Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

414

 

SET ปรับตัวขึ้นไป แต่เหมือน ใจไม่ค่อยฟู
SET INDEX ปรับขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 1470 จุด แต่เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของการปรับขึ้นแล้วดูเหมื่อนว่ายังไม่หนักแน่น กล่าวคือเรายังเห็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องยาวนานถึง 13 วันทำการกว่า2.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมจำนวนหุ้นที่ปรับขึ้นมีน้อยกว่าหุ้นที่ปรับลดลง นอกจากนี้หากมองภาพเป็นราย SECTOR ก็จะพบว่ามีการปรับขึ้นแบบกระจุกตัว สำหรับปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานวันนี้ มีประเด็นเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังส่งสัญญาณซบเซา ผ่านตัวเลขการส่งออกนำเข้า รวมถึงเงินเฟ้อ เดือน ก.ย.67 ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งผลดังกล่าวไปสร้างแรงกดดันฝั่ง DEMAND ของราคาน้ำมัน ส่วนในบ้านเรา ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม กนง. โดยที่ส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่2.5% และอาจเห็นการปรับลดลงในเดือน ธ.ค.67ภาพการปรับตัวขึ้นของ SET INDEX ที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ขณะที่ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน คาดวันนี้ ผันผวนในกรอบ 1460 –1484 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CK และ GPSC

 

ราคาน้ำมันผันผวน มีทั้งแรงกด DEMAND และระวังแรงหนุนSUPPLY
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวขึ้น-ลงแรงนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบช่วงนั้นๆ โดยวานนี้ ราคาน้ำมับดิบโลกร่วงลงอีกเกือบ 3% ทำให้BRENT ลงไปแตะ 75 เหรียญฯ/บาเรล

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบผันผวน มีทั้งแรงกด DEMAND และต้องระวังแรงหนุน SUPPLY ดังนี้
• แรงกดดันราคาน้ำมัน จากความกังวล DEMAND ชะลอตัวลง โดย OPECประกาศปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งที่ 3 ประเมินการใช้น้ำมันปี2567 ขยายตัว 1.9 ล้านบาร์เรล/วัน (เดิมคาด 2.0) และปี 2568 ขยายตัว 1.6ล้านบาร์เรล/วัน (เดิมคาด 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน)นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน ในเดือน ก.ย.67 โดยตัวเลขเงินเฟ้อ และนำเข้า-ส่งออกต่ำกว่าคาด แม้รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ออกไปในช่วงปลายเดือน อีกทั้งการแถลงนโยบายการคลังเมื่อวันเสาร์12 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน ผ่านการเพิ่มหนี้รัฐบาล ซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดเผยขนาดเม็ดเงินอัดฉีดลงไปในระบบอย่างเป็นทางการ


• แรงหนุนราคาน้ำมัน จาก SUPPUY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ กรณีความตึงเครียดตะวันออกกลางทวีความรุนแรง ซึ่งยังต้องติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดสหรัฐเตรียมส่งกองทัพไปอิสราเอล พร้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูงเพื่อปกป้องอิสราเอลหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในอิสราเอลเมื่อ 1 ต.ค. 67สรุป ความกังวล DEMAND โลกชะลอตัว บวกกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ยังดูไม่ชัดเจน กดดันราคาน้ำมันดิบโลกร่วงแรง อย่างไรก็ตามยังต้องระวัง SUPPLY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ จากกระแสความตึงเครียดตะวันออกกลางที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น


ดอกเบี้ยไทย คาดคงที่ 2.50% ในการประชุมวันพรุ่งนี้
สัปดาห์แห่งการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง อาทิ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะจัดการประชุมในวันพุธที่ 16 ต.ค.67 ส่วน ยุโรป จะจัดการประชุมในวันที่ 17 ต.ค.67 ซึ่งข้อมูลจาก BLOOMBERG คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 2.5% และ 6% ตามลำดับ ส่วนธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จากระดับเดิม เหลือ 5.5% และ 3% ตามลำดับโดยหากพิจารณาเชิงลึก เฉพาะประเทศไทย มี 22 สำนักเศรษฐกิจที่คาดการณ์ กนง. จะคงดอกเบี้ย 2.5% จากสำนักเศรษฐกิจทั้งหมด 27 สำนัก


ขณะที่ในมุม BOND YIELD ไทย 10 ปี ก็ทยอยปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 2.50% แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดก็ให้น้ำหนักว่า กนง.มีโอกาสคงดอกเบี้ยในการประชุมวันพรุ่งนี้ ส่วนระยะถัดไป หรือการประชุมในช่วงเดือน ธ.ค.67 ฝ่ายวิจัยฯคาดว่ามีหลายปัจจัยที่หนุนให้ กนง.อาจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• ผลกระทบน้ำท่วม ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย – ภาคการท่องเที่ยว
• การใช้จ่ายภาครัฐ(G) และ การลงทุนภาคเอกชน(I) เสี่ยงต่ำกว่าคาด
• ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ส่งผ่านไปยังภาคการส่งออกอาจชะลอตัว
• เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท.
• นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเงื่อนไขเปลี่ยนไป อาจไม่ก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อาทิ เปลี่ยนจากการแจกเงิน 10,000 บาทให้ทุกคน เป็นแจกแค่กลุ่ม
เปราะบาง และ การเลื่อนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาทออกไปก่อน


สรุป ดอกเบี้ยโลกเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ ส่วนดอกเบี้ยไทย คาดคงที่2.50% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ แต่ระยะถัดไป ฝ่ายวิจัยฯคาดมีหลายปัจจัยหนุนให้กนง. อาจลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.0%

SET INDEX ขึ้นได้ แต่อาจไม่HEALTHY
SET INDEX ปรับตัวขึ้นมา 6 วันทำการติดต่อกัน กว่า 28 จุด มาอยู่ที่ 1470 จุด แต่มีอยู่ 3 ส่วน ที่บ่งชี้ว่า การขึ้นของ SET INDEX ในช่วงนี้อาจไม่ค่อยแข็งแรง ดังนี้
1. แรงผลักดันของ SET INDEX ในช่วงนี้ มาจากเม็ดเงินจากสถาบันฯ ในประเทศหรือกองทุนวายุภักษ์เป็นหลักฯ ขณะที่ต่างชาติขายหุ้นไทยมา 13 วัน ทำการ ติดต่อกันกว่า 2.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งปกติถ้าไม่มีเม็ดเงินวายุภักษ์SET INDEX มีโอกาสปรับฐาน -2% ถึง –3% ได้


2. หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดี แต่เป็นลักษณะการบวกแบบกระจุกตัว คือ มีจำนวนหุ้นที่บวกรายวันน้อยลงกว่าหุ้นที่ติดลบรายวันมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็น
สัญญาณให้ระมัดระวังการปรับฐานในระยะถัดไปได้


3. การขยับขึ้นของ SET INDEX ในแต่ละวัน ประกอบไปด้วยการบวกสลับไปสลับมาในไม่กี่ SECTOR เท่านั้น ทำให้การคัดเลือกหุ้นที่จะ OUTPERFORM
ตลาดในช่วงนี้ทำได้ยาก

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้