Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : SISB เคาะราคา IPO ที่ 5.20 บาท/หุ้น จ่อเทรดในmai 29 พ.ย. 61

4,518

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (20 พฤศจิกายน 2561)

เอสไอเอสบี เคาะราคา IPO ที่ 5.20 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 22-23 และ 26 พ.ย. 61 คาดเข้าเทรดในmai 29 พ.ย. 61 ด้าน FSS ที่ปรึกษาการเงิน "เอสไอเอสบี" ระบุ ราคา IPO ที่ 5.20 บ. เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน เผยนลท.สถาบันสนใจจองซื้อล้นกว่า 13 เท่า

บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (“SISB”) ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและบริหารจัดการ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา และเป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ประเภทโรงเรียนนานาชาติ กำหนดราคาเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 5.20 บาท ต่อหุ้น

 

ทั้งนี้ SISB จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 260,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 27.66 ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยสัดส่วนการเสนอขายหุ้นแบ่งเป็น

(1) เสนอขายต่อประชาชนจำนวน 234,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.89 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

(2)เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และบุคลากรของโรงเรียนซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้รับใบอนุญาตจำนวน 26,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.77 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

 

สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ที่เสนอขายในครั้งนี้ กระทำโดยการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ซึ่งเป็นวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของนักลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา โดยการตั้งช่วงราคา (Price Range) ในระดับต่างๆ กัน แล้วเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันแจ้งราคาและจำนวนหุ้นที่ประสงค์จะจองซื้อมายังผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ทั้งนี้ บริษัทฯ ร่วมกับผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายได้กำหนดราคาหุ้นสามัญที่จะเสนอขายในครั้งนี้ที่ราคา 5.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 59.59 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 82.02 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 940 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.09 บาท ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 


นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทเอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่าได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ที่ระดับราคา 5.20 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 22-23 และ 26 พ.ย. 2561 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 29 พ.ย. นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "SISB" “การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอที่ 5.20 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพในการเติบโต โดยที่ราคาไอพีโอนี้มียอดนักลงทุนสถาบันแสดงความประสงค์จะจองซื้อเกินกว่าจำนวนที่จัดสรรถึงกว่า 13 เท่า เพราะบริษัทฯ มีรายได้ประจำสม่ำเสมอ และมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทำให้มีผลการดำเนินงานที่มั่นคง และมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติในไทยได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ปกครอง"

 


นอกจากนี้ SISB ยังมีความโดดเด่นในหลายประเด็นด้วยกัน คือ เปิดดำเนินธุรกิจด้านการศึกษานานกว่า 17 ปี มีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพพร้อมสถานศึกษาที่เป็นมาตรฐานสากล ใช้หลักสูตรการศึกษาจากสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบการศึกษาชั้นนำของโลก และที่ผ่านมาโรงเรียนในกลุ่ม SISB ได้ดำเนินการลงทุนด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งด้านการศึกษา สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แบบเวิลด์คลาส ไม่ว่าจะเป็น Sport Complex , Auditorium, หอพักนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้บริการได้อย่างเต็มที่ ปัจจุบัน SISB มีโรงเรียนนานาชาติที่บริษัทฯ เป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนโดยตรงถึง 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์สุวรรณภูมิ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย และอีก 1 โรงเรียนคือโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่ที่บริษัทร่วมค้าของบริษัทฯ เป็นผู้รับใบอนุญาต รวมมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัทฯ ทั้งหมด 5 โรงเรียน ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนมากถึง 2,334 คน จากที่เริ่มต้นมีเพียง 35 คน และมีศักยภาพที่จะรับนักเรียนเพิ่มได้มากถึง 4,175 คนการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้

 

บริษัทฯได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)

 


ส่วนวัตถุประสงค์การใช้เงินบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 1,299.06 ล้านบาท ไปใช้ดังต่อไปนี้

1. เงินทุนหมุนเวียนในการขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา จำนวน 699.06 ล้านบาท

2. ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน จำนวน 600.00 ล้านบาท บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายทีกำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียนในการบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ

 


อนึ่งบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “SISB”) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2544 โดยมีวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการพัฒนาการศึกษาและยกระดับมาตรฐานการศึกษาในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับระดับสากลโดยไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรสูงสุด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 8 ล้านบาท บริษัทฯ ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและบริหารจัดการ และให้บริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา และเป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ประเภทโรงเรียนนานาชาติ โดยบริษัทฯ เป็นผู้เริ่มนำหลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์มาใช้เป็นหลักสูตรพื้นฐานในการจัดเรียนการสอน ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

 

โดยบริษัทฯ เริ่มต้นจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพฯ แห่ง แรกขึ้นในปี 2544 ต่อมาบริษัทฯ ได้ขยายการประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดเพิ่มเติม โดยในปี 2556 บริษัทฯ ได้รับโอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ประเภทโรงเรียนนานาชาติจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์สุวรรณภูมิ และในปี 2560 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี และในเดือนกรกฎาคม 2561 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสิงค์โปร์เอกมัย เพิ่มเติม จึงทำให้ในปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงเรียนนานาชาติที่บริษัทฯ เป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนโดยตรงรวมทั้งหมด 4 โรงเรียน

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ร่วมทุนในลักษณะกิจการร่วมค้า (Joint Venture) กับกลุ่มนักธุรกิจชาวเชียงใหม่ โดยได้จัดตั้งบริษัท เอสไอเอสบี สิริ จำกัด ขึ้นในปี 2559 เพื่อประกอบธุรกิจเป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เชียงใหม่ โดยได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเมื่อเดือนธันวาคม 2559

ปัจจุบัน โรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัทฯ มีจำนวนทั้งหมด 5 โรงเรียน ซึ่งเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นก่อนประถมศึกษา (เตรียมอนุบาล) จนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุดถึง 4,175 คน โดยมีทั้งโรงเรียนนานาชาติซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียนโดยตรง และโรงเรียนนานาชาติซึ่งบริษัท เอสไอเอสบี สิริ จำกัด (กิจการร่วมค้า) เป็นผู้รับใบอนุญาตในการจัดตั้งโรงเรียน

 


ในปี 2558-2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 517.85 ล้านบาท จำนวน 608.58 ล้านบาท และจำนวน 746.35 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 17.52 และร้อยละ 22.64 โดยรายได้หลักของกลุ่มบริษัทฯ คือรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 98 ของรายได้รวม รายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษาของกลุ่มบริษัทฯ สามารถแบ่งได้เป็น (1) รายได้จากการจัดการศึกษา เป็นรายได้จากให้บริการจัดการเรียนการสอนทั้งที่เป็นการศึกษาตามหลักสูตร การศึกษานอกหลักสูตร ตลอดจนค่าธรรมเนียมจากการบริการอื่นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงเรียน ในปี 2558-2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการจัดการศึกษาจำนวน 487.80 ล้านบาท 570.45 ล้านบาท และ 695.28 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 16.94 และร้อยละ 21.88 ตามลำดับ

 

โดยการเติบโตของรายได้จากการจัดการศึกษาสอดคล้องกับจำนวนนักเรียนของโรงเรียนที่บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2558-2560 มีจำนวนนักเรียนเท่ากับ 1,532 คน 1,705 คน และ 1,977 คน ตามลำดับ และ (2) รายได้ค่าสมัครเรียนและค่าแรกเข้า ซึ่งเป็นรายได้จากค่าใบสมัคร ค่าสอบวัดระดับ และค่าธรรมเนียมแรกเข้าของนักเรียนที่สมัครเรียนที่โรงเรียนที่บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตโดยตรง โดยในปี 2558-2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ค่าสมัครเรียนและค่าแรกเข้าจำนวน 19.59 ล้านบาท 27.16 ล้านบาท และ 35.55 ล้านบาท โดยรายได้ค่าสมัครเรียนและค่าแรกเข้าเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.61 ในปี 2559 และร้อยละ 30.91 ในปี 2560 ซึ่งเติบโตตามจำนวนนักเรียนเข้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี




ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 690.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 25.92% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 71.54 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 38.79% ขณะที่มี EBITDA เติบโตสม่ำเสมอ โดยล่าสุดอยู่ที่ระดับ 187.69 ล้านบาท



ด้านนาย ยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการระดมทุน เพื่อนำไปพัฒนาโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ในกลุ่มให้มีคุณภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายให้ลดลงจากปัจจุบันที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี

 

ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการเติบโตได้ต่อเนื่อง และภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนจะลดลง ต่ำกว่า 0.5 เท่า "การระดมทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการพัฒนาเพื่อยกระดับการเป็นผู้ให้บริการการศึกษาที่มีมาตรฐานระดับสากล เพิ่มศักยภาพของนักเรียนให้ทัดเทียมระดับอินเตอร์ สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ SISB เพื่อมุ่งสู่การเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำในประเทศไทย และในภูมิภาค โดยมีแผนเพิ่มจำนวนนักเรียนทั้งหมดภายในกลุ่มให้มากกว่า 4,000 คน ภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันที่มีนักเรียนประมาณ 2,334 คน

 

SISB

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้