Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

511

 


"Selective Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1475/1481 จุด รับ 1460/1455 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แกว่งแคบ S&P500 -0.21% หลังรายงานเงินเฟ้อ CPI สูงกว่าคาดเล็กน้อบ +2.4%y-y, 0.2%m-m แต่ลดลงจากเดือนก่อน ขณะที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเร่ง +14.7%w-w แย่กว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากพายุเฮอริเคน ทำให้ภาพวงจรดอกเบี้ยขาลง และ US Soft Landing ยังเป็นบวกสินทรัพย์เสี่ยงโลก ฝั่งเอเชีย จีนรอติดตามมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมกระทรวงการคลังแถลง 12 ต.ค. และสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ปลายเดือน เรามองจะช่วยเปิด Upside เศรษฐกิจประเทศในภูมิภาค ภายใน 16 ต.ค. ติดตามประชุม กนง. Real Yield ที่เป็นบวก 14 เดือน เชิงกลยุทธ์เรามีโอกาสเห็นท่าที Dovish ขึ้น แม้น่าจะยังคงดอกเบี้ย ผสาน เม็ดเงินนักลงทุนสถาบันซื้อต่อเนื่อง 8 วัน ต่างชาติสลับซื้อพันธบัตร 2 วัน และ ต่างชาติ Long TFEX 6 วันติด มองหนุน SET หุ้นกลุ่มน้ำมัน (น้ำมัน +3.5% ความกังวลตะวันออกกลางที่กลับมา+พายุเข้าสหรัฐ+รัฐเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทะเล) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (ค้าปลีก เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield โรงไฟฟ้า) หุ้น China Plays นำ วันนี้แนะ PTT, CPALL, IVL เด่น

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1475/1481 จุด รับ 1460/1455 จุด

What happened around the world ?

(*/-) US Stocks ตลาดหุ้นสหรัฐชะลอการขึ้น หลังรายงานเงินเฟ้อสหรัฐ และ ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด Dow jones -0.14%d-d , S&P500 -0.21%, Nasdaq -0.04%d-d โดยดัชนี S&P 500 Sectors ปรับลงเกือบทุก Sector ยกเว้น กลุ่ม Energy (หนุนจากหุ้นน้ำมัน Chevron, Exxon รับราคาน้ำมันดิบขึ้นแรง, Materials), IT โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นลงโดย Relestate , ICT, Industrial ฯลฯ ส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Delta Air Lines) -1% บริษัทเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ต่ำกว่าคาด NVDIA +1.6%, MICRON +2% ฯลฯ

(*/-) US Econ : 1.)อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือน ก.ย. ที่ +0.2%m-m , +2.4%y-y สูงกว่าตลาดคาด ที่ 0.1%m-m, 2.3%y-y ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน เดือนเดียวกัน +3.2%y-y ตามคาด แต่ +0.3%m-m มากกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แรงหนุนหลักมาจากเงินเฟ้อในหมวด รถยนต์มือ 2 , เสื้อผ้า ประกันภัยเพิ่มขึ้น แต่จุดสำคัญคือ เงินเฟ้อในหมวดที่อยู่อาศัย ค่าเช่า OER ปรับลงแรง (สัดส่วนสูงราว 48%ของตะหร้าเงินเฟ้อ) ทำให้มีแนวโน้มที่เงินเฟ้อในเดือนถัดไปยังมีทิศทางแกว่งลง ย้ำภาพดอกเบี้ยขาลง 2.)จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Initial Jobless Claims) + 3.3 หมื่นราย อยู่ที่ 2.58 แสนราย มากที่สุดตั้งแต่ ส.ค.23 สูงกว่าที่ตลาดคาด 2.3 แสนราย และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ 2.3 แสนราย หลักๆมองเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ที่จะเกิดขึ้นในเดือน ต.ค. เพราะผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน ผสานกับการหยุดงานในภาคอุตสาหกรรม (การเพิ่มขึ้นยังไม่น่ากังวล อิง MUFG ทำการศึกษา initial jobless claims ที่เพิ่มขึ้นเกิน 5 หมื่นราย มักเป็นสัญญาณของเศรษกิจถดถอย และจากการศึกษาความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

(*/+)South Asia : World Banks ล่าสุดปรับพิ่ม GDP Growth ปี 2024-2025 คาด 6.4%, 7% จากเดิม 6.0%, 6.6% ผลจากการฟื้นตัวของผลผลิตการเกษตร และการบริโภคของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น KSS ยังคงมุมมอง Neutral คำแนะนำสำหรับตลาดหุ้นอินเดียเป็นการสะสมเมื่อย่อตัว มองกรอบการเข้าซื้อที่บริเวณ 78,000 – 80,000 จุด

(*/+) China Stimulus ธนาคารกลางจีน (PBOC) เผยจะเริ่มรับคำขอจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ในการเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ (swap facility) บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทกองทุน และบริษัทประกันที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถใช้สินทรัพย์ของตนรวมถึงพันธบัตร กองทุน ETF หุ้น และการถือครองหุ้นในดัชนี CSI300 เป็นหลักประกันเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดย จะมีวงเงินเริ่มต้น 5 แสนล้านหยวน เพื่อสนับสนุนตลาดหุ้น มองเป็นจังหวะสะสมหุ้น China Play เป็นบวกต่อหุ้น China Play นำโดย SCC IVL , SCGP ,PTTGC ,HANA ,AOT, CPALL, AU

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 11 ต.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PPI ก.ย. คาด +2.4%y-y vs prev. 2.0%y-y 11 ต.ค. ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่น ม. มิชิแกน ต.ค. คาด 70.0 จุด vs prev. 70.1 จุด

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ แนวโน้มเป็นขาขึ้นอายุ 2 ปี ทรงตัว อยุ่ที่ 3.96% อายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.07% (US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางใดเดียว) ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มประกันชีวิต BLA, TLI กลุ่มธนาคาร KBANK, KTB ส่วน Dollar Index แข็งค่าต่อ 102.6

•(*/+)Oil : ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพลิกขึ้นแรงอีกครั้ง อิง น้ำมันดิบ Brent +3.68%d-d ปิดที่ US$ 79.4/barrel น้ำมันดิบ West Texas +3.56%d-d ปิดที่ US$ 75.85/barrel แรงหนุนระยะสั้นมาจาก Demand การใช้เชื้อเพลิงของสหรัฐฯ ล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นพุ่งก่อนที่พายุเฮอริเคนมิลตันจะพัดถล่มฟลอริดา และ Supply Shortage จากผลกระทบพายุ และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยรวมมองเปนจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

(-) World Container Index (WCI) : WCI ปรับลง 11 สัปดาห์ติดสัปดาห์ล่าสุด -4%w-w อยู่ที่ 3349 เหรียญต่อ 40 ft และปรับลงต่อเกือบทุกเส้นทางเรือ แรงกดดันหลักๆมาจากความตึงเครียดในตะวันออกลางล่าสุดลดลง ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้) ยังแนะนำเพียง ชะลอการลงทุน

 

What happened in Thailand ?

(+) SET : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น +11.55 จุด ปิดที่ 1468.52 จุด จากความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยขาลง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตได้ในภาวะ Goldilocks - Soft Landing กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) ตามจิตวิทยาบวกหุ้นเทคฯต่างประเทศกลับมานำตลาด ขณะที่ DETLA ถือเป็นหุ้นเด่นจากอยู่ในธีม Infrastructure Tech กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC, PTTEP) โรงไฟฟ้าเด่นต่อเนื่อง จากปัจจัยเฉพาะ GULF ที่เดินหน้าควบรวม INTUCH และขับเคลื่อนธีม Infrastructure Tech ส่วน PTTEP จากราคาน้ำมันฟื้นตัวช่วงบ่าย+จิตวิทยาบวกรัฐบาลใหม่ของไทยจะเริ่มการเจรจากับกัมพูชาอีกครั้งเพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง กลุ่มถ่วง คือ ประกัน (TLI, BLA) มองเป็นเพียงแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นมาเร็ว กลุ่ม ร.พ. (BDMS มองเป็นภาพสลับขายหุ้น Defensive สลับกลุ่มลงทุน

(*/+) Flows: กระแสเงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุดไหลออก ซื้อพันธบัตร +11.7 ล้านเหรียญฯ ขายหุ้น -47.8 ล้านเหรียญฯ TFEX Net long 28,263 สัญญา เป็นการ Long ของต่างชาติ 6 วันติด เงินบาทหลังสลับอ่อนค่า ล่าสุดแข็งค่าเล็กน้อยสู่ 33.45 +/- บาท

(+) Vayupak: กระแสเงินกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1) เป็นภาพไหลเข้าต่อเนื่อง บ่งชี้นักลงทุนสถาบันซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องนับจาก 1 ต.ค. ที่เม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ใหม่เริ่มเข้าลงทุนในตลาด เราพบว่า นักลงทุนสถาบันในช่วง 8 วันทำการที่ผ่านมา ซื้อหุ้นไทยมีนัยฯ ที่ 18.8 พันล้านบาท vs ก.ย. และ 9M24 ที่ขายสุทธิ -1.7 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาท ภาพดังกล่าวเริ่มสอดคล้องกับในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2003 Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค. – จุด Peak (12 ม.ค.2004) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด +23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index เส้นเหลือง ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ(นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท , นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) โดยรวมหนุน KSS ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด (PER2024 17.1X EPS24 ที่ 90.0 ) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2024 โต 2.4% และปี 2025 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาดวานนี้ ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2003 -2004 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 ของเราใน 3 ธีมหลัก คือ

1.) Rate Cut Cycle Plays : GULF, GPSC, MTC

2.) New Government Policy Support : CPALL, BJC

3.) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) : BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

(*/+) Bond: กระแส Fund Flow ต่างชาติวันนี้พลิกกลับมาซื้อพันธบัตรไทย(Bond) ต่อเป็นวันที่ 2 อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าขายต่อเนื่อง 9 วัน ซื้อสุทธิ 824 ล้านบาท (ซื้อตัวสั้น +291 ล้านบาท +ซื้อระยะยาว +101 ล้านบาท) เป็นสัญญาณบวก Inflow จะเร่งขึ้น โดยคาดภาพจะเกิดขึ้นในทางเดียวกับตลาดหุ้นไทย คือ มีโอกาสที่ฝรั่งจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในระยะถัดไป โดยรวมหนุนทิศทาง Thai bond Yields ปรับลงต่อ ทั้งอายุสั้น กลาง ยาว อิง อายุ 5 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 2.3% อายุ 10 ปี -1 bps ปิดที่ 2.53% ผสานค่าเงินบาทวันนี้เริ่มชะลอการอ่อนค่า มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Flow ไหลเข้า

กลยุทธ์ ประเมินดัชนีเป้าหมายของ SET Index สิ้นปี 2024 ที่ 1540 จุด กลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้น Top Picks งวด 4Q24 บน Theme Rate Cut Cycle Plays : อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, GPSC กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มหนี้สูง CPALL

(*/+) Overlapping territorial claims area: Bloomberg รายงานว่า รัฐบาลใหม่ของไทยจะเริ่มการเจรจากับกัมพูชาอีกครั้งเพื่อสำรวจแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีมูลค่าอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์ มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นน้ำมัน (PTT, PTTEP)

(*/+) TH Tourism: สทท.ได้นำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในวันนี้ เพื่อนำเสนอของบประมาณสำหรับดำเนินการโครงการ "เที่ยวคนละครึ่ง" กระตุ้นการท่องเที่ยวคึกคัก หนุนการฟื้นตัวช่วงน้ำท่วมให้มีภาพคึกคักก่อนเข้าฤดูกาล ด้วยงบ 5.0 พันล้านบาท หรือเท่ากับ จำนวนห้องพักราว 5 ล้านคืน แม้ยังต้องรอความชัดเจนจากท่าทีรัฐฯ แต่เรามองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศสูง คือ ERW (รายได้จากโรงแรมในไทย 88% ของรายได้รวม) AWC (53%) CENTEL (30%) SHR (18%) MINT (6%) เชิงกลยุทธ์มอง ERW และ AWC น่าสนใจจากโครงสร้างรายได้ที่ได้ประโยชน์มากสุด

(*/+) Tee Yod 2: กระแสนักวิจารณ์หนังธี่หยด 2 ออกมาในทางบวก ทั้งการขึ้นเป็นอันดับ 1 หนังไทยที่มียอดซื้อตั๋วล่วงหน้ามากสูงสุดตลอดกาล และเพียงการฉายครึ่งวันแรกหลังเข้าฉาย 10 ต.ค. ทำรายได้สูงถึง 30 ล้านบาท มองบวกต่อ MAJOR และ BEC แนะนำเก็งกำไร

(*) TH CCI: ม.หอการค้าไทย เผย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ก.ย. ปรับลดลงเหลือ 55.3จุด vs prev. 56.5 จุด แม้เป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน แต่ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริโภคกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว น้ำท่วม ทำให้อิงสถานการณ์ปัจจุบันที่น้ำท่วมเริ่มคลายลง ขณะที่ยังมีผลบวกการสนับสนุนเม็ดเงินบริโภคกลุ่มเปราะบาง และการให้เงินซ่อมแซ่มครัวเรือนรัฐฯ เชื่อว่ามีโอกาส CCI จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น หากหุ้นอิงบริโภคตอบรับทางลบ เชิงกลยุทธ์ เราแนะนำทยอยสะสม เน้นกลุ่มที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นที่มียอดขายสาขาเดิม (SSSG) แข็งแกร่ง CPALL, BJC

(*/-) TH Politic: นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ระยะสั้นเรามองเป็นจิตวิทยาลบเล็กๆ ต่อ SET ที่ตลาดอาจกลับมากังวลเสถียรภาพการเมือง โดยหลังจากนี้ แนะนำติดตามกระบวนการถัดไปว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่ หากรับฟ้อง น้ำหนักในเชิงลบจะเพิ่มขึ้น

(*) To Monitor: : สัปดาห์หน้า ปัจจัยภายใน ติดตาม 1.) 15 ต.ค. กลุ่มธนาคารเริ่มรายงานกำไรงวด 3Q24F คาดธนาคารที่ศึกษารายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 5.22 หมื่นลบ. กำไรเพิ่มขึ้น +3% y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -3% q-q ธนาคารคาดเติบโต y-y และ q-q คือ TTB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y ลดลง q-q คือ BBL, KBANK ,KTB และ SCB สำหรับธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิลดลง y-y เพิ่มขึ้น q-q คือ KKP ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง y-y และ q-q คือ TISCO 2.) 15 ต.ค. ติดตามประชุม ครม. ว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ หลังทยอยแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ 3.) 16 ต.ค. ประชุม กนง. Krungsri Research คาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ เรามองเงินเฟ้อที่ยังต่ำ จน Real Yield เป็นบวกต่อเนื่อง 14 เดือน ผสาน เศรษฐกิจฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป เรามอง BOT มีโอกาสส่งสัญญาณ Dovish ขึ้น

 

Daily Strategy : PTT, CPALL, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "Sideways/Up" รายงานเศรษฐกิจล่าสุดสหรัฐฯยังสนับสนุนความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยขาลง+เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ ขณะที่เอเชียรอติดตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนเพิ่มเติม ภายในรอรายงานกำไรกลุ่มธนาคาร 3Q24 เริ่มสัปดาห์หน้า และการประชุม กนง. คาดมีท่าที Dovish ขึ้น มองหุ้นนำ หุ้นกลุ่มน้ำมัน (น้ำมัน +3.5% ความกังวลตะวันออกกลางที่กลับมา+พายุเข้าสหรัฐ+รัฐเตรียมเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทะเล) กลุ่มดอกเบี้ยขาลงหนุน (ค้าปลีก เช่าซื้อ หนี้สูง High Yield โรงไฟฟ้า) หุ้น China Plays

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์ที่กำลังจะกลับมา
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, LTS, DELTA ADVANC, TRUE, , INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า กลุ่มที่มีหนี้สินต่างประเทศสูง + กลุ่มนำเข้าสินค้า/บริการ/วัตถุดิบ รวมถึงงบลงทุนที่ต้องใช้อุปกรณ์จากต่างประเทศ (GULF, GPSC, BA, COM7, SYNEX, ADVICE, BE8, BBIK, TAN, MOSHI)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STEC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, SCGP, DOHOME, GLOBAL, AOT, AAV)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, MINT, CPALL, CPAXT)

• OCT24 Best Picks: ADVANC, CPALL, MTC, GPSC, BJC, AOT, IVL

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : THB Appreciate

ค่าเงินบาท : เงินบาท/ดอลลาร์ แข็งค่าต่อเนื่องล่าสุด 32.9 บาท (แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปี 8 เดือน -4 บาทจากสิ้น 2Q24 หรือแข็งค่าราว 10%qtd ผลจาก 1.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ-ไทยที่มีแนวโน้มแคบลง 2.)Capital Inflow 3.)เศรษฐกิจภายในมีสัญญาณการฟิ้นตัว หลังการเมืองชัด KSS ประเมินแนวโน้มมีโอกาสแข็งค่าต่อ แนวรับสำคัญทางเทคนิคค่าเงินบาทที่ 32.55/32.186 บาท/ดอลลาร์ แนวต้าน 33.17/ 33.34 บาท

ประเมิน Sensitivity เงินบาทที่แข็งค่าทุกๆ 1 บาท กลุ่มที่มี Upside บวกต่อกำไร มากที่สุดคือ กลุ่มการบิน AAV ทุกๆ 1 บาท Upside 1 พันล้านบาท (54% ของกำไรปี 2024) รองลงมาคือกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM เพิ่มราว 13%, EGCO เพิ่มราว 8%, GULF และ GPSC เพิ่มราว 3-4% ตามลำดับ) กลุ่มเกษตร TVO เพิ่มราว 3% หุ้น Mid /Small Cap ที่เน้นกลุ่มนำเข้าจากต่างประเทศ คือ MOSHI (นำเข้า 55% ของต้นทุน) KCG (50%) TAN (70%), SABINA (56%) โดยรวมทุกบริษัท ทุกๆ 1% ของค่าเงินที่เปลี่ยนมีผลต่อกำไร ตลาดในปี 2024F เพิ่มราว 1-1.5%. ฯลฯ กลุ่มที่กระทบจากเงินบาทแข็งค่าคือ กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วน และ เกษตร มี Downside ราว -2.9%, -1.3% ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน : ทิศทางเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่า ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อ Fund Flow และบวกต่อการลงทุน 4Q24 โดยยังคงเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2024 ที่ระดับ 1,540 จุด แนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ค่าเงินบาทแข็งค่า และได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม Domestic play เน้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC กลุ่มสายการบิน เน้น AAV กลุ่มเกษตรเน้น TVO กลุ่ม Mid Small เน้น MOSHI, TAN ICHI

• Strategy Update : Vayupak Plays

การแถลงข่าวการนำกองทุนวายุภักษ์วานนี้ KSS มองจุดน่าจะหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่อง ได้แก่

1.) เม็ดเงินที่จะระดมทุนรอบนี้ 1.5 แสนล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินใหม่ที่ทยอยลงทุนในตลาดนับจาก 1 ต.ค. 24

2.) กองทุน แม้สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลาย แต่จะเน้นการลงทุนที่หุ้นไทยเป็นหลัก

3.) เม็ดเงินกองทุนที่จะเพิ่มขึ้น คาดจะเห็นการกระจายเม็ดการลงทุน เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Score สูง เน้นหุ้นที่มี SET100 ได้เรทติ้ง ESG A ขึ้นไป, ต่ำกว่า SET100 ได้เรทติ้ง AA ขึ้นไป

4.) ข้อจำกัดของกองทุนบางส่วน อาทิ การลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของ NAV และกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เกิน 30% ของ NAV รวมถึงลงทุนในหุ้นใดหุ้นหนึ่งไม่เกิน 25% ของสิทธิ์ออกเสียง น่าจะทำให้โอกาสการเพิ่มเม็ดเงินใน PTT และ SCB จำกัดขึ้น

5.) กรอบผลตอบแทนวายุภักษ์ 3-9% น่าจะจูงใจเม็ดเงินใหม่ใกล้เป้าหมายระดมทุนที่ 1.5 แสนล้านบาท

เรามองบวกต่อความชัดเจนดังกล่าว มองเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาหนุนตลาดในงวด 4Q24 มีนัยฯ โดยการลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่กระจายมากขึ้นสู่หุ้นที่มี ESG Score สูงๆ จะหนุนมีทั้งฝั่งวายุภักษ์ 1.5 แสนล้านบาท และเม็ดเงินการลงทุนลดหย่อนภาษีกองทุน ThaiESG ซึ่งเกณฑ์มีความจูงใจ (ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ วงเงินสูง 3.0 แสนล้านบาท แยกจากวงเงินลดหย่อนภาษีรูปแบบเดิม) จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยรวมมองเม็ดเงินลงทุนเร่งขึ้นในช่วง 4Q24 สูงถึงราว 1.7-1.8 แสนล้านบาท

ทิศทางดังกล่าวคาดจะหนุน SET เดินหน้าสู่เป้าหมายสิ้นปี 2024 ประเมินที่ 1540 จุด ประเมินจะตอบรับเชิงบวกคล้ายกับในอดีต 1 ธ.ค. 2003 ซึ่งกองทุน Vayupak เริ่มซื้อขาย SET Index ปรับขึ้นรวมราว 146 จุดหรือ +22.9% ในช่วง 30 พ.ย. 2003 - 12 ม.ค.2004 จุด Peak ในรอบนั้น

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำลงทุนหุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์และอยู่ใน ThaiESG ใน 5 กลุ่ม คือ

กลุ่มที่ 1 หุ้นที่คลังถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีเติบโตดี 2024 – 2025 (AOT, KTB, PTT)

กลุ่มที่ 2 หุ้นอยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone การเติบโตดี CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHAใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

 

• ROJNA (Buy, TP9.2): We estimate net profit of Bt1.9b in 3Q24f, +628% yoy and +210% yoy. Excluding extraordinary gain (Bt1.6b), its core profit is Bt332m, -22% yoy and -55% qoq premised on fewer deed transfer and soften power units. That would take 9M24 core profit to Bt1.3b, -10% yoy, or 62% of our FY24F. We look for better profit qoq in 4Q24F and recent land acquisition will secure future land sales and upside to our TP. It would gain from JV TRA's land sales and would also increase the implicit value of the stake.

• SCC (Trading Buy, TP9.2): เรามอง Negative ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ SCC คาดราว 216 ลบ.(-91% y-y, -94% q-q) ลดมากทั้ง y-y q-q ฉุดจากทุกธุรกิจ โดยฝั่งซีเมนต์ demand ได้รับผลกระทบน้ำท่วม และการลงทุนโครงการรัฐชะลอ, ฝั่งปิโตรเคมียังเผชิญ oversupply จากกำลังการผลิตใหม่ ฉุด product spread และฝั่งบรรจุภัณฑ์ demand ในจีนชะลอส่งให้การแข่งขันสูงขึ้นกระทบการส่งออกของ Fajar เรามองธุรกิจหลักอย่างปิโตรเคมียังมีความไม่แน่นอนจาก geopolitical risk สามารถรอดูการฟื้นตัวของ spread หลักอย่าง PE/PP เหนือ 350-400 $/ton ก่อนได้ค่อยเก็งกำไรการฟื้นตัวใน 2025F คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP25F =290.

• SAV (Buy, TP25.75): เรามอง Positive คาดกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 115 ลบ. เติบโตแข็งแกร่ง +27% y-y ตามการฟื้นของเที่ยวบินที่กัมพูชา (+12% y-y +6% q-q) แต่ลดลงเล็กน้อย -1% q-q จากเงินบาทแข็งค่ากดดัน แนวโน้ม 4Q24F กำไรเติบโต y-y สูงต่อเนื่อง และมี Upside จากการได้บริหารจราจรทางอากาศที่ลาว (เที่ยวมบินมากกว่ากัมพูชา 2-3 เท่า) คาดจบในเดือน พ.ย.24 คงคำแนะนำ Buy (TP 25.75 บาท)

• EPG (Buy, TP25.75): Yesterday, we had a conference call with EPG's management and got a confirmation that its outlook for the rest of this year remain strong. AFC business still have a high demand from the factory expansion on electronic manufacturing company. We also have less concern on its loss-making business including TJM and ECL that should gradually improve going forward. We maintain our BUY recommendation at the same TP of Bt5.70.

 

 


4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้