HotNews: IND ยอดจอง IPO ล้น พร้อมเทรด 22 ธ.ค. นี้ / VGI ธุรกิจเริ่มฟื้นตัว มั่นใจทั้งปีมีกำไรแน่

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (18 ธันวาคม 2563)-------IND ปลื้มยอดจอง IPO ทะลักตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ ระดมทุนกว่า 82 ล้านบาท มั่นใจปัจจัยพื้นฐาน พร้อมลงทุนระบบคอมพิวเตอร์ฯ เพิ่มประสิทธิภาพ เตรียมเทรด mai 22 ธ.ค. นี้

 

 

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ IND จำนวน 90 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท ระหว่างวันที่ 14-16 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากได้รับความสนใจและการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี โดยมีจำนวนผู้จองซื้อหุ้นถึงกว่า 5,600 ราย ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายเพียง 90 ล้านหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ประกอบกับราคาดังกล่าวถือเป็นราคาที่เหมาะสม

 

 

ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อเป็นลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการให้บริการประมาณ 35 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนอีก 47.70 ล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่าจะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ ในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 นี้

 

 

ดร.ชัยณรงค์ ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND กล่าวว่า หลังจากการเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ของ IND ในช่วงที่ผ่านมานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากยอดจองซื้อที่เข้ามา ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความแข็งแกร่ง และความเชี่ยวชาญประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 37 ปี สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

 

“หลังจากนี้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน และเตรียมที่จะดำเนินการตามแผนงานต่างๆ ที่วางไว้ในอนาคต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ ให้มีความน่าเชื่อถือ โปร่งใส และความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องในอนาคต”

 

ด้าน VGI ส่งซิกผลงาน H2/63/64 (ต.ค.63-มี.ค.64) ดีกว่า H1/63/64 (เม.ย.63-ก.ย.63) หลังธุรกิจเริ่มฟื้นตัวพร้อม มั่นใจงวดปี63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) มีกำไรแน่ หลังQ2 พลิกกำไรแล้ว ขณะที่วางงบลงทุนปี 64/65(เม.ย.64-มี.ค.65) 700-1,000 ลบ.ขยายธุรกิจต่อเนื่อง มั่นใจกระแสหุ้น IPO เคอรี่ดี หนุนภาพรวมบริษัทพร้อมยืนยันไม่ขายหุ้นแน่นอน

 

 

 

นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังงวดปี 2563/2564 (ต.ค.63-มี.ค.64) จะดีกว่าครึ่งปีแรก (เม.ย.63-ก.ย.63) เนื่องจาก ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจสื่อโฆษณาหลังสถานการณ์โควิด-19เริ่มคลี่คลายทำให้ยอดขายของบริษัทฯเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home หรือ OOH) และบนรถไฟฟ้าบีทีเอสปัจจุบันมีการกลับมาใช้งานแล้วประมาณ 80-90% และยังมีสัญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า

 

ขณะเดียวกันบริษัทฯมั่นใจว่าทั้งปีนี้สามารถสร้างกำไรสุทธิได้โดยไตรมาส 2/2563/2564 บริษัทฯสามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 12 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ลดต้นทุน โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าลดต้นทุนให้ได้ 100 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถลดต้นทุนไปแล้ว 50 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีธุรกิจ Offline to Online (O2O) เข้ามาช่วยสนับสนุนด้วยเช่นกัน

 

ขณะที่บริษัทฯยอมว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในปีนี้จะยังติดลบดับเบิ้ลดิจิต จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรวมถึงความตึงเครียดทางการเมืองซึ่งยัคงเป็นปัจจัยกดดันอยู่ในขณะนี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความใช้เงินอย่างระมัดระวังในการลงโฆษณาต่างๆ

 

"ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาปัจจุบันอยู่ที่ 76,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10ปีที่อุตสาหกรรมสื่อโฆษณามีการใช้งบลงทุนน้อยขนาดนี้ เป็นผลจากโควิดกระทบต่อ GDP ซึ่งแบงก์ชาติยังประเมินว่าไทยจะติดลบ 7.8% ในปีนี้ถือว่ารุนแรงมาก อีกทั้งเรายังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติและตอนนี้ยังไม่มีการเปิดประเทศให้เข้ามา ด้านโฆษณาออนไลน์ปีนี้คาดว่าจะทรงตัวจากปีก่อนจากเดิมที่ประเมินว่าจะเติบโตปีละ 30% ซึ่งผู้ใช้อินเตอร์เน็ตตอนนี้ก้มีการระมัดระวังการใช้เงินด้วย ส่วนอนาล็อกโฮมมีเดียปีนี้คาดว่าติดลบ10% จากเดิมคาดโต 10%ต่อปี หลังโควิดทำให้มีคนมาใช้รถไฟฟ้าน้อย รวมถึงอาคารออฟฟิสต่างๆก็มีการ WFH มากขึ้น" นางจิตเกษม กล่าว

 

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีหลังของงวดปี 2563/2564 มีแผนใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 277 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบดิจิทัลต่างๆ ส่วนงวดปี 2564/2565 บริษัทฯได้วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 700-1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายโปรดักส์ใหม่ในรถไฟฟ้าบีทีเอสเส้นทางใหม่ที่บริษัทฯได้รับมา ได้แก่ สายสีเหลือง-ชมพู เป็นต้น โดยงบลงทุนต่างๆจะเป็นเป็น สำหรับ VGI จำนวน 300 ล้านบาท Rabbit จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุนสำหรับ MACO

 

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังเดินหน้าเข้าซื้อกิจการ(M&A)อย่างต่อเนื่อง โดยสนใจในบริษัทฯเกี่ยวกับเทคคโนโลยีด้านออนไลน์ เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านออนไลน์ให้แก่บริษัทฯมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯมีการใช้งบลงทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการกว่า 10,000 ล้านบาท

 

ประเด็นที่บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) มองว่าเป็นผลดีซึ่งจะช่วยหนุนภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯได้ ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นใน KEX ประมาณ 23% แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็ไม่มีนโยบายขายหุ้นเคอรี่ออกแต่อย่างใด