Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

HotNews : กนง.ตรึง ดบ.1.75% หลังมองแนวโน้มศก.ไทยโตต่ำกว่าคาด

1,341

HotNews : กนง.ตรึง ดบ. 1.75% หลังมองแนวโน้มศก.ไทยโตต่ำกว่าคาด

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (8 พฤษภาคม  2562) บอร์ด กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% หลัง ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ    ด้านสำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มองปีนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะอยู่ที่ 1.75% ขณะที่ BAY เผยบาทอ่อนค่า หลังกนง. มีมติคงดอกเบี้ย

 

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมกนง. ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี

 

ทั้งนี้ในการตัดสินนโยบาย คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยในประเทศยังมีอยู่สูงในระยะข้างหน้า ในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการฯจึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เพื่อรอประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่่ากว่าที่ประเมินไว้จากการส่งออกสินค้าและการลงทุน

 

 

โดยการส่งออกสินค้าขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ส่าหรับด้านอุปสงค์ในประเทศ การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องแต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการจ้างงานโดยรวมที่เริ่มทรงตัวและมีสัญญาณการชะลอลงของการจ้างงานในภาคการก่อสร้างและภาคการผลิตเพื่อส่งออก การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง อย่างไรก็ดีการย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในระยะต่อไป ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวต่่ากว่าที่ประเมินไว้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความล่าช้าของโครงการลงทุนภาครัฐ ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามความเสี่ยง

 

 

 


ด้านต่างประเทศจากมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งจะติดตามความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศ รวมถึงการด่าเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่และการใช้จ่ายภาครัฐ ตลอดจนความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่าคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

 

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้โดยราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน ช่วยชดเชยผลของราคาอาหารสดที่ปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด อย่างไรก็ดียังมีความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้งในระยะข้างหน้า ส่าหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ทั้งนี้คณะกรรมการฯ เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง อาทิ ผลกระทบจากการขยายตัวของธุรกิจe-commerce การแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้น รวมถึงพัฒนาการของเทคโนโลยีที่ท่าให้ต้นทุนการผลิตลดลงส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ช้ากว่าในอดีต

 

ภาวะการเงินที่ผ่านมาอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบการเงินอยู่ในระดับสูง อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่่า ภาคเอกชนยังสามารถระดมทุนได้ต่อเนื่อง โดยสินเชื่อขยายตัวต่อเนื่องทั้งสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่ออุปโภคบริโภค ด้านอัตราแลกเปลี่ยนนับจากการประชุมครั้งก่อน เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สรอ. โดยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาค ในระยะข้างหน้า อัตราแลกเปลี่ยนยังมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

 

 

 

ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต คณะกรรมการฯ เห็นว่ามาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ได้ด่าเนินการไปและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาจะช่วยดูแลการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น (search for yield) ในภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่่า ซึ่งอาจน่าไปสู่การประเมินความเสี่ยงต่่ากว่าที่ควร (underpricing of risks) ได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องติดตามการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์การขยายสินทรัพย์และความเชื่อมโยงภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ การปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ภายหลังการปรับปรุงเกณฑ์การก่ากับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) มีผลบังคับใช้รวมถึงการก่อหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่่ากว่าที่ควร

 

 

ทั้งนี้ การลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในช่วงต่อไปยังจ่าเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลด้วยเครื่องมือที่หลากหลายทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม มาตรการก่ากับดูแลสถาบันการเงิน(microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential) ที่จะต้องให้ความส่าคัญเพิ่มขึ้นกับความสามารถในการช่าระหนี้ของลูกหนี้มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง

 

 

คณะกรรมการฯ เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังมีความเหมาะสม โดยจะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการด่าเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป

 

 

 


ด้านสำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ทั้งนี้แถลงการณ์ภายหลังการประชุมระบุประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ากว่าที่ประเมินไว้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง

 


- จากแถลงการณ์ภายหลังการประชุมนี้ชี้ให้เห็นว่า กนง. ค่อนข้างเป็นห่วงแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยที่อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ไว้ประเมินก่อนหน้าอยู่มาก กล่าวคือ เมื่อเปรียบเทียบกับถ้อยแถลงในการประชุมก่อนหน้านี้ กนง. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับศักยภาพแม้ว่าจะชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลงอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง (การประชุมกนง.ครั้งที่ 2/2562)

 


- คณะกรรมการฯ ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อการส่งออกไทยและการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยระบุว่า การส่งออกสินค้าและการลงทุนขยายตัวชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งการส่งออกของไทยในไตรมาส 1/2562 หดตัวลงเฉลี่ย 3.6%yoy (ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน) ขณะที่ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชนนั้นก็หดตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (PII) ในเดือนมีนาคมที่หดตัว 2.1% (yoy) จากที่หดตัว 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ส่งผลให้ไตรมาส 1/2562 ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนหดตัว 1.3% เช่นเดียวกับมุมมองในส่วนของการใช้จ่ายภาครัฐเอง กนง. ก็ระบุว่ามีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ จากความล่าช้าของโครงการลงทุนภาครัฐ นอกจากนี้ กนง. ระบุจะติดตามความไม่แน่นอนของปัจจัยในประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่และการใช้จ่ายของภาครัฐ

 

 


- เป็นที่น่าสนใจว่า ในแถลงการณ์รอบนี้ กนง. ในกล่าวถึงการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ ขณะเดียวกันก็ยังคงกังวลในส่วนของการขยายสินทรัพย์และความเชื่อมโยงภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์

 


- แม้กนง. ยังแสดงถึงความกังวลที่มีในส่วนของเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวม แต่ กนง. สามารถเลือกใช้มาตรการทางการเงินอื่นๆ ที่ไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยมาดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งต่อไป และอาจจะใช้มาตรการอื่นๆ ที่เหมาะสม ทั้งนี้ กนง. ระบุว่า การลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในช่วงต่อไปยังจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลด้วยเครื่องมือที่หลากหลายทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสม มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน (microprudential) และมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macroprudential)
- อย่างไรก็ดี กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แม้แรงส่งจากอุปสงค์ต่างประเทศชะลอลง พร้อมระบุว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังมีความเหมาะสม โดยจะติดตามพัฒนาการของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมในระยะต่อไป

 


- จากถ้อยแถลงดังกล่าว เรายังมองมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงการขึ้นเพื่อลดพฤติกรรมการเก็งกำไร และเป็นการเก็บ Policy space เท่านั้นดังนั้น กนง. จึงไม่น่าจะต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆ นี้ และมองว่าในปีนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ สิ้นปี จะอยู่ที่ 1.75%อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การที่ประเทศต่างๆ กำลังปรับเปลี่ยนนโยบายจากที่เข้มงวดกลายเป็นผ่อนคลาย ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.)ธนาคารกลางมาเลเซียลดอัตราดอกเบี้ย Overnight Policy Rate 0.25% จาก 3.25% มาอยู่ที่ 3.00% ซึ่งก็จะสร้างความกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทยได้

 

 

 

 

 

BAY เผยบาทอ่อนค่า หลังกนง.มีมติคงดอกเบี้ย มองความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลกกดดันค่าเงิน

 

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีความเห็นต่อการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) หลัง กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.75% ตามที่ตลาดคาดไว้ ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยที่ระดับ 31.80 ต่อดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่า 2.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย ขณะที่คณะกรรมการ กนง.มองว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค แต่มีแนวโน้มที่จะผันผวนในระยะต่อไป

 

คณะกรรมการ กนง. ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองหลายด้าน โดยระบุถึงความกังวลในด้านการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวลดลง ความไม่แน่นอนในเรื่องการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ และสัญญาณการชะลอตัวของการจ้างงานในบางภาคธุรกิจ ในภาพรวม คณะกรรมการ กนง. มองแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบจากภาคส่งออก ในด้านแรงกดดันด้านราคา คณะกรรมการมองว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 1-4% ในด้านความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน ผู้กำหนดนโยบายได้ระบุถึงสินเชื่อรถยนต์ รวมทั้งให้ความสำคัญต่อความความสามารถในการชำระหนี้ในภาพรวมด้วย

 


คณะกรรมการกนง. มีกำหนดการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 26 มิถุนายน 2562 แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการ กนง. ในวันนี้ยังคงย้ำถึงจุดยืนที่ต้องระมัดระวังอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและความท้าทายในด้านเสถียรภาพทางการเงิน แต่คณะกรรมการ กนง. กล่าวถึงแนวโน้มข้างหน้าว่า เศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวต่อต่อเนื่องและมีความกังวลในเรื่องปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบระบบการเงินได้ ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอยู่ เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะคงอยู่ที่ระดับ 1.75% จนถึงสิ้นปี แม้ว่าธนาคารกลางบางแห่งได้ปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นแบบผ่อนปรนมากขึ้น

 

MTC

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ "Future Water Solutions 2025"

FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ "Future Water Solutions 2025"

ไฟการเมือง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ นักลงทุน ยังคงชะลอลงทุนต่อไป ด้วยเห็นไฟการเมืองในประเทศแล้ว ก็ถอย พัก รอดูสถานการณ์ .....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้