Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

418

 

SET ปรับตัวขึ้นไป แต่เหมือน ใจไม่ค่อยฟู
SET INDEX ปรับขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ 1470 จุด แต่เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของการปรับขึ้นแล้วดูเหมื่อนว่ายังไม่หนักแน่น กล่าวคือเรายังเห็นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องยาวนานถึง 13 วันทำการกว่า2.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมจำนวนหุ้นที่ปรับขึ้นมีน้อยกว่าหุ้นที่ปรับลดลง นอกจากนี้หากมองภาพเป็นราย SECTOR ก็จะพบว่ามีการปรับขึ้นแบบกระจุกตัว สำหรับปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานวันนี้ มีประเด็นเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยังส่งสัญญาณซบเซา ผ่านตัวเลขการส่งออกนำเข้า รวมถึงเงินเฟ้อ เดือน ก.ย.67 ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งผลดังกล่าวไปสร้างแรงกดดันฝั่ง DEMAND ของราคาน้ำมัน ส่วนในบ้านเรา ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม กนง. โดยที่ส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่2.5% และอาจเห็นการปรับลดลงในเดือน ธ.ค.67ภาพการปรับตัวขึ้นของ SET INDEX ที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร ขณะที่ยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน คาดวันนี้ ผันผวนในกรอบ 1460 –1484 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก BEM, CK และ GPSC

 

ราคาน้ำมันผันผวน มีทั้งแรงกด DEMAND และระวังแรงหนุนSUPPLY
ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวขึ้น-ลงแรงนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบช่วงนั้นๆ โดยวานนี้ ราคาน้ำมับดิบโลกร่วงลงอีกเกือบ 3% ทำให้BRENT ลงไปแตะ 75 เหรียญฯ/บาเรล

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบผันผวน มีทั้งแรงกด DEMAND และต้องระวังแรงหนุน SUPPLY ดังนี้
• แรงกดดันราคาน้ำมัน จากความกังวล DEMAND ชะลอตัวลง โดย OPECประกาศปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นครั้งที่ 3 ประเมินการใช้น้ำมันปี2567 ขยายตัว 1.9 ล้านบาร์เรล/วัน (เดิมคาด 2.0) และปี 2568 ขยายตัว 1.6ล้านบาร์เรล/วัน (เดิมคาด 1.7 ล้านบาร์เรล/วัน)นอกจากนี้เศรษฐกิจจีนยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน ในเดือน ก.ย.67 โดยตัวเลขเงินเฟ้อ และนำเข้า-ส่งออกต่ำกว่าคาด แม้รัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ออกไปในช่วงปลายเดือน อีกทั้งการแถลงนโยบายการคลังเมื่อวันเสาร์12 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน ผ่านการเพิ่มหนี้รัฐบาล ซึ่งยังไม่ได้มีการเปิดเผยขนาดเม็ดเงินอัดฉีดลงไปในระบบอย่างเป็นทางการ


• แรงหนุนราคาน้ำมัน จาก SUPPUY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ กรณีความตึงเครียดตะวันออกกลางทวีความรุนแรง ซึ่งยังต้องติดตามความคืบหน้าสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดสหรัฐเตรียมส่งกองทัพไปอิสราเอล พร้อมระบบป้องกันภัยทางอากาศในบรรยากาศชั้นสูงเพื่อปกป้องอิสราเอลหลังอิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในอิสราเอลเมื่อ 1 ต.ค. 67สรุป ความกังวล DEMAND โลกชะลอตัว บวกกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ยังดูไม่ชัดเจน กดดันราคาน้ำมันดิบโลกร่วงแรง อย่างไรก็ตามยังต้องระวัง SUPPLY การผลิตเสี่ยงได้รับผลกระทบ จากกระแสความตึงเครียดตะวันออกกลางที่เข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น


ดอกเบี้ยไทย คาดคงที่ 2.50% ในการประชุมวันพรุ่งนี้
สัปดาห์แห่งการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง อาทิ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะจัดการประชุมในวันพุธที่ 16 ต.ค.67 ส่วน ยุโรป จะจัดการประชุมในวันที่ 17 ต.ค.67 ซึ่งข้อมูลจาก BLOOMBERG คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 2.5% และ 6% ตามลำดับ ส่วนธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จากระดับเดิม เหลือ 5.5% และ 3% ตามลำดับโดยหากพิจารณาเชิงลึก เฉพาะประเทศไทย มี 22 สำนักเศรษฐกิจที่คาดการณ์ กนง. จะคงดอกเบี้ย 2.5% จากสำนักเศรษฐกิจทั้งหมด 27 สำนัก


ขณะที่ในมุม BOND YIELD ไทย 10 ปี ก็ทยอยปรับตัวขึ้นยืนเหนือระดับ 2.50% แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดก็ให้น้ำหนักว่า กนง.มีโอกาสคงดอกเบี้ยในการประชุมวันพรุ่งนี้ ส่วนระยะถัดไป หรือการประชุมในช่วงเดือน ธ.ค.67 ฝ่ายวิจัยฯคาดว่ามีหลายปัจจัยที่หนุนให้ กนง.อาจปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ได้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

• ผลกระทบน้ำท่วม ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย – ภาคการท่องเที่ยว
• การใช้จ่ายภาครัฐ(G) และ การลงทุนภาคเอกชน(I) เสี่ยงต่ำกว่าคาด
• ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง ส่งผ่านไปยังภาคการส่งออกอาจชะลอตัว
• เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง และต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท.
• นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเงื่อนไขเปลี่ยนไป อาจไม่ก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ อาทิ เปลี่ยนจากการแจกเงิน 10,000 บาทให้ทุกคน เป็นแจกแค่กลุ่ม
เปราะบาง และ การเลื่อนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง วงเงิน 5,000 ล้านบาทออกไปก่อน


สรุป ดอกเบี้ยโลกเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยในหลายประเทศ ส่วนดอกเบี้ยไทย คาดคงที่2.50% ในการประชุมวันพรุ่งนี้ แต่ระยะถัดไป ฝ่ายวิจัยฯคาดมีหลายปัจจัยหนุนให้กนง. อาจลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.0%

SET INDEX ขึ้นได้ แต่อาจไม่HEALTHY
SET INDEX ปรับตัวขึ้นมา 6 วันทำการติดต่อกัน กว่า 28 จุด มาอยู่ที่ 1470 จุด แต่มีอยู่ 3 ส่วน ที่บ่งชี้ว่า การขึ้นของ SET INDEX ในช่วงนี้อาจไม่ค่อยแข็งแรง ดังนี้
1. แรงผลักดันของ SET INDEX ในช่วงนี้ มาจากเม็ดเงินจากสถาบันฯ ในประเทศหรือกองทุนวายุภักษ์เป็นหลักฯ ขณะที่ต่างชาติขายหุ้นไทยมา 13 วัน ทำการ ติดต่อกันกว่า 2.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งปกติถ้าไม่มีเม็ดเงินวายุภักษ์SET INDEX มีโอกาสปรับฐาน -2% ถึง –3% ได้


2. หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดี แต่เป็นลักษณะการบวกแบบกระจุกตัว คือ มีจำนวนหุ้นที่บวกรายวันน้อยลงกว่าหุ้นที่ติดลบรายวันมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็น
สัญญาณให้ระมัดระวังการปรับฐานในระยะถัดไปได้


3. การขยับขึ้นของ SET INDEX ในแต่ละวัน ประกอบไปด้วยการบวกสลับไปสลับมาในไม่กี่ SECTOR เท่านั้น ทำให้การคัดเลือกหุ้นที่จะ OUTPERFORM
ตลาดในช่วงนี้ทำได้ยาก

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้