Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

KTBคุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคงเป็นกุญแจสำคัญ

532

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 สิงหาคม 2567)------บทวิเคราะห์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS)

KTB – คุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคงเป็นกุญแจสำคัญ

ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาด KTB ยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรใน 2Q24 ได้เป็นอย่างดี เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 11.2 พันล้านบาท ซึ่งออกมาดีกว่าที่ KKPS (+10%) และตลาดคาด (+5%) จากต้นทุนเครดิตที่ต่ำและกำไรจากเงินลงทุนที่ดีกว่าคาด KKPS จึงปรับประมาณการกำไรสำหรับปี 2024 และ 2025 ขึ้น 15% และ 13% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยดังกล่าวนอกจากนี้ KKPS ยังเพิ่มประมาณการกำไรสำหรับปี 2026 ขึ้น 5% เนื่องจากคาดผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอขายที่ลดลง ในด้านคุณภาพสินทรัพย์ (ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของกลุ่มธนาคาร) KKPS มองว่า KTB เป็นธนาคารที่มีความปลอดภัยด้านคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าธนาคารอื่นๆ จากการปล่อยสินเชื่อแก่รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ (ราวๆ 16% ของสินเชื่อทั้งหมด) อีกทั้งอัตราการเกิด NPL ใหม่ของ KTB ก็ยังทรงตัวกว่าธนาคารอื่น ๆ แม้ว่าจะมีกลยุทธ์ในการขยายเข้าสู่สินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงก็ตาม

นอกจากนี้ KKPS ยังคาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลของ KTB จะเพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2023 เป็น 38% ในปี 2024-2026 (กลับสู่ระดับที่จ่ายโดยธนาคารในช่วงปี 2014-2017) ซึ่งเป็นผลจากอัตราส่วน CET-1 ที่ดีขึ้นและการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล 5% ในปีที่ผ่านมา อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าตามบัญชีของ KTB ที่ 0.6x PBV อยู่ในระดับพรีเมียมเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลใกล้เคียงกันจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่า

ตลาดเริ่มมีความกังวลต่อกลุ่มธนาคารมากขึ้นหลังธนาคารประกาศงบใน2Q24 และมุมมองเชิงลบของผู้บริหารหลายๆธนาคารที่มีต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านคุณภาพสินทรัพย์ ดังนั้นเชื่อว่าธนาคารที่มีคุณภาพสินทรัพย์ และบริหารจัดเงินทุนที่ดีจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าธนาคารอื่นๆ และจุดแข็งของ KTB ในด้านคุณภาพสินทรัพย์จะเป็นจุดสนใจหลักของนักลงทุน และเชื่อว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการถือครอง KKPS คาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2024 ที่ 42,100 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่ 40,000 ล้านบาทของตลาด ราวๆ 5% จากประสิทธิภาพต้นทุนที่ดีขึ้นและผลขาดทุนจากการด้อยค่าของทรัพย์สินรอขายที่ลดลง อีกทั้งเห็นโอกาสของตลาดที่จะปรับประมาณการในปีนี้ขึ้น


Sensitivity analysis: การลดลงของต้นทุนเครดิตทุกๆ 15bps จะส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้น 1.30 บาทต่อหุ้น (จาก 18.50 บาทเป็น 19.80 บาท)

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้