Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : SPA กัดฟันสู้ COVID-19 ด้านโบรกฯ หั่นกำไร - เป้าปี 63

3,119

HotNews : SPA กัดฟันสู้ COVID-19 ด้านโบรกฯ หั่นกำไร-เป้าปี 63

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (3 มีนาคม  2563 ) SPA ออกมาตรการสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มลูกค้า หลัง COVID-19 ระบาด  มั่นใจหลังวิกฤต ธุรกิจท่องเที่ยวฯ กลับมาโต ด้านโบรกฯ หั่นกำไร-เป้าปี 63 นำโดย บล.เมย์แบงก์  คาด กำไรในปี 2563 ไม่สดใส  จึงปรับประมาณการ รายได้/ พนักงานนวดเฉลี่ยลง -13% ส่งผลให้กำไรสุทธิจะหดเหลือ  190 ลบ. -23% YoY ลดน้ำหนักเป็น "ถือ" ราคาเหมาะสมหลัง XD หุ้นปันผล 2 : 1 จะอยู่ที่ 7.80 บาท/ หุ้น   ส่วนทิสโก้อยู่ระหว่างปรับประมาณการ และมูลค่าเหมาะสม   ด้าน ดีบีเอสฯ -ธนชาต  เชียร์ซื้อ

 

 

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ผู้นำด้านธุรกิจสปาที่ครบวงจรที่สุดของไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2562 มีกำไรสุทธิจำนวน 245.47 ล้านบาท* คิดเป็นร้อยละ 17.17 ของรายได้จากการขายและบริการ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 39.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.39% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 1,449.64 ล้านบาท* เพิ่มขึ้น 297.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.78 % เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตของรายได้ทั้งสาขาเดิม (โต 16%) และสาขาที่เปิดใหม่ในปี 2562 (โต 7%) ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2562 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัท จำนวน 285,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 71,250,000 บาท และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท คิดเป็นเงินจำนวน 17,100,000 บาท โดยจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น 30 เมษายนนี้ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 และจ่ายปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2563 โดยมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 142.5 ล้านบาทเป็น 213.75 ล้าน เพื่อรองรับการปันผลครั้งนี้

 

 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ส่งผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ เดินทางเข้าประเทศไทยลดลงและส่งผลกระทบกับกำลังซื้อของลูกค้าชาวไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ารอง ทางบริษัทฯ ได้ออกมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มลูกค้า อาทิ คัดกรองลูกค้าและพนักงานด้วยการวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนเข้ารับบริการและพนักงานก่อนให้บริการ ป้องกันการแพร่กระจายโดยให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยระหว่างให้บริการ ทำความสะอาดจุดสัมผัสอย่างสม่ำเสมอ ออกประกาศพนักงานหลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงที่ได้รับการติดเชื้อ เป็นต้น ที่ผ่านมา บริษัทฯ เคยผ่านภัยโรคระบาด อาทิ SARS และ H1N1 มาก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทฯ ได้มีแผนเตรียมรับมือกับภัยโรคระบาดอย่างเป็นระบบและเชื่อมั่นว่าหลังจากวิกฤตครั้งนี้ ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจะกลับมาเติบโตได้เหมือนเดิม

 

 

บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ "SPA" เป็นผู้นำด้านธุรกิจสปาครบวงจร ดำเนินธุรกิจนวดและสปาเพื่อสุขภาพ ทั้งหมด 63 สาขา แบ่งเป็น ระรินจินดา เวลเนส สปา สปาระดับ 5 ดาว จำนวน 3 สาขา Let's Relax สปาระดับ 4 ดาว จำนวน 45 สาขา (40 สาขาในประเทศและ 5 สาขาต่างประเทศ) Baan Suan Massage ร้านนวดระดับ 3 ดาว จำนวน 10 สาขา Stretch me by Let's Relax จำนวน 4 สาขา และFace Care by Let's Relax จำนวน 1 สาขา นอกจากนี้ยังดำเนินธุรกิจรีสอร์ตและร้านอาหารเพื่อสุขภาพที่ จ. เชียงใหม่ ผลิตภัณฑ์สปา LRL - Let's Relax Lifestyle นำเข้าผลิตภัณฑ์สปาและความงามและโรงเรียนสอนนวดแผนไทยและสปา

 


บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ ปรับราคาเหมาะสม บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) SPA ลง -21% และลดคำแนะนำเป็น "ถือ" เนื่องจากแนวโน้ม COVID-19 รุนแรงกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าว่าจะคลี่คลายในไตรมาส 1/63 ทำให้การที่ SPA มีต้นทุนคงที่จำนวนมาก 50% อีกทั้งแบรนด์ Let's Relax ซึ่งเป็นตัวรับนั้กท่องเที่ยวจีนมีบทบาทสูงถึง 80% ของรายได้รวม เราคาดกำไรปีนี้จะหดตัว -23% YoY ราคาเหมาะสมใหม่จะเข้าใกล้ Worst case ก่อนหน้าที่ 11.70 บาท/ หุ้น (หลัง XD หุ้นปันผล 7.80 บาท)

 

 


SPA รายงานกำไรสุทธิ 69 ลบ. ตามคาด โดยในไตรมาสนี้ SPA ยังไม่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแต่อย่างใด รายได้เติบโต +12% YoY หลักๆมาจากการเปิดสาขา 2 แห่งในไตรมาส 4/62 และเช้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว โดยในไตรมาสนี้ นักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศไทยถึง 2.4 ล้านคน +15% YoY ส่งผลให้การให้บริการยังคงหนาแน่น ดันให้อัตรากำไรขั้นต้นยืนได้ในระดับสูง 32.8% จาก 33.3% ในไตรมาส 3/62 และดีขึ้นจากปีก่อนที่ 30.8% ส่งผลให้ภาพปี 2562 กำไรสุทธิอยู่ที่ 245 ลบ. +19% YoY ต่ำคาดเล็กน้อย 6% สิ่งที่ทำได้ดีคือการพาอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาระดับ 30% ใน 2H62 และการยกเลิกหน่วยธุรกิจที่ฉุดกำไรออกไป

 

 

 

จากภาวะการระบาดเริ่มยาวนานกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้าว่าจะคลี่คลายใน 1Q63 จนทางการต้องประกาศเป็นโรคติดต่ออันตราย อีกทั้งยังเริ่มมีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยแล้ว 1 ราย และมีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาด ขณะที่ SPA มีต้นทุนคงที่สูง 50% (high operating leverage) อีกทั้ง Let's Relax ซึ่งเป็นแบรนด์รองรับนักท่องเที่ยวมีสัดส่วนรายได้ถึง 83% ของรายไดรวม ดังนั้นการลดลงของรายได้จะส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยสำคัญ และล่าสุดตัวเลขผู้โดยสารระหว่างประเทศเดือน ก.พ. โดย AOT หดตัวถึง -37% YoY ทำให้เราเชื่อว่าผลกำไรในปี 2563 จะไม่สดใส เราจึงปรับประมาณการ รายได้/ พนักงานนวดเฉลี่ยลง -13% ส่งผลให้กำไรสุทธิจะหดเหลือ 190 ลบ. -23% YoY อัตรากำไรขั้นต้นคาดจะถอยลงมาเป็น 26% จากต้นทุนคงที่ระดับสูง ราคาเหมาะสมใหม่จึงเดินเข้าใกล้กรณี worst case ก่อนหน้าที่ 11.70 บาท/ หุ้น อิง DCF (WACC 11.6%, g 5.0%) ลดน้ำหนักเป็น "ถือ" หมายเหตุ : ราคาเหมาะสมหลัง XD หุ้นปันผล 2 : 1 จะอยู่ที่ 7.80 บาท/ หุ้น

 

 


ความเสี่ยง : ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งมีบทบาทราว 55% ของผู้ใช้บริการรวม ขณะที่ผลกระทบจากเกณฑ์ทางบัญชี TFRS16 ต่อค่าเช่าอาคาร และ พื้นที่ จะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/63 เป็นต้นไป ประเด็น COVID-19 อาจคลี่คลายช้ากว่าคาด

 

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า SPA กำไรหลัก 4Q62 แข็งแกร่งเป็น 244 ล้านบาท (+18.6% y-o-y) และถือว่าออกมาสอดคล้องกับที่คาดไว้นักท่องเที่ยวต่างประเทศมาไทยหดตัวลงมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ยังผลให้เรามีการปรับประมาณการลง เพื่อสะท้อนปัจจัยลบปีนี้และปี 64 ในอัตรา -5%/-9% ตามลำดับมีการประกาศปันผลเป็นหุ้นและเงินสด สำหรับหุ้นเป็น 2 หุ้นต่อ 1 หุ้นปันผล จะมี XD 12 พ.ค.63 คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยการปรับราคาพื้นฐานใหม่ลดลงเป็น 16.00 บาท ด้วยวิธี DCF สะท้อนการปรับประมาณการลง แต่ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มที่น่าสนใจเทียบกับราคาพื้นฐาน เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงมากไปกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็น สืบเนื่องจากความตื่นตระหนกผลกระทบโควิด-19

 

 

 สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า SPA รายงานผลประกอบการ 69 ล้านบาท ต่ำกว่าคาดราว 4% จากที่คาด 72 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ที่ต่ำกว่าคาด แต่อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากการลดค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการ SPA ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.03 บาท และหุ้นปันผลในอัตราส่วน 2 : 1 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 พ.ค.

 


ผลประกอบการ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% YoY แต่ลดลง 2% QoQ
รายได้ที่ 338 ล้านบาท อ่อนแอกว่าคาดเพิ่มขึ้น 12% YoY จากการขยายสาขาเพิ่มเป็น 64 สาขา จากเดิม 55 สาขา และมาตรการชิม ช้อป ใช้ แต่ลดลง 8% QoQ ตามฤดูกาล และการขาย CHABA ด้านอัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็น 32.9% จากเดิมที่ 30.8% ในช่วง 4Q18 หลังจากที่ Stretch Me ที่เริ่มมีผลกำไร แต่ลดลงจากเดิมที่ 33% จากต้นทุนคงที่ในการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น ด้าน SG&A ลดลง 21 - 22% YoY และ QoQ จากการปรับมาตรฐานบัญชี และทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 20.4% สูงสุดในรอบ 2 ปี

 



คาดผลประกอบการ 1H20F อ่อนแอ
มองว่า SPA จะได้รับผลกระทบโดยตรงจาก COVID-19 จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 55% รองลงมาเป็นประเทศอื่นๆ ในเอเซีย และจากการวิเคราะห์ของเราทุกเดือนที่ได้รับผลกระทบจะทำให้รายได้ลดลง 79 ล้านบาท อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ และมูลค่าที่เหมาะสม

 

 

บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต  ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า SPA รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานออกมาที่ 68 ลบ. ใน 4Q19เพิ่มขึ้น 38% y-y แต่ทรงตัว q-q ใกล้เคียงกับประมาณการของเราโดยการเติบโตยอดขายที่ออกมาอ่อนแอกว่าคาดถูกชดเชยลงด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลงมากกว่าคาดเช่นกัน ทั้งนี้ผลกำไรที่ออกมามาสนี้ยังไม่ได้สะท้อนผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 รายได้ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 338 ลบ.

 

ใน 4Q19 เพิ่มขึ้น 12% y-y แต่ลดลง 8% q-q โดยการเติบโต y-y นั้นสอดคล้องไปกับอัตราการขยายสาขา แต่อาจสื่อให้เห็นถึงการเติบโตของยอดขายต่อสาขาที่อ่อนตัวลงในไตรมาสนี้ส่วนการลดลง q-q เป็นผลจากฐานที่สูงในไตรมาสก่อน อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นมาเป็น 32.9% ใน 4Q19 (จาก 30.8% ใน3Q19)

 

 

เนื่องจากผลของการประหยัดต่อขนาดหลังยอดขายเติบโตดีและยอดการให้บริการต่อครั้งที่สูงขึ้นจากกลยุทธการให้บริการเป็นแพ็คเกจ ส่วนอัตรากำไรที่ลดลงจาก 33.3% ใน 3Q19 เป็นผลจากยอดขายที่ลดลงค่าใช้จ่ายการขายและบริหารรวม (SG&A) ลดลง 21% y-y และ22% q-q เป็นผลจากการยุติการดำเนินธุรกิจสปาเล็บ 'Chaba' และการกลับรายการการตั้งสำรองหนี้สูญ ทำให้สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลงลงเหลือ 9.7% ใน 4Q19 จาก 11.5% ใน 3Q19 และ13.7% ใน 4Q18 SPA ประกาศจ่ายปันผลเป็นสด 0.03 บาทต่อหุ้น

 

 

และปันผลเป็นหุ้นในสัดส่วน 2 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 พฤษภาคม และจ่ายปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2020 นี้โดยการจ่ายปันผลนี้รวมเทียบเป็น 36% ของกำไรสุทธิปี 2019 SPA มีความเสี่ยงสูงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการระบาดของโรค COVID-19 เนื่องจากกว่า 70% ของรายได้นั้นมาจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงมารุนแรงนั้นได้สะท้อนผลกระทบเหล่านั้นไปมากแล้ว เราจึงยังคงแนะนำ "ซื้อ" แม้มองว่ามีความเสี่ยงทางลบต่อประมาณการกำไร

 

 

SPA

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

Thailand Focus By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ วันแรก งานThailand Focus 2025 เช้าวันนี้ หุ้นไทยบวก 5.22 จุด บ่ายวันนี้ ...

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

PTG มุ่งมั่นปลูกฝัง DNA ความยั่งยืน ได้รับเกียรติบัตร "โครงการ ESG DNA" จากตลาดหลักทรัพย์ฯ

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้