สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤษภาคม 2567)-------บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) RJH เปิดเผยยว่า งบรวมการเงินรวม ไตรมาสแรกปีนี้รายได้รวมจากกิจการโรงพยาบาล อยู่ที่ 632.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญจากไตรมาส เดียวกันของปีที่แล้ว 13% แต่เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อัตราส่วนรายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไป ต่อ รายได้จากประกันสังคมอยู่ที่ 53:47

รายได้จากการรักษาพยาบาลทั่วไป 336.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่กลับลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้จากผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยรายได้ผู้ป่วย นอกอยู่ที่ 171.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จํานวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 9% สู่ระดับ 80,900 ราย ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อรายประมาณ 2,100 บาทต่อราย เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้ผู้ป่วยนอกกลับลดลง 6% แม้ว่าจํานวน ผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้ต่อรายลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

รายได้ผู้ป่วยในอยู่ที่ 162.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียงกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากทั้งจํานวนวันนอน และรายได้ต่อวันนอนที่เพิ่มขึ้น ในไตรมาสนี้ จํานวนวันนอนประมาณ 8,400 วัน เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ส่วนรายได้ต่อวันนอน 19,400 บาทต่อวัน เพิ่มขึ้นเพียง 2% ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จํานวนวันนอนลดลงถึง 13% อย่างไรก็ตาม รายได้ต่อ วันนอนที่เพิ่มขึ้น 12% ช่วยให้รายได้ผู้ป่วยในในไตรมาสนี้ลดลงเพียง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สําหรับผู้ป่วยในมีอัตรา การครองเตียงอยู่ที่ 55% เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน และลดลงเกือบ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ผู้ป่วยทั้งสิทธิทั่วไปและ สิทธิประกันสังคมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ส่วนรายได้ประกันสังคมมีจํานวน 295.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นเป็นผลจากจํานวนเคสซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้การรักษาโรคซับซ้อน (Adjusted RW) และเวชภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของอัตราเหมาจ่ายรายหัว และอัตราสําหรับ 5 หัตถการ ยังส่งผลให้รายได้ ประกันสังคมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกันตนของทั้งกลุ่มเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 212,400 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปีก่อน และไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ โรงพยาบาลรังสีรักษาได้เริ่มให้บริการตั้งแต่เดือน มค. 2567 และมีรายได้รวม 2.25 ล้านบาท ปัจจุบันโรงพยาบาลอยู่ สามารถรักษาได้แต่เฉพาะคนไข้ที่ refer มาจากโรงพยาบาลอื่นซึ่งส่วนใหญ่คือ คนไข้สิทธิประกันสังคมของกลุ่ม RJH สัญญากับ สปสช ได้รับการลงนาม ทางโรงพยาบาลก็จะสามารถรับคนไข้ภายใต้สิทธิ สปสช.

รายได้อื่น

กลุ่มบริษัทมีรายได้อื่นที่ไม่ได้มาจากกิจการโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 7.03 ล้านบาท ลดลงถึง 32% จากจากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน และลดลง 17% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการลดลของรายได้จากเงินปันผล
ต้นทุนในการประกอบกิจการโรงพยาบาล

ในส่วนของต้นทุนการประกอบกิจการโรงพยาบาลนั้น ในไตรมาสนี้ทางกลุ่มบริษัทมีต้นทุนอยู่ที่ 427.87 ล้านบาท มีอัตรากําไร ขั้นต้น 32.3% ของรายได้ ซึ่งอัตรากําไรขั้นต้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตร มาสเดียวกันของปีก่อน อัตรากําไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจากอัตราจ่ายประกันสังที่เพิ่มขึ้นดังได้กล่าวมาแล้ว

ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ค่าใช้จ่ายบริหารในไตรมาสนี้อยู่ที่ 55.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่กลับลดลง อย่างมากถึง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเนื่องจากค่าใช้จ่ายพนักงานโดยเฉพาะโบนัส ขณะที่การ ลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากการตั้งสํารองหนี้สงสัยจะสูญที่ลดลงจาก 13.24 ล้านบาท เหลือ 2.89 ล้านบาท กําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา
ในส่วนกําไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (“EBITDA” ไม่รวมรายได้อื่น) เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ ไตรมาสก่อน โดยมีอัตรากําไรประมาณ 29.3% ซึ่งใกล้เคียงกับอัตรากําไรในปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตรานี้ ปรับตัวดีขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ที่เติบโตดี และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการบริหาร

ต้นทุนทางการเงิน

ต้นทุนทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 6.88 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีก่อน เพิ่มเป็น 11.26 ล้านบาทในไตร มาสก่อน และ 12.03 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เนื่องจากจํานวนเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นเพื่อลงทุนโครงการใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลราช ธานีหนองแค โรงพยาบาลรังสีรักษา ตลอดจนที่ดินสําหรับโรงพยาบาลบ่อวิน และโรงพยาบาลราชธานี ร่มเกล้า

กําไรสุทธิ

กําไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 114.27 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ 17.9% โดยจํานวนกําไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกันทั้งปีก่อน และไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม อัตรากําไรสุทธิลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายบริหารและค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น