Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: BCP คุยค่าการกลั่นปีนี้ พุ่งเป็น 7.5 เหรียญ/บาร์เรล -งบQ3 สวย -LIT ปีนี้ปล่อยสินเชื่อทะลุ 1 หมื่นลบ.

1,151

 
 
 
 


HotNews: BCP คุยค่าการกลั่นปีนี้ พุ่งเป็น 7.5 เหรียญ/บาร์เรล -งบQ3 สวย
-LIT ปีนี้ปล่อยสินเชื่อทะลุ 1 หมื่นลบ.
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  8 กันยายน  2560 ) --------BCP คาดงบQ3/60 ดีกว่าQ2/60 เหตุดีมานด์ในตปท. พุ่ง จากบางประเทศปิดชัตดาวน์ -สหรัฐฯเจอเฮอริเคนฮาร์วีย์ หนุนความต้องการ คาดค่าการกลั่นปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 7.5 เหรียญ/บาร์เรล - มั่นใจปีนี้ EBITDA โต20%  ปีหน้าเตรียมลุยเปิด สถานีบริการน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน
LIT เดินหน้าชำระหนี้ตั๋ว B/E คาดสิ้นปีลดเหลือ100 ลบ. จากปัจจุบัน 303 ลบ. จะออกหุ้นกู้ วงเงิน 115 ลบ. ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นำเงินรองรับขยายธุรกิจ ยันคุม NPL ปีนี้ไม่เกิน 5% แม้สิ้น Q2/60 เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.34%    คาดปีนี้ปล่อยสินเชื่อกว่า 1 หมื่นลบ.พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2.2  พันลบ.

นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายยุทธศาสตร์และวางแผนจัดหาน้ำมัน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า  คาดผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/60 จะดีกว่าไตรมาส 2/60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 4.35 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 992 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3/60 ได้รับอนิสงค์จากปัจจัยต่างประเทศที่มีความต้องการมากขึ้น หลังเกิดพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ขึ้นฝั่งที่เมืองร็อกพอร์ต ริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเทกซัส ที่สร้างความเสียหายที่อาจเกิดขึ้้นต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของรัฐเท็กซัส ที่มีกำลังการผลิตคิดเป็น 17% ของปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตได้ต่อวัน ซึ่งแท่นขุดเจาะน้ำมันและโรงกลั่นรวมเกือบ 40 แห่งบริเวณอ่าวเม็กซิโกระงับการผลิตน้ำมันชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ประกอบกับโรงกลั่นในบางประเทศได้ปิดเพื่อซ่อมบำรุง ทำให้บริษัทคาดว่าจะค่าการกลั่นในไตรมาส 3/60 สูงกว่าไตรมาส 2/60 ที่ทำได้ 6.38 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล 
พร้อมกันนี้บริษัทคาดว่าในปีนี้ค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้บริษัทมั่นใจกำไรก่อนหักดอกเบี้ยน ภาษีนิติบุคคลค่าเสื่อมและค่าจัดจำหน่าย หรือ EBITDA ในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.16 หมื่นล้านบาท 
ขณะที่คาดว่าปริมาณการกลั่นจะอยู่ที่ 1.11 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.01 แสนบาร์เรลต่อวัน  ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้คาดเฉลี่ย 51-52 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากปัจจุบันที่ประมาณ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล จากที่กลุ่มโอเปกและนอนโอเปกมีการลดกำลังการผลิต
  นอกจากนี้บริษัทมีแผนการเปิดสถานีน้ำมันในปีนี้เพิ่มอีก 80 สาขา และจะมีการปิดสาขาเดิมจากเจ้าของที่ดินไม่ต่อสัญญา ทำให้ปีนี้จะมีสาขาเพิ่มประมาณ 40 สาขา  โดยจะเน้นทำเลยุทธศาสตร์ที่สามารถสร้างรายได้ และเพิ่มยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกรดพรีเมียม รวมทั้งจะขยายสถานีบริการชุมชนเพิ่มขึ้นอีก 15 แห่ง รวมเป็น 625 แห่ง
พร้อมทั้งมีแผนเปิดร้านกาแฟอินทนินในปีนี้ให้อยู่ที่ 500 สาขา จากครึ่งปีแรก 404 สาขา และเพิ่มเป็น 900 สาขาในปี 64  ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าหมายขยายร้าน SPAR Supermarket เพิ่มอีก 34 สาขาภายในปี 60 และจะขยายให้ได้ครบ 400 สาขาในปี 64 
  อีกทั้งมีแผนที่จะเปิดสถานีบริการน้ำมันในประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนในต้นปี 61  ซึ่งตามแผน 3 ปีข้างหน้าจะขยายสถานีบริการน้ำมันให้เป็น 800 สาขา  


นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีซ อิท จำกัด (มหาชน) (LIT)  เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเดินหน้าชำระหนี้ตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) ให้เหลือเพียง 100 ล้านบาท  จากปัจจุบันมีหนี้ตั๋ว  B/E  อยู่ราว  303 ล้านบาท  โดยหวังว่าจะชำระได้ทั้งหมด ในช่วงไตรมาส 1/2561  
ขณะที่บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ชุดสุดท้ายภายในปีนี้อีก 115 ล้านบาท จากในช่วงที่ผ่านมาทำการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 385 ล้านบาท  ตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในรอบที่ผ่านมาอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงิน 500 ล้านบาท  โดยจะนำเงินมาขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตต่อไป 
พร้อมกันนี้บริษัทพยายามควบคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ให้เกินระดับ 5% แม้ว่าช่วงสิ้นไตรมาส 2/2560 จะเร่งตัวมาอยู่ที่ 4.34%  ขณะที่ปีก่อนที่ระดับ NPLอยู่ราว3% 
ทั้งนี้สำหรับNPLที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นมาจากกลุ่มสินเชื่อการรับโอนสิทธิเรียกร้องหรือการรับซื้อหนี้เพื่อมาบริหาร ยังค่อนข้างมีปัญหาสูงแต่มีการติดตามหนี้ค่อนข้างยาก โดยทางบริษัทได้หันมาปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มโปรเจกส์ไฟแนนซ์และกลุ่มหนังสือค้ำประกันการเข้าประมูลงานที่จะทำการกู้เพื่อขอยอดเงินเข้าไปประมูลงานต่างๆ  
ขณะที่การตั้งสำรองในช่วงสิ้นไตรมาส2/2560 ที่ผ่านมานั้นอยู่กว่า 3% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการแต่อย่างใด  โดยการปล่อยสินเชื่อในปัจจุบันนั้นแบ่งเป็นกลุ่มเอกชน 30% และภาครัฐฯ 70%
สำหรับ แนวโน้มสินเชื่อ รายได้ และกำไร ในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลเดินหน้าขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ลูกค้าเอสเอ็มอีมีความต้องการสินเชื่อตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมากขึ้น 
              “มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมให้ไปถึง 2,200 ล้านบาท และกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย 30% และช่วยผลักดันให้รายได้ สินเชื่อ และกำไรของบริษัท ทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
              แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯเป็นคู่ค้าของภาครัฐ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเร่งขยายการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้ง LIT นั้น มีจุดแข็งที่สำคัญ ที่ทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เนื่องจากปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ให้วงเงินสูง ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และมีสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SMEs ที่ทำงานภาครัฐ เช่น สินเชื่อเพื่อออกหนังสือค้ำประกันซองประมูล (Bid Bond) สินเชื่อเพื่อสนับสนุนโครงการ (Project Backup Finance) และบริการรับซื้อหนี้ทางการค้า (Factoring) ทำให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการสินเชื่อของ LIT อย่างต่อเนื่อง  และที่สำคัญบริษัทฯเพิ่งได้รับเงินทุนจากการออกหุ้นกู้มาอีก 300 ล้านบาท ทำให้บริษัทพร้อมลุยปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนงานภาครัฐเต็มกำลัง 

----จบ--- 



 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้