Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : DELTA กับกำไรที่หล่นหาย ?

3,474

HotNews : DELTA  กับกำไรที่หล่นหาย?

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (31 กรกฎาคม 2562) ฤดูกาลประกาศงบ วนกลับมาอีกครั้ง  บจ.ทยอยแจ้งงบ Q2/62  ต่อเนื่อง  วันนี้ทีมข่าวหุ้นอินไซด์ เจาะงบ  DELTA  ที่เพิ่งประกาศงบ Q2/62  ออกมาสดๆ ร้อนๆ  โดยไตรมาสนี้  DELTA  มีกำไรหล่นหาย ประกาศกำไรสุทธิที่ 872 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 1,685.65 ล้านบาท ลดลง จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,448.35 ล้านบาท

 

 

สาเหตุที่ DELTA ทำกำไร Q2/62 หล่นหาย เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศอินเดีย และความต้องการของตลาดที่ลดลง ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมค่าวิจัยและพัฒนา)เพิ่มขึ้น 21%

 


นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) DELTA เปิดเผยว่าผลดำเนินงานไตรมาส 2/62 มีกำไรสุทธิ 872 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท ด้านยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 13,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 จากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นสําหรับผลิตภัณฑ์เน็ตเวิร์คสวิตช์ และผลิตภัณฑ์เครื่องมือช่างอุตสาหกรรม

 

 

กําไรขั้นต้นในไตรมาสสองของปี 2562 มีจํานวน 2,772 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน และลดลงร้อยละ 6.9 จากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากการชะลอตัวของธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศอินเดีย และ ความต้องการของตลาดที่ลดลงสําหรับวัตถุดิบส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตส่งผลให้วัตถุดิบคงเหลือมีมูลค่าลดลงจากการ ปรับต้นทุนมาตรฐานในไตรมาสนี้ ทําให้อัตรากําไรขั้นต้นของไตรมาสนี้ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 19.9 เทียบกับร้อยละ 22 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและร้อยละ 23 ในไตรมาสแรก

 

 

 

 

 

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมค่าวิจัยและพัฒนา) ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0 จากไตรมาส เดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 จากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจาการเพิ่มขึ้นของจํานวนบุคลากรด้านการตลาด และการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยีอันรวดเร็ว และเพื่อรองรับกับสภาวะการแข่งขันที่หลากหลายในตลาดโลกไร้พรมแดน

 

 


กําไรจากการดําเนินงานในไตรมาสนี้อยู่ที่ 658 ล้านบาท ลดลง 483 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ ร้อยละ 8.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 4.7 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารดังกล่าวข้างต้น ในขณะที่กําไร สุทธิของไตรมาสนี้อยู่ที่ 868 ล้าน ลดลงร้อยละ 37.4 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีกําไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.70 บาท ลดลงจาก 1.11 บาทต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

 

 

 

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 47,104 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อ เทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ลูกหนี้การค้าสุทธิและลูกหนี้อื่น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีจํานวน 11,480 ล้านบาท ลดลง 78 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 โดยลูกหนี้การค้าส่วนใหญ่เป็นยอดคงค้างที่ยังไม่ถึง กําหนดชําระประมาณร้อยละ 89 ยอดลูกหนี้การค้าทั้งหมด สินค้าคงเหลือ (สุทธิ) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีจํานวน 10,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 542 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของวัตถุดิบ

 

 

 

 

 

เนื่องมาจาก การชะลอตัวของธุรกิจโทรคมนาคม ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 มีจํานวน 9,935 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,758 ล้านบาทหรือร้อย ละ 21.5 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ส่วนใหญ่มาจากบริษัทและบริษัทในเครือได้ลงทุนจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและพัฒนาและโรงงานแห่งใหม่ที่อินเดีย รวมถึงการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิตภายใต้โครงการ “ Delta Smart Manufacturing” ที่ประเทศไทย

 

 


ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 14,362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อ เทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 โดยมีการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่จากการตั้งสํารองผลประโยชน์เพื่อพนักงาน ในระยะยาวและหนี้สินหมุนเวียนอื่นๆ

 

 

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมจํานวน 32,742 ล้านบาท ลดลง 1,199 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากกําไรสุทธิที่เกิดขึ้นในครึ่งปีแรก และเงินปันผลที่จ่ายในไตรมาสนี้ ขณะที่งวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 1,685.65 ล้านบาท ลดลง จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,448.35 ล้านบาท

 

 

 

 

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า DELTA รายงาน Core profit 2Q62 ออกมา 965 ล้านบาท (-25%YoY, -13%QoQ) เป็นไปตามคาดของเราและตลาด การลดลงมาจากมาร์จิ้นที่หดตัว และตั้งสำรอง Employee benefit 102 ล้านบาทในไตรมาสนี้ บริษัทมีกำไร FX 5 ล้านบาท สำหรับกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายอยู่ที่ 868 ล้านบาท (-37%YoY, -20%QoQ) ยอดขายรูปดอลลาร์เติบโตได้ดี

 

 

โดย +7%YoY, +8%QoQ ใน 2Q62 มาจากอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ Network switch และผลิตภัณฑ์เครื่องมืออุตสาหกรรม แต่...อัตรากำไรขั้นต้นหดตัวต่อเป็น 19.9% ใน 2Q62 จาก 22.0% ใน 2Q61 และ 23.0% ใน 1Q62 เนื่องจาก Product mix ที่เปลี่ยน, ค่าเงินบาท และอุปสงค์ในส่วนอุปกรณ์สื่อสารในอินเดียชะลอตัว ด้าน SG&A อยู่ที่ 14.5% ของยอดขาย (เพิ่ม YoY แต่ลดลง QoQ) แนะนำ Fully Valued ให้ราคาพื้นฐาน 53 บาท โดยอิงกับ P/E ปีนี้ที่ 15 เท่า

 

 

 

 


ขณะที่สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า DELTA รายงานผลประกอบการ 873 ล้านบาท ลดลง 37% YoY และลดลง 20% QoQ ผลประกอบการต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 5% หากนำรายการตั้งสำรองแรงงาน 102 ล้านบาท ออกกำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 969 ล้านบาท ลดลง 25% YoY และ 12% QoQ โดยเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด สินค้าที่มีอัตรากำไรสูงเช่น EV และพลังงานทางเลือกมีสัดส่วนที่ลดลงหลังการซื้อกิจการของ DELTA Taiwan และผลกระทบของสงครามการค้า โดยมีธุรกิจแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่มีอัตรากำไรลดลงจาก 13.7% ใน 2Q18 เป็น 8.4%

 

 



รายได้อยู่ที่ 440 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.1% YoY และ 7.5% QoQ หรือ 1.39 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 7.5% QoQ ในขณะที่ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์เฉลี่ยอยู่ที่ 31.6 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 1% YoY โดยอุปสงค์ของสินค้าประเภทโครงสร้าง ICT ที่สูงเป็นปัจจัยหนุน แต่กลุ่มยานยนต์และธุรกิจที่อินเดียได้รับปัจจัยกดดันจากช่วงการเลือกตั้งและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ โดยอัตรากำไรลดลงเป็น 19.9% จากเดิม 22.0% จาก 1) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 2) การปรับมูลค่าของสต็อคที่ลดลง นอกจากนี้ OPM ลดลงเป็น 4.7% จากเดิม 8.6% ใน 2Q18 จากสัดส่วนของ DELTA Taiwan ที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองแรงงาน 102 ล้านบาท

 



จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ถูกกดดัน เราคาดว่าผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นใน 3Q19F จากผลกระทบทางฤดูกาล แต่ยังมีฐานที่สูงในปีก่อนกดดัน ก่อนที่จะฟื้นตัว YoY ในช่วง 4Q19F จากการปรับราคาใบอนุญาต และประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่ดีขึ้น แต่เรามองว่า DELTA Taiwan จะยังผลักสัดส่วนงานที่มีอัตรากำไรต่ำมามากขึ้น ทำให้อัตรากำไรของ DELTA ลดลง ทำให้เราปรับประมาณการปี 2019-20F ลง 24% และ 21% ตามลำดับจากอัตรากำไรที่ลดลง และปรับ SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้น

 



ปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 59.50 บาท ปรับมูลค่าที่เหมาะสมลดลงจาก 71 บาท เป็น 59.50 บาท อิง PER ที่ 15 เท่า โดยราคาหุ้นได้รับรู้ปัจจัยลบไปหมดแล้วทำให้ปรับตัวแย่กว่าตลาด โดยมีความเสี่ยงคือ 1) สงครามการค้า 2) ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

 

 

 

 

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า DELTA รายงานกำไรไตรมาส 2/2562 ที่ 879 ลบ. ลดลง 37% YoY และ 20% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 8% แต่สอดคล้องกับประมาณการของ Bloomberg consensus สืบเนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษครั้งเดียวสำหรับผลประโยชน์พนักงานที่ต่ำกว่าประกาศในช่วงก่อนหน้านี้ที่ 102 ลบ. การปรับมูลค่าสินค้าคงคลังที่ไม่คาดคิดจำนวน 158 ลบ. การบันทึกกลับด้อยค่าสินทรัพย์ที่ไม่คาดคิดจำนวน 86 ลบ. และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จำนวน 5 ลบ.

 

 

ทั้งนี้ เราได้อัพเดตสมมติฐาน FX และนับรวมประเด็นสัดส่วนสินค้าที่แย่ลงเข้ามาในประมาณการแล้ว ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2562-64 ลง 13%/7%/2% ตามลำดับ และทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 59.75 บาท อย่างไรก็ตาม เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" เพราะเชื่อว่าตลาดรับรู้ประเด็นผลกำไรที่อ่อนแอในไตรมาส 2/2562 และการแข็งค่าของเงินบาทไปแล้ว

 

 

 

 


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า DELTA รายงานกำไรสุทธิ 2Q19 เท่ากับ 873 ล้านบาท (-19.6% Q-Q, -37.2% Y-Y) หากไม่รวมค่าใช้จ่ายตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 102 ล้านบาท และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 5 ล้านบาท จะมีกำไรปกติเท่ากับ 969 ล้านบาท (-12.5% Q-Q, -25.1% Y-Y) ใกล้เคียงที่เราและ Consensus คาด (เราคาดไว้ 977 ล้านบาท) แม้รายได้จะเติบโต 7.5% Q-Q และ 5.9% Y-Y เพราะเริ่มรับรู้รายได้ที่มาจาก Delta Taiwan แต่ไม่สามารถชดเชยการอ่อนตัวลงของอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลงมาอยู่ที่ 19.9% จาก 23% ใน 1Q19 และ 22% ใน 2Q18 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี มาจากทั้งค่าเงินบาทแข็งค่า, Product Mix เปลี่ยนไป

 

 

ซึ่งเป็นผลกระทบจาก Trade War ทำให้ธุรกิจที่มาร์จิ้นดีมีรายได้ลดลง เช่น EV Car และ Alternative Energy และ Regional Business ไม่สดใส โดยเฉพาะในอินเดียที่มีการเลือกตั้ง ทำให้เกิดสูญญากาศในเชิงธุรกิจ รวมถึงมีการย้ายสายการผลิตข้ามโรงงาน ส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลง ทั้งนี้จากรายได้ที่เติบโต ทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 15.2% จาก 15.4% ใน 1Q19 แต่ยังเพิ่มขึ้นจาก 13.2% ใน 2Q18 เพราะรายได้ส่วนที่รับรู้มาจาก Delta Taiwan เป็นส่วนที่ต้องบันทึกค่า Loyalty Fee ด้วย

 

 

บริษัทมีกำไรปกติ 1H19 เท่ากับ 2,076 ล้านบาท (-13.5% Y-Y) คิดเป็นสัดส่วน 46% ของประมาณการทั้งปี บริษัทได้ให้ภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการในช่วง 2H19 โดยเฉพาะ 3Q19 ที่เป็น High Season ของธุรกิจ และน่าจะได้เห็นคำสั่งซื้อของ Delta Taiwan เข้ามามากขึ้น กอปรกับคาดการย้ายสายการผลิตระหว่างโรงงานจะแล้วเสร็จ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองระมัดระวัง เพราะยังมีสิ่งที่ยังเป็นความเสี่ยงของบริษัทคือ ค่าเงินบาท และปัญหาเรื่อง Trade War ที่ยังสร้างความกังวลให้ภาคธุรกิจอยู่ อาจกระทบให้การฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นช้ากว่าคาด ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2019 ไว้ที่ 4,544 ล้านบาท (-8.8% Y-Y) และคงราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 62 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า) แนะนำเพียงถือ และขอรอดูการฟื้นตัวใน 3Q19 ให้ชัดเจนก่อน

 

ความเสี่ยง - เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า, ค่าเงินบาทแข็งค่า, สินค้าใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ, Product Mix เปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง

 

 

DELTA

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

DELTA พาSETเด้ง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ใครกัน ลาก กระชาก หุ้นDELTA พาSET เด้ง งานนี้ บริษัท DELTA ไม่รู้ แต่ ฝ่าย...

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

MMM ต้อนรับคณะนักลงทุน IAT อัปเดตแผนเสนอขายหุ้น PO 64.20 ล้านหุ้น ก่อนเทรดตลาด mai

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้