สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (8 พฤศจิกายน 2561)

MTC ปี 62 ตั้งเป้ารายได้ - กำไรสุทธิ - สินเชื่อปล่อยใหม่ เติบโต 35% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เล็งเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา เป็น 4,500 สาขา    แย้มสิ้นปีนี้เตรียมเดินสายโรดโชว์ 3 ประเทศ หวังเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็น 11% จากปัจจุบัน 9%

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจกำไรสุทธิไตรมาส 4/2561 จะแตะที่ระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส3/2561 ที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 965 ล้านบาท หลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเพราะมีเทศกาลต่างๆไม่ว่าจะเป็น ออกพรรษา คริสมาสต์หรือแข่งเรือ ซึ่งบริษัทฯคาดว่าเทศกาลเหล่านี้จะทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น และมั่นใจว่า ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ รวมปีนี้ไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท

ขณะที่บริษัทฯมั่นใจรายได้ และกำไรสุทธิ รวมทั้งสินเชื่อปล่อยใหม่ของปี 2561 จะเติบโต 40% จากปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังสิ้นปีนี้บริษัทฯจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 3,300 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3,200 สาขา พร้อมกันนี้ในสิ้นปี2561 บริษัทฯตั้งเป้าควบคุมหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ไม่เกิน 1.5 เท่า จากปัจจุบัน 1.26 เท่า นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ และกำไรสุทธิ รวมทั้งสินเชื่อปล่อยใหม่ เติบโต 35% จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา เป็น 4,500 สาขา ประกอบกับมีข่าวดีเรื่องของการเลือกตั้ง

ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้นักลงทุนชาวต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น "ปีหน้ารวมๆเศรษฐกิจดี มีข่าวดีจากการเลือกตั้ง เงินสะพัด ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีโครงการรถไฟฟ้า 3 สนามบิน รถไฟฟ้าความเร็วสูงอีก กำลังซื้อของเกษตกรก้ฟื้นตัวหลังราคาข้าวเพิ่มขึ้น ประชาชนก็เริ่มีเงินมาชำระหนี้ "นายชูชาติ กล่าว ขณะเดียวกันต้นทางการเงินของบริษัทฯปี 2562 มีแนวโน้มสูงขึ้นตามสหรัฐอเมริกา หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้มีการออกหุ้นกู้ระยะ 3-4 ปี เพื่อเป็นการล็อคต้นทุนทางการเงินเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งจะทำให้มีต้นทุนดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.1- 4.3% สำหรับ ใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจจำนำทะเบียน ภายใต้การกำกับการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะออกเกณฑ์มาในเดือนพฤศจิกายน นี้ บริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งจะทำให้ในอนาคตสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อพรีโลนของบริษัทเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะที่บริษัทฯเตรียมเดินสายให้ข้อมูลแก่นักลงทุนต่างชาติในเดือนธันวาคม นี้ ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย และฮ่องกง เพื่อเป็นการชักกชวนนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุน

โดยบริษัทฯคาดหวังเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติ เป็น 11% จากปัจจุบันอยู่ที่ 9% "ปีนี้เราจะโรดโชว์ 3 ประเทศ มาเลย์ , สิงคโปร์ ,ฮ่องกง เพื่อเป็นการชักชวนนักลงทุนชาวต่างชาติมาลงทุน และเราก็ต้องการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็น 11% จากเดิมอยู่ที่ 9% เพราะเรามองว่าต่างชาติถ้าถือเขาจะถือยาวไป 5-10 ปี "นายชูชาติ กล่าว

-------------------------------------------------

SAWAD  ทุ่ม 1.1 พันล้านบาท ลุยซื้อหนี้มีหลักประกันจาก 2 แบงก์พาณิชย์ เผยช่วงโค้งสุดท้ายยังมีหนี้จ่อประมูลอีกเพียบ คาดว่ามีความสามารถเรียกเก็บหนี้ประมาณ 30-50% พร้อมตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้ปีหน้าไว้ที่ 3 พันล้านบาท

ด้านนางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ซิ้อหนี้จากธนาคารพาณิชย์ 2 แห่ง ด้วยเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.1 พันล้านบาท โดยในเดือนกันยายน 2561 ซื้อหนี้ประมาณ 600 ล้านบาท และเดือนตุลาคม 2561 ซื้อเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เป็นหนี้ที่มีหลักประกันบ้านและที่ดินทั้งหมดโดยซื้อในนามบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี จำกัด (SWP AMC)

ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SAWAD นางสาวธิดา กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทยังเหลืองบลงทุนประมาณ 1- 2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการประมูลซื้อหนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และปีหน้าได้ตั้งงบลงทุนพื่อการซื้อหนี้มาบริหารประมาณ 3 พันล้านบาทผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า สิ้นสุดไตรมาส 2/2561 บริษัทบริหารสินทรัพย์เอสดับบลิวพี จำกัด มีมูลหนี้ที่มีสิทธิในการเรียกเก็บหนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหนี้ที่กำลังเจรจาลูกหนี้เพื่อชำระหนี้ และบางส่วนก็อยู่ในระหว่างการนำทรัพย์ออกมาประมูลขาย โดยบริษัทคาดว่าจะมีความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ประมาณ 30-50%

"SAWAD ยังคงเดินหน้าซื้อหนี้ เพราะมั่นใจว่ามีศักยภาพในการบริหารจัดการหนี้ที่ซื้อมาได้เป็นอย่างดี เพราะเรามีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเกือบ 3 พันสาขา ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสืทธิภาพ โดยจะเน้นเฉพาะหนี้ที่มีหลักประกันเท่านั้น" นางสาวธิดากล่าว

MTC    SAWAD