สำนักข่าวหุ้นอินไซต์ (2 เมษายน 2563) ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีหลายบริษัทได้รับผลกระทบจนแทบทรุด แต่ในทางกลับกันมีบางบริษัทได้รับอานิสงค์จากวิกฤตดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงสินค้าป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งงานนี้เรียกได้ว่ารับทรัพย์เข้ากระเป๋าแบบเต็มเปา อย่าง TM ยอดขายดีจนสินค้าไม่พอจำหน่าย ส่วน IP ก็แพ้กันยอดขายสุดปังจนแทบฉุดไม่อยู่

 

 

**TM ปี 63 รายได้แตะ 650-700 ลบ. รับอานิสงค์โควิด-19 หนุน จนสินค้าไม่พอขาย**

 

 

นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2563 แตะที่ระดับ 650-700 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนที่ทำได้ 696.85 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯได้รับปัจจัยบวกจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้สินค้าในสต็อคขายหมดทุกรายการ ซึ่งบริษัทฯยอมรับว่าขณะนี้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค อย่างไรก็ตามบริษัทฯพยายามที่จะรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วยการส่งสินค้าให้ได้มากที่สุด

 

 

สำหรับกลยุทธ์ในการปรับตัวนั้นบริษัทฯจะเพิ่มสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อมากขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทฯยอมรับว่าการขนส่งวัตถุดิบยังคงได้รับผลกระทบหลังการขนส่งทางอากาศ ขนส่งทางเรือ ของหลายบริษัทมีการเดินเส้นทางไม่เป็นไปตามปกติส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

 

ขณะที่การออกสินค้าใหม่ในช่วงนี้บริษัทฯยังคงชะลอออกไปก่อน แต่จะเน้นจำหน่ายสินค้าเดิมที่มีอยู่ พร้อมมีแผนเร่งการนำเสื้อกาวน์ PPE เข้ามามากขึ้น หลังปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ลดขั้นตอนการขออนุญาตินำเข้าสินค้าเหล่านี้ ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯสามมารถนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายได้ง่ายขึ้น

 

 

นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทฯได้ขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงและกว้างขวางมากขึ้น ในต้นปี 2563 บริษัทได้เปิดร้านค้า TM Care ซึ่งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์อันดับต้น ๆ ของประเทศที่ได้รับความนิยม เช่น LAZADA รวมทั้งจำหน่ายผ่านช่องทาง Facebook Page, Line@ และบนเว็บไซต์ www.tmcare-shop.com ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย เช่น เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ แผ่นเช็ดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น ซึ่งในปีแรกนี้บริษัทตั้งเป้ามียอดขายจากช่องทางออนไลน์อยู่ที่ 10 ล้านบาท

 

 

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมีแผนลงทุนสร้างสถานดูแลผู้สูงอายุและศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์สำหรับดูแลผู้สูงวัย เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งมูลค่าการลงทุนราว 160-200 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการวางแบบโครงสร้างรวมทั้งการวางแผนขอในอนุญาติในการก่อสร้างด้วยเช่นกัน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงต้นปี 2564

 

 

-----------------------------------------

 

 

***IP ลั่นปี 63 รายได้โต 25% เหตุโควิด-19 หนุนยอดขาย***

 

 

ดร.ทรงวุฒิ ศักดิชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน) IP เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 เติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 375.89 ล้านบาท โดยในปีนี้มองเห็นยอดขายของผลิตภัณฑ์เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสที่ 1 ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. - มี.ค.) พบว่ายอดขายของวิตามินรวม และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ มียอดขายเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 4 เท่า และสินค้าได้ขาดตลาดไปแล้ว เป็นผลมาจากลูกค้าเกิดความกังวลจากสถานการณ์โควิด-19 และมองหาตัวช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น

 

 

ขณะที่ในปี 2563 บริษัทจะมีการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงภาวะโรคโควิด-19กำลังระบาดนี้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมความแข็งแรงภายในร่างกายและเจลทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ PROBIOTABL,Prolmmo,ProLivo,Vitamune,YUUU Honey Bee Propolis Natural Mouth Spray, Homeopathy “Boiron”, Hand Cleaner Gel (Ethanol), Hand Sanitizer Spray และNanofiber M

 

 

รวมถึงผลิตภัณฑ์ไหมยกกระชับที่พึ่งได้รับการอนุมัติจาก อย.ให้สามารถขายได้ ภายใต้แบรนด์สินค้าชื่อ Shihouvette Soft ซึ่งจะสามารถวางจำหน่ายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563

 

 

สำหรับยอดขายในแต่ละผลิตภัณฑ์นั้น บริษัทฯ ยังมีสัดส่วนลูกค้าในไทยมากถึง98% โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการเริ่มส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศแล้ว ได้แก่ ประเทศเกาหลี โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 2% และจะเริ่มขยายสินค้าออกไปขายในตลาดต่างประเทศ เช่นจีน ,ญี่ปุ่น และยุโรป โดยจะมีประเทศไทยเป็นฐานหลักในการผลิตสินค้าและจำหน่ายสินค้า

 

 

สำหรับแผนงานด้านการขายสินค้าในปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีพนักงานคอลเซนเตอร์อยู่ 7คู่สาย ซึ่งจะทยอยรับสมัครพนักงานเพิ่มให้มีถึง20คู่สาย เพื่อรองรับการโทรสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าทางบ้าน และยังมีพนักงานในแผนกฝ่ายDigital marketing คอยดูแลตอบลูกค้าผ่านช่องทาง Facebook และ Line

 

 

อีกทั้งบริษัทมีการเปิดช่องYoutube ชื่อ Intertrend ที่ให้ความรู้ด้านสุขภาพกับประชาชนทั่วไป และนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางนี้ ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายออนไลน์อีกหนึ่งทาง

 

 

“ด้านสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นเรามองว่าเป็นผลกระทบเชิงบวกที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีการให้ความสนใจในด้านการดูแลสุขภาพ การทานอาหารเสริมและยาที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายมากขึ้น ซึ่งช่วยให้กระตุ้นให้ยอดขายของทุกผลิตภัณฑ์เติบโต โดยเฉพาะกลุ่มวิตามินและตัวยาที่สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเราก็จะมีการทำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆแต่ไม่ให้ซ้ำกับของเก่าที่มีอยู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลายๆกลุ่ม ทั้งเด็กและกลุ่มวัยชราที่มีภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่วงนี้ เพื่อช่วยให้คนไทยได้มียาเสริมร่างกายให้แข็งแรง และหนุนให้รายได้ของบริษัทเติบโตต่อเนื่องด้วย ” ดร.ทรงวุฒิ กล่าว