุภักษ์ ที่คาดว่าจะเหลือไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท จึงเชื่อว่า Downside ในการปรับลงจำกัด โดยประเมินแนวรับของ SET Index ที่บริเวณ 1430-1450 จุด เป็นแนวรับที่ดี โดยหุ้นที่น่าสนใจในระยะนี้เลือก 3 Theme Earnings Play 1.หุ้นที่ Earnings Momentum 3Q67 เด่นและดีต่อใน 4Q67 ชอบ MTC SAK TASCO CPALL BJC TRUE และ BEM 2. หุ้นที่มีโอกาสสร้าง Earnings Positive Surprise Consensus ชอบ CPF CHG และ 3.ทยอยสะสมหุ้นที่ Earnings Recovery 3Q67 เป็นจุดต่ำสุด แต่แนวโน้มกำไร 4Q67 และปี 2568 คาดขยายตัวชอบ AOT CENTEL HMPRO

Market Summary
SET Index ลงแรง -18.4 จุด กดดันจาก Bond Yield สหรัฐฯที่เร่งตัวทำจุดสูงสุดรอบกว่า 2 เดือนและความกังวลต่อประเด็นการเมืองเรื่องการพิจารณาคำร้องพรรคเพื่อไทย กลุ่มที่ปรับลงแรงมาจาก ICT -2.5% จากแรงขายทำกำไร INTUCH -5.4% ADVANC -3.2% ตามด้วยกลุ่ม ธนาคารปรับลง -1.9% จากแรง Sell on Fact หลังรายงานงบและหลายธนาคารประกาศลดดอกเบี้ยฯ M-Rate กลุ่ม Outperform กลุ่มอิเล็คฯจาก DELTA +1.5%

 

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ BBIK KKP


KKP ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ
พร้อมยกเป็น Top Pick กลุ่มธนาคาร
เรามีมุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา โดย KKP จะได้ประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจาก 60% ของสินทรัพย์เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ และธนาคารมีแผนที่จะปล่อยให้แหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนสูงบางอย่าง เช่น พันธบัตรและเงินฝากพิเศษหมดไป ซึ่งจะช่วยหนุนต่อทิศทาง NIM ฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจทางด้านตลาดทุนมีแนวโน้มดีขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจ IB ปี 2568
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ KKP มีมุมมมองบวก จาก NPL และ Credit Cost ช่วง 9M67 ลดลงเหลือ 2.35% จาก 2.94% ช่วง 9M66 และคาด Credit Cost จะต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5-2.7%
ราคาปัจจุบันซื้อขาย PBV ที่ 0.72 เท่า ถือว่าไม่แพง นอกจากนี้ เราคาดว่า KKP จะเพิ่ม Dividend Payout Ratio และซื้อหุ้นคืน หากราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่า มูลค่าทางบัญชี ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้นในอีกทางหนึ่ง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65.00 บาท


BBIK กำไรมีแนวโน้มเติบโต
ตามอุตสาหกรรม
คาดกำไรหลักปี 67-69 จะเติบโตเฉลี่ย 28% CAGR หนุนจากโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและตลาดซอฟต์แวร์องค์กรในประเทศยังมีขนาดเล็ก
การเซ็นสัญญาโครงการใน มิ.ย. 67 ทำให้ backlog ณสิ้น 2Q67 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 905 ล้านบาท โดย 506 ล้านบาท จะรับรู้เป็นรายได้ 2H67 ขณะที่การชนะประมูลโครงการยังแข็งแกร่งในเดือน ก.ค.- ส.ค. คาดกำไรหลัก 3Q67 ที่ 83 ล้านบาท +10% YoYและ +83% QoQ
Bloomberg รายงานNVIDIA มีกำหนดการเยือนไทยเดือน ธ.ค. และคาดว่าจะประกาศแผนการลงทุน ซึ่งเป็นบวกต่ออุตสาหกรรม กลุ่มเทคฯของไทย รวมถึงโอกาสธุรกิจให้คำปรึกษา Digital Transformation ครบวงจรของ BBIK ในอนาคต
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 44.00 บาท

 

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ได้แรงหนุนจาก จีน +0.52% ฮ่องกง +1.27% จากความคาดหวังต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ส่งผลให้ MSCI Asai ex Japan +0.2% แต่อย่างไรก็ตามตลาดอาเซียน ส่วนใหญ่ยังคงผันผวนแกว่งตัวในช่วง -0.61% ถึง +0.33% ตามการรายงานผลประกอบการ 3Q67
วันนี้ติดตามการรายงานตัวเลข Flash PMI ซึ่งในภาพรวม ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากในเดือนก่อนหน้ามากนัก และสะท้อนภาพที่เหมือนเดิม นั่นคือ ภาคการผลิตยังฟื้นช้า ส่วนภาคบริการดีต่อเนื่อง นำโดย 1) ภาคการผลิต สหรัฐฯ คาด ที่ 47.5 (เดือนก่อน 47.3) 2) ภาคบริการสหรัฐฯ คาดที่ 55.0 (เดือนก่อน 55.2) 3) ภาคการผลิต Eurozone คาดที่ 45.1 (เดือนก่อน 45.0) 4) ภาคบริการ Eurozone คาดที่ 51.5 (เดือนก่อน 51.4)


EYES ON
ในสัปดาห์ การรายงานงบฯ 3Q67
24 ต.ค. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone


นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ดันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ หุ้นใหญ่ หน้าเดิม ดันSET ฝ่า 1,200 จุด ต่อ การสลับหน้าที่กันไป ห้วงระหว่างอยู่ ผลการ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้