HotNews:  ลุ้นปี62-63 กำไรNWR  นิวไฮ

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 มีนาคม 2562)---------NWR วางเป้ารายได้ปี62 ทะลุ 1 หมื่นลบ. หลังตุนBacklog ราว 1.6 หมื่นลบ. รับรู้ปีนี้ 50% - แอดวานซ์ พรีแฟบ เริ่มมีกำไร คาดผลงาน Q1/62 ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังงานจะทยอยส่งมอบส่วนใหญ่ในช่วงQ2 เป็นต้นไป ตั้งเป้าปี62 ได้รับงานก่อสร้างใหม่มูลค่าราว 1.8 หมื่นลบ. - เตรียมเปิดโครงการแอสเพน ลาซาล เฟส C มูลค่ากว่า 700 ลบ. ภายในปลาย Q3/62 ด้านเซียนหุ้นดีบีเอสฯ คงคำแนะนำ ซื้อทำนายกำลังเข้าสู่ปีทองตั้งแต่ปี 62 นี้ คาดว่ากำไรหลักปี 62-63 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี ขณะที่กูรูเคที ซีมิโก้ มองโมเมนตัมกำไรดีต่อเนื่องในปี 2019 หลังงานในมือสูงเป็นประวัติการณ์

นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสแผนกธุรกิจใหม่ และวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า คาดรายได้ปี2562 จะเติบโตทะลุ 10,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วประมาณ 15,467 ล้านบาท แบ่งเป็น งานที่อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญา 592 ล้านบาท และงานที่เซ็นสัญญาไปแล้วจำนวนประมาณ 44 โครงการทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน มูลค่ารวม ประมาณ 14,875 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 50% และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2562 มีแนวโน้มเติบโตทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากBacklog ส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2562 เป็นต้นไป

นายปสันน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย บริษัท แอดวานซ์ พรีแฟบ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป ที่คาดว่าในปีนี้จะเริ่มมีกำไรสุทธิ หลังจากที่ปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ เนื่องจากจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ประมาณ 80-85% โดยปัจจุบันแอดวานซ์ พรีแฟบ มีงานที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 3,200 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปีก่อนที่สามารถสร้างรายได้ประมาณ 300-400 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าที่จะรับงานใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปีก่อนที่บริษัทมีการรับงานใหม่เข้ามาประมาณ 13,913 ล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการรับงานเข้ามาแล้ว ประมาณ 1,949 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการติดตามเตรียมเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 80,000 ล้านบาท โดยเป็นงานภาครัฐ 82%, งานรับเหมาช่วง (Subcontract) 15% และโครงการภาคเอกชน 3%

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ คาดว่าในปีนี้ จะสามารถสร้างรายได้รวมประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยบริษัทฯจะมีรายได้มาจากการทยอยโอนโครงการคอนโดมิเนียมแอสเพน ลาซาลเฟส A จำนวน 425 ยูนิต มูลค่า 780 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 88% และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 81% และ เฟส B จำนวน 398 ยูนิต มูลค่า 750 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 70% และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 48% โครงการบ้านเดี่ยวบารานี จำนวน 198 ยูนิต มูลค่า 630 ล้าน ปัจจุบันมียอดขาย (Presale) แล้ว 99% และโอนกรรมสิทธิ์แล้วทั้งหมด และโครงการ ISSI สุขุมวิท จำนวน 892 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 98% และโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 97% อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯเตรียมที่จะเปิดคอนโดมิเนียมแอสเพน ลาซาลเฟส C จำนวน 425 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ภายในช่วงปลายไตรมาสที่ 3/2562

ดีบีเอสฯ คงคำแนะนำซื้อ NWR
ราคาพื้นฐาน ที่ 1.07 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอสวิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ NWR ราคาพื้นฐาน ที่ 1.07 บาท ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างปีนี้มีความสดใส งานก่อสร้างในมือ ณ 31 ม.ค.62 สูงเป็น 15.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานที่ลงนามในสัญญาแล้ว 14.9 พันล้านบาท และงานที่ยังไม่เซ็นสัญญา 0.6 พันล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้รับเหมาก่อสร้างปีนี้ 8.0 พันล้านบาท และรายได้ที่เกิดจากการประมูลงานในปีนี้อีก 1.0 พันล้านบาท รวมเป็น 9.0 พันล้านบาทตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ประมูลงานได้อีก 1.94 พันล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ 18.0 พันล้านบาท หรือ 11% นอกจากนี้ยังมีงานที่ยื่นแล้วรอผลประมูลถึง 81.9 พันล้านบาท ณ 28 ก.พ.62 บริษัทตั้งเป้าประมูลได้ 10-20%บริษัทย่อย แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ คาดหนุนกำไรปีนี้เติบโตดี เป็นบริษัทที่ NWR ถือหุ้น 100% ธุรกิจคือผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในอาคารขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิต 10,000 คิวบิกเมตรต่อเดือน เมื่อ 4Q61 ยังมีการใช้อัตรากำลังการผลิตเพียง 60% จึงยังส่งผลขาดทุนเข้ามายัง NWR แต่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 80-85% ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกำไร มีงานในมือถึง 3.6 พันล้านบาท คาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้ราว 2.2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือไปเป็นรายได้ปี 63อีกทั้งยังมีส่วนประหยัดภาษีได้จากการขาดทุนในอดีตราว 340 ล้านบาท ใช้ไปได้อีก 5 ปี

คาดกำไรหลัก 1Q62 น่าประทับใจ เพราะมีรายได้ในส่วนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 150 ล้านบาท รายได้จาก แอ็ดวานซ์พรีแฟบราว 550 ล้านบาท และรายได้จาก UBA ซึ่งทำธุรกิจบำบัดน้ำเสียราว 138 ล้านบาท ขณะที่รายได้ในส่วนก่อสร้างอาจเป็นเพียงทรงตัว เพราะจะไปเร่งตัวในช่วง 2H62 เนื่องจากงานรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู ช่วง 1H62 ยังเป็นช่วงเตรียมงาน ทั้งนี้งานในส่วนอสังหาฯมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงเป็น 20% อีกทั้งแอ็ดวานซ์ พรีแฟบเริ่มคุ้มทุนหรือมีกำไรแล้วเทียบกับช่วงปี 61 ยังขาดทุน ตามการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

มีโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าประมาณการ (Upside Risk) ในกรณี 1) บริษัทประมูลงานได้มาก จะทำให้รายได้ก่อสร้างปีนี้ไปถึง 1.4 หมื่นล้านบาททีเดียว แต่น่าจะเห็นผลการประมูลได้ก่อน 2H62 และ 2) อัตรากำไรขั้นต้นทำได้สูงกว่าสมมุติฐานซึ่งให้ไว้เท่ากับปี 61 ที่ 8.2% สืบเนื่องจากมีรายได้จากส่วน แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ ที่พลิกมาเป็นกำไรปีนี้

คาดรายได้จากที่อยู่อาศัยและ UBA ทรงตัวในปีนี้ สำหรับรายได้ที่อยู่อาศัยปีนี้คาดว่าทรงตัว y-o-y เป็น 820 ล้านบาทจะมาจากการโอนคอนโด Aspen 450 ล้านบาท และแนวราบอีก 370 ล้านบาท และปลาย 3Q62 คาดว่าจะเปิดขายคอนโด Aspen เฟส C มูลค่า 820 ล้านบาท และเริ่มโอนได้ในช่วงปลายปี 63 โดยเริ่มก่อสร้างวางเสาเข็มก่อนตั้งแต่ พ.ค.62 ส่วน UBA ที่ทำธุรกิจบำบัดน้ำเสียให้กิจการเอกชน เป็นเวลา 30 ปี จะให้รายได้สม่ำเสมอตกปีละ 550 ล้านบาท ที่อัตรากำไรขั้นต้น 10-15%

ด้านปัจจัยลบ คือ 1) คาดว่ากำไรตามส่วนได้เสียปีนี้เข้าสู่ภาวะปกติที่ 19 ล้านบาท จากปี 61 มากถึง 87 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการ JV ขุดขนหน้าดินเหมืองแม่เมาะที่จบไปแล้ว และมีการขายสินทรัพย์ออกไป 2) ปี 61 มีกำไรพิเศษถึง 310ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินชดเชยโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ปี 62 และ 63 สมมุติไม่มีกำไรพิเศษไว้ก่อน จึงทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ลดลงมากเทียบ y-o-y แต่เราให้ความสำคัญกับกำไรหลักมากกว่า

คงคำแนะนำ ซื้อ เราคาดว่าบริษัทกำลังเข้าสู่ปีทองตั้งแต่ปี 62 นี้ โดยคาดว่ากำไรหลักปี 62-63 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปีที่กำไรหลัก 152 และ 177 ล้านบาท ตามลำดับ โต 41%/16% y-o-y ตามลำดับ ราคาหุ้นซื้อขายในเกณฑ์ถูกP/BV ปี 62 เป็นเพียง 0.5 เท่า กำหนดราคาพื้นฐานเป็น 1.07 บาท ด้วย P/BV ปี 62 ที่ 0.7 เท่า หรือ เทียบเท่า P/E ที่ 18.2เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่มอีก 30% อีกทั้งซื้อวันนี้ยังได้รับปันผลปี 61 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 0.04 บาท จากที่ไม่ได้จ่ายมาหลายปี คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผลมากถึง 4.9% XD 18 เม.ย. และจ่ายปันผล 3 พ.ค.62

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า หลังจากธุรกิจปกติของ NWR พลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในปีก่อน โมเมนตัมการเติบโตของกำไรจะดีต่อเนื่องในปี 2019E หนุนจากงานในมือที่สูงเป็นประวัติการณ์ และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2019-20E แต่ราคาเป้าหมายปี 2019E ยังคงเดิมที่ 1.20 บาท อนึ่ง NWR เป็นผู้รับเหมาเพียงรายเดียวที่เราทำการวิเคราะห์ ซึ่งยังคงซื้อขายที่ระดับต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี เราเชื่อว่าหากบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรของธุรกิจรับเหมาได้ในไตรมาสถัดๆ ไป ก็จะเรียกความเชื่อมั่น และปลดล็อคกับดักราคาหุ้นได้

---จบ---