จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ใครต่อใครพยายามเอาใจลุ้นให้ทองคำในประเทศปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือ 20,000 บาทให้สำเร็จ ด้วยปัจจัยบวกชนิดมีน้ำหนักเข้ามาสนับสนุน แต่พอตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2013 ประกาศออกมา ถือเป็นมูลเหตุสำคัญที่กดดันไม่ให้ราคาทองคำขยับไปไหน และปรับตัวลดลงเล็กน้อย
โดยน้ำหนักที่กดดันการทะยานของราคาทองคำในช่วงนี้ ยังต้องยกไปให้กับความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นางเจเน็ต เยลเลน ที่ออกมาย้ำว่า ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเมษายนที่ปรับตัวขึ้นเกินคาด เพราะหากปรับขึ้นดอกเบี้ยล่าช้าก็อาจเกิดความเสี่ยงร้อนแรงเกินไป อย่างไรก็ตามเธอเตือนว่าเศรษฐกิจของอเมริกายังคงแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ โดยอัตราคนว่างงานที่ลดลงแตะร้อยละ 5.4 ไม่ได้สะท้อนถึงความเอื่อยเฉื่อยในตลาดแรงงาน และจากคำพูดนี้เอง จึงทำให้นักลงทุนยังไม่ไว้วางใจเพิ่มน้ำหนักลงทุนในทองคำ
ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำปรับขึ้นเล็กน้อยหลังรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่ไม่อยากให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงมิถุนายนนี้ แต่ราคาก็ยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ แม้เป็นการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด
ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังสหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเมษายนพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ส่วนปัจจัยบวกคือ สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรในช่วงเดือนพฤษภาคม และ มิถุนายน รวมถึงรมว.คลังกรีซได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กรีซจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศเจ้าหนี้ได้
นอกจากนี้ สภาทองคำโลก หรือ WGC เผยว่าความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 1/2558 อยู่ที่ 1,079 ตัน ลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากจีนซึ่งเป็นตลาดทองคำรายใหญ่ชะลอการนำเข้าตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สร้างแรงกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงหลังจากปรับขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า
ดังนั้นปัจจัยบวกที่เหลืออยู่ของทองคำในช่วงนี้ คือการที่เงินยูโรอ่อนค่าลง ประกอบกับความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB ที่จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชนรวมทั้งผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้นนั่นเอง
.....สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาในช่วงต่อจากนี้ไปคือ การรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของประเทศจีน เยอรมนี และยุโรป รวมทั้งตัวเลขของยอดผู้รับสวัสดิการของสหรัฐฯ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ รวมไปถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.
ขณะที่กลยุทธ์ลงทุน สำหรับ Gold Futures หลายค่ายแนะนำเปิดสถานะ Short ในทุก Series เพื่อเล่นรอบขาลงช่วงสั้น และรอปิดสถานะที่แนวรับหรือรอเปิดสถานะ Long ช่วงราคาลงทดสอบแนวรับเพื่อเล่นรอบในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวทองคำไว้ที่แนวรับ 1,185 ดอลลาร์/ออนซ์ แนวต้าน 1,230 ดอลลาร์/ออนซ์
โดยระยะสั้น หากขายทำกำไรไปบริเวณ 1,220 ดอลลาร์/ออนซ์ขึ้นไป แนะนำเข้าซื้อคืนอีกครั้งบริเวณ 1,205 ดอลลาร์/ออนซ์หรือต่ำกว่า โดยมีจุดตัดขาดทุนบริเวณ 1,198 ดอลลาร์/ออนซ์ และจุดทำกำไรบริเวณ 1,225-1,245 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนระยะยาว ยังแนะนำถือทองคำต่อไปหรือซื้อเพิ่มย่อมาบริเวณต่ำกว่า 1,185 ดอลลาร์/ออนซ์
ไม่เพียงเท่านี้ หากราคาทองคำอาจมีโอกาสขยับทดสอบแนวต้านที่โซน 1,220 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนต้องจับระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยหากสะสมทองคำไว้ อาจมีการขายทำกำไรบ้างส่วนออกมาบ้าง
PTG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ...
SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อารมณ์คอการเมือง ร้อนทันที เป็นคลิปเสียง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับ สมเด็จฯ ฮุน..
รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68