Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

382

 


"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways to Sideways/Up" ต้าน 1501/1511 จุด รับ 1485/1478 จุด ดัชนี S&P500 ทรงๆ หุ้นเด่น คือ หุ้นเทคฯ จากจิตวิทยา TSMC กำไรดีกว่าคาด กลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันนิ่ง หลังยอดค้าปลีก ก.ย. 24 สหรัฐ +0.4%m-m vs prev. +0.1%m-m ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง -7.3%w-w บ่งชี้ภาพ Goldilocks to Soft Landing ขณะที่เงินเฟ้อโลกคลายตัว นำมาสู่การปรับลดดอกเบี้ยของ ECB อีก -25 bps ต่อเป็นครั้งที่ 3 บรรยากาศถือเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเอเชียติดตาม รายงานเศรษฐกิจจีน ตลาดมอง GDP งวด 3Q24 อนุรักษ์นิยม +4.6%y-y ต่ำกว่าเป้าทางการที่ 5% อยู่แล้ว ทำให้น่าจะให้น้ำหนักทางบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาหนุนระยะถัดไปมากกว่า ส่วนไทย กำไรกลุ่มธนาคารโค้งแรกดีกว่าคาดเล็กๆ มาตรการหนุนเศรษฐกิจมีสัญญาณบวก คลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหา แผนระยะกลาง Cloud First คืบหน้า หนุน SET หุ้นนำ มอง หุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน หุ้นบวกจากมาตรการรัฐ (อสังหา+ปรับปรุงบ้าน, Infra Tech, ภาคบริการ) หุ้น China Plays และกลุ่มกำไร 3Q24F ดี วันนี้แนะ CPALL, GPSC, IVL

 

 

Daily outlook: "Sideways to Sideways/Up" ต้าน 1501/1511 จุด รับ 1485/1478 จุด

What happened around the world ?

(*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวเรื่องหลักคือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืน Reatail sale แข็งแกร่ง Dow jones +0.37%d-d (Chevron +1.6%, VISA +1%), S&P500 -0.02%, Nasdaq +0.04%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นนำโดย กลุ่ม Energy, IT, Financials, Materials ฯลฯ Sector ปรับลงคือ Utilities. ICT, Real estate ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Taiwan semiconductor +9.7%, ASML +2.5% หนุนจาก TSMC รายงานงบดีกว่าคาด จิตวิทยาบวกหนุนหุ้นชิ้นส่วนไทยวันนี้ , Netflix -2%

(*) US Econ : ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสำคัญ สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง คือ 1.) ยอดค้าปลีกสหรัฐ (Retail Sales) ก.ย. +0.4%m-m สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.3% (หากไม่รวมก๊าซและหมวดยานยนต์ (Core retail Sales) +0.7%m-m prev. +0.3% 2.)จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Initial Jobless Claims) -1.9 หมื่นรายจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 2.41 แสนราย Inline ตลาดคาด แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ 2.3 แสนรายเล็กน้อย (อิง MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims ที่เพิ่มขึ้นเกิน 5 หมื่นราย มักเป็นสัญญาณของเศรษกิจถดถอย และจากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

(*/+) Utility Stocks : หุ้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สหรัฐฯ เมื่อคืนปรับขึ้นแรง Nano Nuclear Energy Inc. +37.8%d-d, Oklo Inc. +41.9%, NuScale Power Corp. +40% แรงหนุนมาจากข่าวประกาศลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ของ Amazon ลงทุน 500 ล้าน$ และ Google (ข้อตกลงกับ Kairos Power เพื่อจัดหาไฟฟ้าปลอดคาร์บอน 500 เมกะวัตต์สำหรับ Data Center ระหว่างปี 2030 – 2035) ต่อเนื่องจาก Microsoft ที่นำร่องในส่วนการหาแหล่งพลังงานดังกล่าวก่อนในช่วงก่อนหน้า เพื่อรองรับ Demand ที่เพิ่มขึ้น จาก AI KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าของไทย โดยในเชิงโครงสร้างในไทยอาจจะไม่ได้เหมือนสหรัฐ โดยตรง แต่สะท้อนทิศทางที่คล้ายกัน โดยเน้นไปที่ GULF, GPSC

(*/+) ECB Meeting ผลการประชุม ECB เป็นไปตามคาดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ - 25bps สู่ระดับ 3.4% KSS ประเมินย้ำภาพดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และมองเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจยุโรป และตลาดหุ้น และมองบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจในยุโรป เน้น MINT

(*/+) Chip stocks : TSMC ผู้ผลิตชิปขั้นสูงรายใหญ่ที่สุดในโลกของไต้หวันประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาดทั้ง กำไรสุทธิ 3.253 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าคาด +54%y-y รายได้ธุรกิจ High Performance Computing สัดส่วนหลักที่ 51% รายได้ มีการเติบโตต่อเนื่อง 11%q-q ,ธุรกิจ Smartphone สัดส่วน 34% โต +16%q-q , รายได้ ก.ค.-ก.ย. ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 7.60 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน +39%y-y ดีกว่าตัวเลขที่บริษัทประเมิน และปรับเป้าการเติบโตรายได้เพิ่มขึ้น คาดยอดขายในปี 2024 จะโต +30% เป็นจิตวิทยาบวกหนุนคาดการณ์งบกลุ่มชิ้นส่วนในไทยคาดจะออกมาดีตาม มองหุ้นชิ้นส่วนไทย อาทิ DELTA, KCE, HANA , CCET

(*) Singapore Export Singapore Export รายงานยอดส่งออก (Non-Oil Export) เดือน ก.ย. ขยายตัว 3 เดือนติด +2.7%y-y ต่ำคาดที่ 9.5% prev. +10.7%y-y เป็นจากการเติบโตกลุ่มสินค้าในหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขยายตัว แต่ชะลอ 4%y-y prev. 35.1%y-y ในเดือน ส.ค. (ยอดส่งออกสิงคโปร มีความสัมพันธ์ไปในทางเดียวกันกับยอดส่งออกไทยจากสถิติในอดีต ทำให้ประเมินส่งออกของไทย เดือน ก.ย. มีโอกาสจะออกมาขยายตัวแต่อาจจะชะลอลงจากเดือนก่อน

(*/+) China Stimulus เมื่อวาน รมว. กระทรวงเกี่ยวข้องกับภาคอสังหา+ที่อยู่อาศัยกับธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 1.) เน้นเรื่องการใช้พันธบัตรพิเศษเพื่อสนับสนุนการซื้อที่อยู่อาศัยราคาประหยัด และการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งมีโครงการที่จะสร้างใหม่กว่า 1 ล้านยูนิต 2.) ลดดอกเบี้ยเงินกู้และเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ใน บัญชีขาว (White List) มูลค่ารวมกว่า 2.23 ล้านล้านหยวน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านล้านหยวนภายในสิ้นปี KSS ประเมินจะหนุนตลาดหุ้นจีนและบวกต่อหุ้น China Play นำโดย IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT

(*/+) Bird Flu : กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น ได้รายงานการตรวจพบไวรัสไข้หวัดนกในซากเหยี่ยวป่าและมูลเป็ดป่าในช่วงปลาเดือน ก.ย.และต้นเดือน ต.ค 24 จึงได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นระดับสูงสุด เป็นจิตวิทยา "เชิงบวก" ต่อหุ้นกลุ่มส่งออกไก่ โดย ให้น้ำหนักกับ GFPT มากกว่า เพราะ GFPT มีการส่งออกไก่ 23% ของยอดขาย ส่วน CPF ส่งออกไก่ 2-3% ของยอดขาย

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 18 ต.ค. ติดตามยอดขอสร้างบ้านใหม่ ก.ย. คาด 1.35 ล้านหลัง ฝั่งจีน 18 ต.ค. ติดตามรายงาน GDP ไตรมาส 3 จีน คาด 4.6%

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐพลิกขึ้นแรงรับตัวเลขเศรษฐกิจ อิง อายุ 2 ปี +3 bps - อยู่ที่ 3.97% และอายุ 10 ปี + 8 bps อยู่ที่ 4.09%(US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) จิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต กลุ่มธนาคาร ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 103.5 จุด เป็นปัจจัยกดดันต่อค่าเงินสกุลเอเชียมีแนวโน้มอ่อนค่าในทางเดียวกัน และเป็นจิตวิทยาลบต่อ Fund Flow ชะลอการไหลเข้าระยะสั้น

(*)Oil : ราคาน้ำมันดิบ แกว่งตัวบริเวณจุดต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อิง น้ำมันดิบ Brent +0.4%d-d ปิดที่ US$ 74.4/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.3%d-d ปิดที่ US$ 70.8/barrel

 

What happened in Thailand ?

(+) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเด่น +10.01 จุด หรือ +0.67% ปิดที่ 1494.91 จุด มีโมเมนตัมต่อเนื่องจากผลบวก กนง. Surprise ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย กลุ่มหนุน คือ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE, INTUCH) พื้นฐานเด่น, ดอกเบี้ยลงหนุนกำไร นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น TRUE และ ADVANC ส่วน INTUCH เร่งขึ้นตาม GULF ที่วานนี้นักวิเคราะห์ของเราออกบทวิเคราะห์แนะนำซื้อเก็งกำไรคาดหวัง Synergy จากการรวมกิจการกับ INTUCH เป็นบริษัทใหม่ (NewCo) กลุ่มพลังงาน (GULF) นักวิเคราะห์เราประเมินฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นหลังควบรวม INTUCH สร้างช่วยเร่งลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ผสาน กนง. ลดดอกเบี้ย หนุน Upside โครงการใหม่สูงกว่าตลาดประเมินไว้เดิม เบื้องต้นประเมินราคาเป้าหมายเมื่อรวม upside จากโครงการพลังงานหมุนเวียนดังกล่าวประมาณ 68-75 บาท กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มก่อสร้าง (SCC) ถูกขายลดความเสี่ยงต่อเนื่อง ตั้งแต่ตลาดคาดกำไร 3Q24F ไม่สดใส กลุ่มอาหาร+เครื่องดื่ม (ITC, CBG)

(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ขายพันธบัตร -65.3 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -77.15 ล้านเหรียญฯ TFEX Net short -5,177 สัญญา ล่าสุดเงินบาททรงตัวสู่ 33.2 +/- บาท

(+) Vayupak: กระแสเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) เป็นภาพไหลเข้าต่อเนื่อง บ่งชี้นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถาบันในช่วง 12 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 26.7 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(*/+) TH Gov Cloud First Policy: นโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลักของรัฐฯ (Cloud First Policy)เดินหน้าต่อเนื่อง ที่ประชุมนโยบายดังกล่าว ครั้งที่ 2 วานนี้ เห็นชอบข้อเสนอกรอบแนวทางการบริหารจัดการระบบคลาวด์ภาครัฐ ตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก พร้อมมอบหมายคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการเชิงรายละเอียดเพิ่มเติม สัญญาณดังกล่าวสอดรับกับงานสัมมนาที่ KSS จัดวานนี้ในส่วน Cloud Connect : Data Center ที่ทุกภาคส่วนร่วมงาน (Microsoft, WHA และ BBIK) ให้ภาพเดียวกันว่า นโยบายดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เห็นการลงทุน Data Center ในไทยเร่งตัว เพราะในอีกด้านจะสร้างความตื่นตัวฝั่งเอกชนเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งการใช้งานในส่วนรายเดิมที่วางแผนเร่งเข้าลงทุนแล้ว และการเข้ามาของรายใหม่ๆ และจะหนุนมีความพร้อมการนำข้อมูลไปต่อยอดด้วย AI Application ขณะที่ข้อจำกัดกฎระเบียบฝั่งไฟฟ้า โดยเฉพาะเงื่อนไข Direct PPA หากมีพัฒนาการจะเป็นอีกด้านที่เป็นแรงหนุน โดยรวมเรามองบวกต่อหุ้นในธีม Infrastructure Tech กับโอกาสการเติบโตในระยะ 3-5 ปีจากนี้ โดยช่วงแรกแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ต้นน้ำ-กลางน้ำ ได้แก่ WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK

(*/+) Property Stimulus: รมช.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับจากประชาชนสูง ทั้งในส่วนโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home และสินเชื่อ Happy Life หลังจากนี้จะสานต่อโครงการใหม่ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง"เตรียมเสนอ ครม. แบ่งเป็น

ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือคอนโดมีเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5.0 หมื่นล้านบาท
สินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5.0 พันล้านบาท
เรามองน้ำหนักกลุ่มอสังหาฯ เชิงจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่เน้นจำหน่ายบ้าน/คอนโดที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท อาทิ LPN, PSH รวมถึงบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด ในส่วนโครงการที่ 1 ผสาน ส่วนโครงการที่ 2 เราให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกลุ่มปรับปรุงบ้านสูงกว่า ระยะสั้นเน้น GLOBAL

(*) To Monitor: : สัปดาห์นี้-หน้า ปัจจัยภายใน ติดตาม 21 ต.ค. ติดตาม KBANK, KTB, SCB กลุ่มธนาคารเริ่มรายงานกำไรงวด 3Q24F โดยรวมเราคาดธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 5.22 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q 22 ต.ค. ติดตามประชุม ครม. ว่าจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นอกจากนี้ ติดตามรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ ส่วนปลายสัปดาห์ 25 ต.ค. ติดตามรายงานกำไร DELTA เราคาด +12%y-y, -5%q-q

 

Daily Strategy : CPALL, GPSC, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways to Sideways/Up" มองภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯเดินหน้าภาพ Goldilocks to Soft Landing ผสาน เงินเฟ้อโลกยังเป็นภาพอ่อนลง ธนาคารกลางยุโรปปรับลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 มองหนุนจิตวิทยาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง เอเชียเด่น วันนี้จับตารายงานเศรษฐกิจจีน จุดดี คือ ตลาดมอง GDP งวด 3Q24 อนุรักษ์นิยม +4.6% ต่ำกว่าเป้าหมายรัฐฯที่ 5% อยู่แล้ว ทำให้น่าจะคาดหวังทางบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะถัดไป ส่วนไทย มาตรการหนุนเศรษฐกิจทยอยกลับมาเดินหน้า อาทิ มาตรการกระตุ้นอสังหา แผนระยะกลาง Cloud First เดินหน้าต่อ หนุน SET ต่อ หุ้นนำ มอง หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง หุ้นมาตรการรัฐหนุน (อสังหา+ปรับปรุงบ้าน, Infra Tech, หุ้นภาคบริการ) หุ้น China Plays ผสาน กลุ่มกำไร 3Q24F ดี อาทิ IVL, AU, MOSHI

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มกำไร 3Q24F ออกมาดี คือ ADVANC, TRUE, CPALL, CPAXT, MOSHI, AU, IVL
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• KSS Strategist Comment : BOT Meeting

Fact :

• กนง. มีมติ 5:2 ให้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25 bps เหลือ 2.25% จากเดิม 2.5%

• ด้านมุมมองเศรษฐกิจมองใกล้เคียงเดิม GDP ปี 24-25 อยู่ที่ 2.7% และ 2.9% โดยปี 2024 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากฝั่งส่งออก ขณะที่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากนี้ กนง. มองบวกที่แรงขับเคลื่อนกระจายมากขึ้น ได้แก่ การบริโภค, การบริโภค+ลงทุนภาครัฐฯ และท่องเที่ยว รวมถึงการส่งออก

• เงินเฟ้อ กนง. คาดปี 2024-25 มองใกล้เคียงเดิมที่ 0.5% และ 1.2% โดยคาดเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายช่วงปลายปีนี้

Key Ideas :

• เรามองบวกต่อมติ กนง. ดังกล่าว ด้วยเหตุผลหลัก ดังนี้

o สัญญาณนโยบายการเงินการคลังสอดประสาน อย่างที่ตลาดคาดหวัง สร้างสัญญาณบวกต่อการกลับมาขยายตัวเศรษฐกิจ

o การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ เรามองมีส่วนช่วยทั้งฝั่งเศรษฐกิจ ลดภาระดอกเบี้ยประชาชน หนุนโอกาสเห็นภาพขยายตัวสินเชื่อที่กลับมาหนุนเศรษฐกิจ

o นอกจากนี้ จุดยืนของ BOT ที่มองการลดครั้งนี้ ไม่ใช่การเข้าสู่ Easing Cycle ทำให้เชื่อว่าระดับหนี้ครัวเรือนยังบริหารจัดการได้

• มุมมองต่อเศรษฐกิจระยะถัดไปที่ยังคงเดิม แม้มีปัจจัยเสี่ยงระดับมหภาคระยะหลังบ้าง เช่น สถานการณ์ตะวันออกกลาง รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน ยังไม่แน่นอน BOT มองภายในมีปัจจัยบวกที่ช่วยสร้าง Upside Risk ชดเชยได้ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐฯ

Strategy: เรามองบวกต่อ SET การลดดอกเบี้ยฯทำให้ Equity risk Premium ตลาดหุ้นไทยกว้างขึ้นถึง 3.62% ใกล้ +1SD ที่ 4%+/- จะทำให้ตลาดหุ้นเร่งขึ้น สู่ดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด โดยประเมินทุกๆ 25 bps เป็น Upside ต่อ SET Index ราว 45-50 จุด ส่วนหุ้นเด่น แนะนำ 2 ธีมหลัก

กลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับลดลง

o กลุ่มเช่าซื้อ (จำนำทะเบียน MTC , JMT)

o กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC)

o กลุ่มหนี้สูง (CPALL, TRUE, IVL)

o กลุ่มอสังหาฯ (AP, SIRI, SC)

o กลุ่ม High Yield (ADVANC)

ผสาน

หุ้นเด่นไตรมาส 4 : 4Q24 Best Picks: GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• WHAUP (Buy, TP-5.2): We anticipate Bt424m core profit in 3Q24F, -14% yoy but +37% qoq due to the operations of power unit. We look for better 4Q24F due to improved power ops and upside risk of Bt0.6-1.2/share from power and water projects plus several other upside risks in the future to be share price catalyst. We maintain BUY rating for WHAUP.

• BBL (Neutral, TP-148): เรามีมุมมอง Neutral ต่อผลประกอบการ 3Q24 แม้กำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1.25 หมื่นลบ. ดีกว่าเราและตลาดคาด +9% แต่เราไม่ชอบคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอมาก NPL Ratio เพิ่มขึ้นแรงต่อเนื่องที่ 3.40% จาก 2Q24 ที่ 3.20% เพราะลูกหนี้เดิมตกชั้น จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้เราปรับกำไรสุทธิปี 2024F ขึ้น +5% จากเงินลงทุน (FVTPL) และค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ที่ดีกว่าคาด และปรับกำไรสุทธิปี 2025-26F ลง -(3-4)% จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ส่งผลให้ TP 25F ลดลงเหลือ 148 บ. ภาพรวมเรามอง BBL i) NPL Ratio มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อ ii) ได้รับผลกระทบทางลบจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 2025F หดตัว -3% ii) ได้ประโยชน์จากมาตรฐานกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐช้าสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่

• AU (Buy, TP-11.5): We maintain our Buy rating with a new target price of Bt11.50 based on: (i) We expect earnings to grow 41% yoy and 4% qoq in 3Q24F, driven by a 5% SSSG supported by new products, increased sales in convenience stores; (ii) We have revised our earnings estimates upward to reflect higher-than-expected sales in convenience. (iii) strong earnings visibility supported by solid brand positioning and expanded sales channels.

• IVL (Trading Buy, TP-24): มอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ IVL ที่แม้มี stock loss ฉุดแต่ยังใกล้เคียงกับที่เราเคยประเมิน ฟื้นทั้ง y-y q-q ตามการฟื้นของอัตรากำไรที่ดีกว่าคาด ซึ่งเรามองการฟื้นมีต่อเนื่องใน 4Q24F จาก stock loss ที่ลดลงกลบ ผลกระทบ low season ในบางผลิตภัณฑ์ และ 2025F ฟื้น y-y ตามอัตรากำไรที่ oversupply และต้นทุนคงที่ ลดลง ปรับเพิ่มกำไร และ TP25F คงคำแนะนำ Trading Buy เก็งกำไรบน upside ของการฟื้นตัวเร็วของ PET spread

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้