Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

668


ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ
อัปเดตผลการประชุมนโยบายทางการเงินของสหรัฐ
ผลการประชุม FOMC ในคืนที่ผ่านมามีไฮไลต์อยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ (1) เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5.25%-5.5% ตามที่ตลาดคาด (2) Dot Plot ชี้ว่าเฟดได้ลดคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยลงเหลือ 1 ครั้งในปีนี้ และเลื่อนมุมมองการลดดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปเป็นเดือน ธ.ค. (3) การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในอนาคต

สำหรับประเด็นสำคัญอื่นๆจากการแถลงข่าวของประธานเฟดมีดังต่อไปนี้
(1) แม้เงินเฟ้อล่าสุดจะผ่อนคลายลง แต่เฟดยังกังวลว่าอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับไปสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการปรับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวขึ้นจาก 2.6% เป็น 2.8% (2) เฟดจะไม่ตัดสินใจล่วงหน้าจนกว่าจะถึงการประชุมครั้งถัดไป กล่าวคือ มติดอกเบี้ยของเฟดจะพิจารณาเป็นครั้งๆ ขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญ โดยจะพิจารณาจากตัวเลขหลายๆด้าน ไม่ได้จำกัดแต่เพียงเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว เช่น จะพิจารณาตัวเลขของภาคแรงงานและการบาลานซ์ความเสี่ยงด้านอื่นๆด้วย (3) การปรับ long run rate ขึ้น 20 bps จะไม่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยในระยะสั้น (4) เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังเติบโตเหนือเทรนด์ที่อัตรา 2.1% ในปีนี้
มุมมองของเราต่อผลการประชุมเฟด
1 เราปรับมุมมองการการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดจากโอกาส 50:50 ที่จะลดในเดือน ก.ค. หรือ ก.ย. เป็นเริ่มลดในเดือน ก.ย. และคงประมาณการการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
2 เราไม่ได้กังวลเรื่อง Dot Plot ล่าสุดที่ชี้ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2024 เพราะสถิติที่ผ่านมาชี้ว่า ในช่วงก่อน Fed Pivot การคาดการณ์นโยบายดอกเบี้ยและเศรษฐกิจมักจะไม่นิ่ง และมักเกิดภาพ overoptimistic หรือ overpessimistic ส่งผลให้มักมีการปรับประมาณการในภายหลัง ดังเช่นในช่วงปลายปี 2021 - ต้นปี 2022 เป็นต้น
3 เงินเฟ้อ CPI เดือน พ.ค. ที่ประกาศล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาดทั้ง headline และ core ซึ่งชะลอตัวลงเหลือ 0% และ 0.2% MoM ตามลำดับ จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่าตลาดและเฟดอาจประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะสั้นสูงเกินไป
4 นอกจากนี้เรายังเห็นสัญญาณเชิงลบของการบริโภคอีกด้วย จากการที่ (1) หลายบริษัทได้เริ่ม guidance ถึงทิศทาง consumer spending ที่ชะลอตัวลง (2) ตัวเลขค้าปลีก (ไม่รวมแก๊สโซลีนและรถยนต์) เดือน เม.ย. ออกมาติดลบ 0.1% MoM และ (3) หนี้เสียบัตรเครดิตที่ปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ pre-Covid ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นเหตุให้เฟดอาจต้องปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของปีนี้และปีหน้าลงในการประชุมรอบเดือน ก.ย.

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET Sideways ไม่มีแรงส่ง หุ้นบวกกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิค (DELTA กลับมาแล้ว) KCE HANA CCET และกลุ่มมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว BEM PTTEP และกลุ่มรีบาวน์ TRUE INTUCH ส่วนหุ้นลงแรง เดินเรือ ปิโตรเคมี การเงิน เป็นต้น นอกจากนี้ ก็ยังสังเกตุเห็นว่าหุ้นมีแรงเด้งแรงสลับตัวในกลุ่มกลาง-เล็ก วานนี้เช่น YGG NCL TAKUNI DOD GLAND

แนวโน้มตลาดวันนี้
HODL ต่อ SET เริ่มยืนได้แล้ว
หลังจากที่ดัชนี SET เลือกทาง! ในสัปดาห์นี้ คือหลุด 1,320 จุด (กรณี 2) และยังคงมีแรงขายต่อไปอีกสักระยะ แต่ไปกระจุกตัวในหุ้นรายตัว เช่น กลุ่มเรือ ปิโตรฯ ที่เมื่อวานลงแรง “ดูชื่อหุ้นตามที่เราสรุป” และเราคงคาด แรงซื้อคืนจะเริ่มเห็นบริเวณ โซน 1,300 จุด หรือต่ำกว่าเล็กน้อย และเมื่อแรงขายเริ่มนิ่งคาด จะผลักดันภาพรวมตลาดให้กลับมาค่อยๆไต่ระดับ จากการเล่นโซนล่างขึ้นมาอีกครึ้ง
ทั้งนี้ปัจจัยที่ตลาดรอความชัดเจนอยู่ในช่วงนี้ หนีไม่พ้น 3 ปัจจัยหลักที่เราได้ Head up ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเมื่อวาน 12 มิ.ย. ตามไทม์ไลน์ที่เราระบุ ศาล รธน.เรียก คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลภายในวันที่ 17 มิ.ย 67 และ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.2567
ตามที่เราระบุในรายงาน คือต้องใช้เวลาพิจารณาไม่น้อยกว่า 15 วัน, คาด 28 มิ.ย.ศาลนัดวินิจฉัยได้เร็วสุด และความชัดเจนการเมืองภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะช่วย ปลดล็อกการเล่นหุ้นไทย แต่ตอนนี้คงต้องรอ และเลือกหุ้นเล่นรายตัวไปก่อน
กลยุทธ์คงให้น้ำหนักไปกับปัจจัย
1) หุ้นรายตัว และปัจจัยความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ ที่ต้องอาศัย “Action” จากหน่วยงานที่กำกับดูแลการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็น มาตรการกำกับความเสี่ยงของ บจ.รายตัว, การเดินสายโรดโชว์โดยตรงให้กับ นลท.ต่างประเทศ, ออกกองทุนพยุงหุ้นฯ
2) ทิศทางกำไรสุทธิ บจ.ไตรมาสถัดๆไป
3) เสถียรภาพของรัฐบาล จากกระแสข่าวที่ตีประเด็นการเมืองให้กลับมาร้อนแรงสร้างความกังวลให้กับตลาดในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์ แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว เริ่มโฟกัสไปข้างหน้าหลังเห็นงบทั้งหมดในสัปดาห์นี้ เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้ เช่น ฤดูกาลท่องเที่ยวของฝั่งตะวันตก (โอลิมปิกฝรั่งเศส, บอลยูโร เยอรมัน)

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีปิดบวกนิดๆ แท่งเขียวรูปกากบาท Doji บ่งชี้เริ่มมีแรงต่อสู้ แรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง นอกจากนี้โมเมนต้ม RSI < 30 ลงสู่ระดับ oversold (เต็มตัว) อาจส่งผลให้ระยะสั้นมีโอกาสรีบาวด์จากการลงลึก อย่างไรก็ตามแนวรับระยะกลางยังคงมองที่ตำแหน่ง Fibonacci retracement 23.6% ที่ 1,280 จุด...หรือบริเวณช่องว่างที่เคยเปิดไว้เมื่อปี covid 2020 (close gap) ส่วนหุ้นแนะนำที่เลือกมาวิเคราะห์วันนี้ได้แก่ RCL & KCE (รายละเอียดอยู่ในหน้าถัดไป) หุ้นกราฟสวย ได้แก่ BH , DELTA, MASTER


What to watch
กางไทม์ไลน์การเมืองในประเทศ: อัยการนัดส่งฟ้อง ม.112 คุณทักษิณ 18 มิ.ย.นี้, ศาล รธน.นัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล 12 มิ.ย.
ไทม์ไลน์คดี ถอดถอน นายกเศรษฐา: 12 มิ.ย.ศาลฯ มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 17 มิ.ย 67 และ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันอังคารที่ 18 มิ.ย.2567(ใช้เวลาพิจารณาไม่น้อยกว่า 15 วัน, คาด 28 มิ.ย.ศาลนัดวินิจฉัยได้เร็วสุด) ความชัดเจนการเมืองภายในเดือน มิ.ย.นี้ จะช่วยปลดล็อกการเล่นหุ้นไทย แต่ตอนนี้คงต้องรอ และเลือกหุ้นเล่นรายตัวไปก่อน
กนง.มติเอกฉันท์ 6 ต่อ 1 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5% และคาดการณ์ GDP ไทย ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 1 ประเมินไตรมาส 2 ขยายตัว 2% ไตรมาส 3 ขยายตัว 3% และ ไตรมาสสุดจะขยายตัวใกล้ 4% ส่งผลทั้งปีขยายตัว 2.6% และปีหน้า 3%
“ระยะสั้น หุ้นแบงก์ ที่เราแนะนำคือ KTB คาดว่าจะบวกรับทิศทางการคงดอกเบี้ยนโยบายมากกว่ากลุ่ม จากงานภาครัฐที่มีแนวโน้มฟื้นตัว”
ผลประชุมเฟด เมื่อวานคงดอกเบี้ยฯ 5.25-5.5% ตามคาด แต่ Dot plot ปรับคาดการณ์ดอกเบี้ยปีนี้จากเดิมประเมินลด 3 ครั้ง เหลือ ลดแค่ ครั้งเดียว ส่วนผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ (Fed watch tool) ให้น้ำหนักการลดดอกเบี้ยฯ จะเกิดในเดือน กย. และ ธค. รวม 2 ครั้ง หลังเห็นเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI ยืนระยะที่ 3.3% น้อยกว่าคาดที่ 3.4%
คาดหุ้นเข้า SET50 BJC TIDLOR BCP ITC หุ้นออก SAWAD COM7 KCE BANPU

หุ้นแนะนำวันนี้
CRC คาดบวกรับเทศกาลบอลยูโร และ มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง (S30.5 R32 SL30)

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Utilities Sector
เปิดเนื้อหารับฟังความเห็น PDP เป็นอย่างไรบ้าง
จากการเปิดเนื้อหาการรับฟังความเห็นแผน PDP 2024 ถือว่าออกมาไม่ตื่นเต้นเท่ากับที่เราเคยคาดหวังไว้สูง เพราะจะไม่มี IPP ใหม่ที่เปิดให้เอกชนเข้าประมูลในเร็วๆ นี้ และกลุ่มพลังงานหมุนเวียนก็เพิ่มช้ากว่าที่เราหวัง และยังมีด้านลบกดดันอัตรากำไรกลุ่ม SPP จากที่เราที่ประเมิน โดยสรุปได้เป็นประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มมาจากแผนเดิม ประเด็นนี้ดีต่อกลุ่มโซล่าเซลล์ในนิคม อย่าง WHAUP แต่ต้นทุนก๊าซที่เพิ่มไวกว่าค่าไฟ ทำให้มาร์จิ้น SPP ที่ลูกค้าเอกชนเยอะๆ อย่าง BGRIM GPSC อาจหดตัว
2) โรงไฟฟ้าก๊าซใหม่ในปี 2028-30 ถูกวางแผนให้ EGAT เป็นผู้พัฒนา ซึ่งผิดจากที่เคยมองว่าจะมีการประกวดราคา ให้ IPP มีโอกาสสู้ เราเลยปรับมุมมอง IPP จากบวกมาเป็นโทนกลางๆ กว่าจะเห็น IPP ใหม่อีกที คงต้องรอปี 2033 แบบนี้อาจมี Sentiment ลบต่อ RATCH ที่โรงไฟฟ้าเดิมจะทยอยหมดอายุสัญญาช่วงปี 2025-33 ราว 5.1GW
3) โอกาสของกลุ่มพลังงานทดแทนมาช้ากว่าที่คาด เพราะแม้ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตของพลังงานทดแทนสูงถึง 35GW แต่ส่วนใหญ่ 31GW ไปอยู่หลังปี 2030 ทำให้ช่วงเร็วๆ นี้จะมีเพียง Solar farm ราว 800MW และชีวมวลอีก 249MW ที่เอกชนน่าจะเข้าประมูลได้ ที่เหลือกลุ่มพลังงานน้ำ และ Solar ลอยน้ำ คาดว่า EGAT จะเป็นผู้ดำเนินการเอง (ตามลักษณะของโครงการ)
อย่างไรก็ตาม WHAUP จะเป็นผู้เล่นที่สามารถขยายกำลังการผลิตเอง โดยไม่ต้องพึ่งพา PDP จากการขยายของนิคมฯ WHA และการปรับเพิ่มคาดการณ์ค่าไฟฟ้าตาม PDP ที่ปรับขึ้นอาจจะหนุนให้ผู้ประกอบการในนิคมฯ หันมาติดตั้งแผง Solar กันมากขึ้นด้วย
Fundamental View: ดังนั้น เราชอบ WHAUP มากที่สุด และเราปรับลดคำแนะนำ BGRIM และ GPSC ลงจาก ซื้อเก็งกำไร เป็น ถือ

Bank
Sector
สารฯ สำคัญจากงาน Virtual Banking
สรุปภาพรวมงาน BLS Digital Lending Day ผู้บริหารของธนาคารออมสิน, บสย., BBL, KTB และ TTB ประเมินว่าขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบของไทยใหญ่มาก ทำให้ SME และลูกค้ารายย่อยจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ ถือเป็นโอกาสของ Virtual bank ที่จะเข้าไปหาลูกค้าในกลุ่มนี้ได้
ทั้งนี้ Virtual bank ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศส่วนใหญ่มีฐานลูกค้าเยอะและมีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ จะต้องมีเทคโนโลยีที่มั่นคง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าในการปล่อยสินเชื่อและการจัดเก็บเงินด้วย


EPG
(Visit Note)
อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป
แนวโน้มกำไรปี 2024/25 เติบโตต่อเนื่อง
EPG รายงานกำไรสุทธิ 4Q23/24 (ม.ค. - มี.ค. 2024) ที่ 154 ล้านบาท ลดลง 39% YoY และ 48% QoQ กดดันโดยอัตรากำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่าย
แต่มองไปในปี 2024/25 กำไรมีแนวโน้มเติบโต YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายที่สูงขึ้นของทุกธุรกิจทั้งธุรกิจฉนวนกันความร้อน (AEROFLEX), ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ (AEROKLAS), และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (EPP), อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง, และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ 8-10% YoY และตั้งเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น (GM) ที่ 30-33%
Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไร EPG เติบโต 22% ในปี 2024/25 ปัจจุบัน EPG ซื้อขายที่ PE ปี 2024/25 ที่ 12.3 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่ที่ 23.6 เท่า)

สรุปประเด็นจาก Quick take

Global Macro Update
World Bank ปรับขึ้น GDP โลก!
ธนาคารโลกปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจของโลกปี 2567 เป็น 2.6% สูงขึ้นเล็กน้อยจากประมาณการก่อนหน้าที่ 2.4% (หนุนจากเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐ) อย่างไรก็ตามคาดว่าการเติบโตจะยังคงต่ำกว่าระดับก่อนยุคโควิดจนถึงปี 2569 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง แรงกดดันเงินเฟ้อ ที่ยังคงมีอยู่ และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเศรษฐกิจประเทศที่ยังไม่พัฒนาน่าจะมีความ ท้าทายมากขึ้น จากหนี้ที่สูงและโอกาสทางการค้า

BEM & CK
ทางด่วนและ
รถไฟฟ้ากรุงเทพ และ ช.การช่าง
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคดีรถไฟฟ้าสายสีส้ม
View From Fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น BEM และ CK เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อ BEM (ราคาเป้าหมาย 12.40 บาท) และ CK (ราคาเป้าหมาย 26 บาท)


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER สานต่อโครงการ “NER ยิ้มสวย สุขภาพฟันดีกับทันตกรรมเคลื่อนที่” ปี 2 ร่วมดูแลสุขภาพช่องปากพนักงานกว่า 1,000 คน

ในยุคที่การดูแลสุขภาพกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ทั้งการออกกำลังกายหรือการทานอาหารที่ดี แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือ

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหลายตลาด หมดแรง อ่อนตัวลง แต่หุ้นไทย วูบไป 1.44% ในเช้าวันนี้ ด้วยใช้ข่าวดี .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้