Market Wrap-Up
- SET วันที่ 10 ต.ค.67 ปิด +11.55 จุด อยู่ที่ 1,468.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,401 ลบ.สถาบันซื้อ 3,579 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 2 ลบ.รายย่อยขาย 1,973 ลบ.และต่างชาติขาย 1,604 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 389 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,CPF,CCET,DELTA,ADVANC และยอดขายในหุ้น PTTEP,IVL,CPALL,SPRC,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,861 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TCAP,TPIPL,TISCO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 28,263 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 93,048 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 392 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.14%, S&P500 -0.21%, Nasdaq -0.05% กลุ่มอสังหาฯ -0.89%, บริการสื่อสาร -0.61% หลังข้อมูล US CPI ก.ย. สูงกว่าคาดเล็กน้อย และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับสูงกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.18% กลุ่มผู้ผลิตอาวุธ, อุตสาหกรรม และเทคโนโลยีปรับลดลง -1% หลังอัตราตอบแทนพันธบัตรเยอรมัน 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.25% สูงสุดในรอบ 1 เดือน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลังรายงาน US CPI ก.ย. อยู่ที่ 2.4% & ส.ค. 2.5% แต่สูงกว่าคาดที่ 2.3% YoY และ ก.ย. 0.20% สูงกว่าคาด 0.1% MoM ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 33,000 อยู่ที่ 258,000 สูงกว่าคาด 230,000 ราย ดังนั้นจากเงินเฟ้อสหรัฐที่ทรงตัวและตลาดแรงงานที่ชะลอตัว ส่งผลให้ CME Fed Watch ชี้โอกาส 80% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม 7 พ.ย. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US PPI ก.ย. คาด 6% & ส.ค. 1.7% YoY และการเริ่มรายงานกำไร Q3/67 กลุ่มธนาคารพาณิชย์สหรัฐ ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q3/67 บจ.ใน S&P500 +5% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลัง German Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.25% สูงสุดในรอบ 1 เดือน กอปร US CPI ก.ย. สูงกว่าคาดการณ์ 0.1% นักลงทุนรอผลการประชุม ECB ในวันที่ 17 ต.ค. นี้ โดย LSEG คาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ กอปรกับคณะกรรมการ ECB พอใจกับเงินเฟ้อที่ปรับลดลง และหนุนการทยอยปรับลดดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่ำวันนี้ติดตามข้อมูล GDP อังกฤษ ส.ค. คาด 4% & ก.ค. 1.2% YoY และเงินเฟ้อเยอรมัน ก.ย. คาด 1.8% & ส.ค. 2.0% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.32%, ฮั่งเส็ง +2.98% หลัง ธ.กลางจีนประกาศโครงการ Swap สินทรัพย์วงเงิน 5 แสน ล.หยวนเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กองทุน, บล. และบริษัทประกันในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีน ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.26% ได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนอ่อนค่าช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก ส่วนเช้านี้ ธ.กลางเกาหลีใต้ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 3.25% และวันเสาร์ติดตาม ก.คลังจีนจะแถลง ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
- ดัชนี SET วานนี้ +0.79% ปริมาณการซื้อขาย 5.0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 3,579 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 2 ลบ. รายย่อยขาย 1,973 ลบ. และต่างชาติขาย 1,604 ลบ. ดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินจากสถาบันที่มียอดสุทธิตั้งแต่ 1 – 10 ต.ค. รวม 2.4 หมื่น ลบ. ซึ่งเป็นเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ กอปรกับเม็ดเงินลงทุนหลักเลือกเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม Big Cap. ใน SET 50 เช่น DELTA ที่คาดกำไร Q3/67 อยู่ในแนวโน้มบวก, กลุ่มบริษัท New Co.ของ GULF & INTUCH เตรียมขยายการลงทุนในธุรกิจ Data Center & Cloud ที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจ AI ในอนาคต และหุ้นกลุ่มค้าปลีก & ท่องเที่ยวที่ได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ กอปรกับเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ส่วนปัจจัยเสี่ยงยังต้องระวัง คือ ภาวะสงครามในตะวันออกกลาง โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มเข้าสู่ช่วงการรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่ง BB.Consensus คาด +2.4%, -3.5% QoQ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,455 – 1,460 โดยมีแนวต้านที่ 1,470 – 1,475 ได้แรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ และอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/67 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์หน้า แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,HMPRO,COM7,SYNEX ได้ประโยชน์จาก ม.แจกเงิน/ กลุ่มไอซีท๊ ADVANC,TRUE,INSET ได้ประโยชน์จากเทรนด์ Ai / นิคมฯ ROJNA,PIN ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการลงทุนของจีน / เก็งกำไร SCC,SCGP,PTTGC,IVL คาดรัฐบาลจีนจะแถลง ม.ด้านการคลังวงเงิน 2 – 4 ลล.หยวนในวันเสาร์นี้
- MTC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 53.25 บาท) บริษัทวางเป้าปี 67 สินเชื่อเติบโต 15-20% Credit cost น้อยกว่า 5% ขณะที่ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ต่ำกว่า 3% มองภาพรวมการขยายสินเชื่อและการติดตามหนี้จะทำได้ดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มหนี้เสียผ่านจุดสูงสุดแล้วทำให้ระดับการตั้งสำรองลดลง และกำลังกลับเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ โดยวางกลยุทธ์เน้นเติบโตแบบยั่งยืนผ่านสินเชื่อที่มีหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) ทั้งนี้หากอิง Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 5.8 พันล้านบาท +19%YoY และ 6.9 พันล้านบาท +20%YoY
- AMATA (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ AMATA เอง วางเป้าขายที่ดินปีนี้ 2,000 ไร่ +10%YoY(1H67 ขายแล้ว 1,060 ไร่) ขณะที่ในส่วนของยอดโอน คาด 2H67 ทะยอยดีกว่า 1H67 โดย AMATA มี backlog ณ สิ้น มิ.ย.67 แข็งแกร่งที่ 16,929 ลบ.(คาดจะสามารถทะยอยโอนได้ในปีนี้ราว 50%) ทั้ง ปัจจุบัน ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ AMATA ปี67 ที่ระดับ 2,232 ลบ.(+18%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ย. +$2.61 อยู่ที่ $75.85 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$2.82 อยู่ที่ $79.40/บาร์เรล ได้แรงหนุนหลังพายุเฮอริเคนมิลตันเข้าสู่รัฐฟลอริดา ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันทางฝั่งสหรัฐ กอปรสถานการณ์ความไม่แน่นอนระหว่างอิสราเอล & อิหร่าน
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$13.30 อยู่ที่ $2,639.30 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุม พ.ย. นี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐ ก.ย. ทรงตัว ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัวลง
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -111.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -47.79 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -62.41 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -1.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.066%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -9 จุด อยู่ที่ 1,790
(-) BitCoinเช้านี้ -0.40% อยู่ที่ 60,193 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
07 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย แถลง "สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567"
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
09 ต.ค. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
10 ต.ค. US รายงานการประชุมของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI (ก.ย.)
11 ต.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th