Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : COM7 ยันไร้ผลกระทบ แอปเปิลหั่นประมาณการยอดขาย / LALIN ตั้งเป้าปี 62 โกยรายได้ 4.65 พันลบ. เปิด 8-10 โครงการใหม่

3,626

HotNews : COM7 ยันไร้ผลกระทบ แอปเปิลหั่นประมาณการยอดขาย

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (7 มกราคม  2562) 

 

COM7  ยันกรณี “แอปเปิล อิงค์” หั่นประมาณการยอดขายไอโฟนล่าสุดไม่กระทบผลประกอบการรวม  พร้อมมั่นใจยอดขายปี 2561 โตตามเป้าหมาย ระบุตลาดสมาร์ทโฟนในไทยขยายตัวได้ตามคาด เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นและมีอัตราการเปลี่ยนรุ่นสินค้าสูง ชูยอดขายไตรมาส 4 สูงสุดของปีรับไฮซีซัน

 

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีรายใหญ่ของประเทศไทย ประเภทคอมพิวเตอร์แล็บท็อป คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้อง ผ่านช่องทางการจำหน่ายหลักในนาม BaNANA, Studio7, BKK smartphone & tablet และ Brand shops เช่น Samsung, Oppo, Vivo & Huawei รวมทั้งให้บริการศูนย์ซ่อมสินค้าแบรนด์ Apple ภายใต้ชื่อ iCare เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจปี 2561 เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ สอดรับกับการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากสมาร์ทโฟนจัดเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อผู้บริโภคค่อนข้างมาก และเป็นสินค้าที่มีอัตราการเปลี่ยนรุ่นค่อนข้างสูง หลังจากที่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง การเป็นพันธมิตรในกลุ่ม TRUE จัดโปรโมชั่นทางการตลาดที่หลากหลาย ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยมีความสมเหตุสมผลและจูงใจ ให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

 


ทั้งนี้ แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 4/2561 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าได้เห็นการเติบโตที่น่าพอใจ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของตลาดสมาร์ทโฟน รวมไปถึงสินค้าอิเล็คทรอนิกส์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ค่อนข้างมาก “ส่วนกรณีที่มีความกังวลต่อความนิยมของสินค้าแอปเปิล หลังจากที่บริษัท แอปเปิล อิงค์ ให้ข้อมูลเรื่องการปรับลดประมาณการยอดขายและรายได้นั้น ไม่กระทบกับผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯ แน่นอน เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้จำหน่ายสินค้าแอปเปิลในประเทศไทย ซึ่งยังเติบโตอยู่ แม้ว่ากระแสไอโฟนรุ่นใหม่ อาจจะไม่เติบโตเท่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับรายได้ของประชากรไทยโดยเฉลี่ย แต่ยังคงมียอดขายที่ดีอยู่ ขณะเดียวกันบริษัทมีการกระจายพอร์ตการจำหน่ายสินค้า เพื่อลดความเสี่ยงการพึ่งพารายได้จากสินค้าใดสินค้าหนึ่งมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนแล้ว และบริษัทยังได้เพิ่มกลยุทธ์ ด้วยการสั่งสินค้าไอโฟนรุ่นเก่า มาขายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อปานกลาง ทั้งนี้ยอดขายสินค้าอื่นของ Apple ยังคงเติบโตมากกว่า 2 digit ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple เช่น MacBook, Apple Watch, iPad และทุกพอร์ตธุรกิจของ COM7 ก็มีการเติบโตดี โดยสังเกตได้จากช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัท ที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ Apple เช่นร้าน BaNANA, BKK และล่าสุด KingKong Phone ซึ่งรวมกันมีมากกว่า 500 สาขา ในขณะที่ร้าน Studio7 มี 100 สาขา” นายสุระกล่าว

 


โดยในปี 2560 มีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มสินค้าโทรศัพท์มือถือ 54% ไอที 27% อุปกรณ์เสริม 17% และรายได้จากการให้บริการ 2% ด้านบล.เคจีไอ ระบุอย่างไรก็ดีคาดว่ารายได้ไตรมาส 4/2561 ของ COM7 จะเป็นไตรมาสที่สูงที่สุดของปี จากปัจจัยฤดูกาลวันหยุดผลักดัน ซึ่งเชื่อว่าการปรับตัวลดลง 31.1% ของราคาหุ้นในไตรมาส 4/2561 นั้นมากเกินไป ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 62 ที่ 26.00 บาท ด้านบล.ทิสโก้ ระบุ คาดกำไรในไตรมาส 4/2561 ยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งจากแอปเปิล และสินค้าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ เช่น Samsung, Huawei ที่บริษัทเริ่มขยายพอร์ตสินค้าเพื่อกระจายการพึ่งพาสินค้าแอปเปิลลง ส่วนธุรกิจ Commercial & Education ยังเติบโตได้ดีจากฐานลูกค้าที่ต่ำโดยคงเป้าหมายที่ 900 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่ธุรกิจบริหาร True Shop ปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากปรับเปลี่ยนรูปแบบและยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งจากกำไรสุทธิใน 9 เดือนปี 2561 ที่ทำได้ถึง 72% ของประมาณการทำให้ปรับประมารการเพิ่มขึ้นอีก คาดปี 2561 ทำกำไรสุทธิได้ที่ 891 ล้านบาท โต 26% จากปีก่อน และปี 2562 มีกำไรสุทธิ 1,045 ล้านบาท โต 17.3%

 


ทั้งนี้ แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 24 บาท โดยประเมินว่ายอดขายไอโฟนที่เริ่มชะลอตัวดูเหมือนไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายของ COM7 อยู่แล้ว หลังจากที่เริ่มนำสินค้าของแบรนด์อื่นๆ เข้ามาโดยเฉพาะ Huawei ที่เป็นคู่แข่งหลักเพื่อลดการพึ่งพาสินค้าแอปเปิลลงไป แต่สิ่งที่ต้องรอลุ้นคือยอดขายไอโฟนในไทยจะชะลอลงตามจีนที่มีประเด็นเฉพาะตัวจริงหรือไม่

 

 

 

 

HotNews : LALIN ตั้งเป้าปี 62 โกยรายได้ 4.65 พันลบ.  เปิด 8-10 โครงการใหม่

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (7 มกราคม  2562) 

 

LALIN ตั้งเป้าปี 62 รายได้ 4.65 พันลบ. โต 15% พร้อมคาดโกยยอดขาย 5.3 พันลบ. ปี 62 เตรียมเปิด 8-10 โครงการใหม่ มูลค่า 4-4.5 พันลบ. วางงบซื้อที่ดินราว 1 พันลบ. นำเงินมาจากกระแสเงินสด-การโอนโครงการฯ-ออกหุ้นกู้ คาดรับผลกระทบเกณฑ์ LTV ไม่มาก  เหตุเน้นทำตลาดกลุ่ม Real Demand

 

นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) เปิดเผยว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2562 นี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มทาวน์โฮม บ้านแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยว โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8 – 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 – 4,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5,300 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,650 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 15% จากปี 2561

 

ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย มีการขยายตัวได้จาก ปีก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมที่คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ราว 4.0 – 4.3% ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนผลบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านคมนาคม ที่ขยายเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมือง ทั้งโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งโครงการที่อยู่ในแผนแม่บท ทำให้เกิดทำเลใหม่ๆ ของโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 7 โครงการ โดยสามารถทำยอดขาย และยอดรับรู้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีกำลังซื้อหลักจากกลุ่ม real demand ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง ซึ่งมีทั้งกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และกลุ่มคนวัยทำงาน

 

สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 จะเป็นปีสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง มองว่าตลาดโดยรวมยังคงเติบโตได้ แต่อาจเติบโตในอัตราที่ชะลอลง แม้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะขยายตัวได้จากปี 2561 ราว 4.0 – 4.3% ประกอบกับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี ตลอดจนการลงทุนของภาครัฐที่เป็นงบผูกพันต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดีในปี 2562 นี้ก็มีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัย ที่อาจเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะความเสี่ยงจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจากสงครามทางการค้า ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการควบคุม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 นี้ได้ ทั้งนี้สำหรับเกณฑ์ LTV ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เมษายนที่จะถึงนี้ นั้น ในแง่ของบริษัทเน้นทำตลาดในกลุ่ม Real Demand และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มาก

 

ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวถึง แผนงานด้านการตลาดว่า “ในปีนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะดำเนินธุรกิจเชิงรุก แสดงศักยภาพขององค์กรต้นแบบผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ยาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงการสร้างศักยภาพองค์กรให้เติบโตในตลาดทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง โดยในปีนี้ บริษัทฯ วางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้ประกอบการแนวหน้าของตลาด ภายใต้โครงการมิกซ์ยูส แบรนด์ ลลิล ทาวน์ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ภายใต้ทำเลยุทธศาสตร์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 – 4,500 ล้านบาท โดยวางกลยุทย์การตลาด ภายใต้แนวคิด The Urban Destination For Living สร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มอายุ 25-40 ปี ในขณะที่ยังรักษาฐานลูกค้าเก่าของลลิล และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อต่อยอด Brand Loyalty

 

ในส่วนของการพัฒนาบ้านให้ตอบโจทย์ในยุค 4.0 นายชูรัชฎ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความทันสมัย และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แท้จริง คือแนวคิดของบ้านที่บริษัทฯ พัฒนาในรูปแบบ ลลิล เพอร์เซอร์นัลไลซ์ สไตล์ (Lalin Personalized Style) ที่สามารถออกแบบและปรับฟังก์ชั่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทุกความต้องการของลูกค้า การอยู่ร่วมกันทั้งแบบครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย (Lalin Universal Society) อีกทั้งยังมีการใช้แนวคิด Eco Green ในการออกแบบและเลือกใช้วัสดุในโครงการ รวมถึงเน้นเรื่องการมีบริการหลังการขาย(CRM) ในรูปแบบ Lalin 4.0 Connectivity ที่ลูกค้าสามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล สื่อสารกับลลิล แบบทูเวย์คอมมิวนิเคชั่นอย่างรวดเร็วผ่าน Line@ LalinSociety ซึ่งทั้งหมดคือการต่อยอดมาตรฐานของลลิลที่มุ่งเน้นเรื่อง Quality of Living ที่ให้กับลูกค้าของโครงการ ทั้งนี้บริษัทฯ วางงบประมาณด้านการตลาดปีนี้ประมาณ 3 – 4%

 

ในส่วนของการลงทุน บริษัทฯ วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ที่ได้มาจากการโอนโครงการต่างๆ และอีกส่วนจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัททั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่มาก ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงทางด้านการเงินที่ต่ำ และยังคงมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากโดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน

 


ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” ได้รับรางวัลจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม Best Company Performance Awards และรางวัลผู้บริหารสูงสุดดีเด่น Best CEO Awards จากงาน SET Awards 2018 รางวัลที่การันตีคุณภาพการบริหารงานยอดเยี่ยมระดับประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่นของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในการสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลอดระยะเวลา 30 ปี และความเป็นมืออาชีพของการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดเรียล ดีมานด์ ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยจริง โดยมีผลประกอบที่เติบโตต่อเนื่อง และยั่งยืน (Sustainable Growth)

 

โดยส่วนของการลงทุน บริษัทฯ ได้วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเน้นซื้อเป็นที่ดินในกรุงเทพ กว่า 80% ส่วนที่เหลือเป็นที่ดินในต่างจังหวัด โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การโอนโครงการต่างๆ และการออกหุ้นกู้ โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.76 ซึ่งยังคงอยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

 

COM7          LALIN

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอดเท่ากับไม่เทรด By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองไม่ค่อยเห็น ผู้ชนะในเกมหุ้น แต่นักลงทุนที่รอด ชัวร์ๆ นั่นคือ หยุดเทรด ไม่เทรด ไม่ซื้อขาย ...

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้