Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : ครม. เคาะแพคเกจ "Thailand Plus" กระทุ้งศก.

1,598

HotNews : ครม. เคาะแพคเกจ "Thailand Plus" กระทุ้งศก.

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (6 กันยายน 2562)  ครม.เศรษฐกิจ เคาะแพคเกจ Thailand Plus ตามที่บีโอไอเสนอ กระตุ้นและเร่งรัดการลงทุน 7 ด้าน ระดมปรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งมาตรการภาษี การพัฒนาบุคลากร ปรับปรุงกฎระเบียบด้านการลงทุน และเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปเรื่องการเจรจาเอฟทีเอ พร้อมทำตลาดเชิงรุก ด้านเทพหุ้นเอเซีย พลัส ชี้ มาตรการกระตุ้นเอกชน ดีต่อ JWD, AMATA

 

 

 

 

 

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ (6 ก.ย.62) เห็นชอบแพคเกจเร่งรัดการลงทุนและรองรับการ ย้ายฐานการผลิตสืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า หรือ Thailand Plus Package 7 ด้าน ดังนี้

 

 

 

  • ด้านสิทธิประโยชน์ ให้บีโอไอกำหนดมาตรการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการลงทุน โดยลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563

 

 

  • ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของหน่วยงาน ให้จัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานงานการลงทุน ในลักษณะ One Stop Service โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคแก่นักลงทุน รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สามารถอนุมัติโครงการในกลุ่มกิจการที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลทุกขนาดการลงทุนเพื่อตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานโดยเร็ว

 

 

  • ด้านบุคลากร ให้กำหนดมาตรการการคลังเพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมแรงงาน โดยให้ผู้ประกอบการนำเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่เข้าข่าย Advanced Technology ไปหักลดหย่อนเพิ่มขึ้นระหว่างปี 2562 - 2563 รวมทั้งให้มีมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการจ้างงานบุคลากรทักษะสูงในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมขั้นสูง

 

 

  • โดยสามารถนำค่าจ้างไปหักค่าใช้จ่ายได้ ระหว่างปี 2562 - 2563 นอกจากนี้ ในกรณีของโครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมและยังมีสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้อยู่ บีโอไอจะอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมที่เข้าข่ายเป็น Advanced Technology ไปคำนวณรวมเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็นร้อยละ 200 รวมทั้งให้บีโอไอและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกันนำเสนอแนวทางและรูปแบบการนำเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ มาใช้สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันการศึกษาศักยภาพสูง

 

 

  • ด้านความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งปรับปรุงบัญชีแนบท้ายตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและข้อจำกัดต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขอให้บีโอไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเชื่อมโยงข้อมูล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุน เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมที่ดิน เป็นต้น รวมทั้งให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญสูง

 

 

  • มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดหาและพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะ เช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน เป็นต้นขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งสรุปผลการศึกษาและกระบวนการต่างๆให้ได้ข้อสรุปเรื่องการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าไทย-อียู และการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (CPTPP) ภายในปี 2562 รวมทั้งมอบให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณแก่กระทรวงพาณิชย์ สำหรับกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าด้วย และ

 

 

  • ให้กระทรวงการคลังกำหนดมาตรการเพิ่มเติม โดยให้หักเงินลงทุนด้านระบบอัตโนมัติได้เพิ่มขึ้น ระหว่างปี 2562 - 2563 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ อันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย

 

 

 


นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ในด้านการชักจูงการลงทุนนั้น บีโอไอจะร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อจัดทีมบูรณาการโรดโชว์และทำการตลาดเชิงรุก โดยเน้นชักจูงนักลงทุนในประเทศเป้าหมาย ได้แก่ ประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี เป็นต้น

 


"ประเทศไทยมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับนโยบาย New Southern Policy ของเกาหลีใต้ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาและนโยบายมุ่งตะวันออก (Look East Policy) ของอินเดีย นอกจากนั้น ยังมีจุดเด่นในการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงไปยังกลุ่ม ACMECS หรือ CLMVT การออกมาตรการ Thailand Plus ครั้งนี้ จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการดึงดูดการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้น" นางสาวดวงใจ กล่าว

 


ด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประชุม ครม. เศรษฐกิจวันนี้ รอมาตรการกระตุ้นเอกชน ดีต่อ JWD, AMATA

 


เศรษฐกิจไทยในช่วง 2H62 เชื่อว่าจะยังชะลอตัวชัดเจน ล่าสุด ม.หอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(CCI) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และต่ำสุดในรอบ 2 ปี 9 เดือนอยู่ที่ 73.6 จุด จากผลของภัยแล้ง และเหตุระเบิดใน กทม. หลายจุด จากสัญญาณการบริโภคครัวเรือนที่น่าจะยังชะลอตัวต่อ เชื่อว่าจะยิ่งเร่งให้รัฐบาลเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม คือ หลังจากที่กลางเดือน ส.ค.ได้ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภควงเงิน 3.16 แสนล้านบาท อาทิ

 

ให้เงินอุดหนุนการท่องเที่ยวนอก, การเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการ, การประกันรายได้เกษตรกร และคาดหวังจะมีเฟส 2อาทิเช่น ช็อปช่วยชาติ, การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, การลดค่าครองชีพด้านการขนส่งมวลชน เช่น ค่ารถไฟฟ้า, ค่าตั๋วรถเมล์ และ บขส. เป็นต้น ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา

 


โดยในวันนี้ ASPS ให้น้ำหนักไปที่ ประชุม ครม. เศรษฐกิจคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 จะมุ่งเน้นกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ให้สิทธิลดหย่อนภาษี เช่น เงินลงทุนในเครื่องจักรลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า, ค่าใช้จ่าย R&D ยกเว้นภาษีได้เกิน 300% (จากเดิมไม่เกิน 300%) และการเสนอพื้นที่รองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น จีน, สหรัฐ และยุโรป เป็นต้น (ดังตาราง) ก่อนที่จะส่งต่อให้ ครม. พิจารณาอนุมัติ ช่วงต้นสัปดาห์หน้า

 

 

 


เชื่อว่ามาตรการต่างๆจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทางตรงได้ โดยเฉพาะเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDI) ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นในกลุ่มนิคม และกลุ่มขนส่ง-โลจิสติกส์ เช่น AMATA(FV@B 35.70) , FPT (FV@B 20.10) และ JWD(FV@B 12.30)

 


แรงหนุนเพิ่มเติมจากความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ ทั้งในมาตรการกระตุ้นการส่งออก รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน คือ TU(FV@B 23), AMATA(FV@B 35.70) และวันนี้เพิ่ม JWD อีก 1 บริษัท มีรายละเอียดดังนี้

 


JWD (FV@B 12.30) คาดกำไร 2H62 เติบโตดีเป็นขั้นบันได เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจบริการรับฝากและบริการคลังสินค้า (สัดส่วน 59.9% ของรายได้รวม) และจะเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น เพราะคลังเย็นอินโดนีเซียได้รับงานจาก Burger King เพิ่มขึ้นอีก 85 สาขา (เดิม 55 สาขา)

 

 

รวมถึงบริษัทนิคมฯพนมเปญ (PPSP) ขายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจขนส่ง (สัดส่วน 14.5%) มีการเติบโตต่อเนื่องหนุนด้วยการเปิดคลังเย็นอัตโนมัติที่มหาชัย และ Renovate คลังเย็นบางนา 6 พันตรม. และงานขนส่ง Cross Border ไปยังกัมพูชาจะดีขึ้นอย่างเด่นชัด ทั้งหมดทั้งมวลจะทำให้ผลประกอบการ JWD ปี 2562 เติบโตสูงถึง 37% YoY เท่ากับ 345 ล้านบาท ด้านราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เปิดกว้าง 36.7% จากมูลค่าพื้นฐาน 12.3 บาท ถือเป็นโอกาสเข้าลงทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

NAM ผนึกกลุ่ม PRINC ลุยขยายธุรกิจ Serviso ทั่วประเทศ

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC จัดเต็มโรดโชว์ จ.นครปฐม เดินหน้าเข้าเทรดใน SET ปีนี้ เตรียมเสนอขายหุ้น 79 ล้านหุ้น

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้