Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : WHA ลุ้นรายได้ปีนี้โตทะลุเป้า 20% / SCC ลั่นยอดขายปีนี้โต 7%

3,475

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 ตุลาคม 2561)

WHA ลุ้นรายได้ปีนี้โตทะลุเป้า 20% หลังเตรียมเซ็นสัญญาขายที่ดินลูกค้ารายใหญ่ 4-5 ราย รวมราว 2 พันไร่ คาดพื้นที่คลังสินค้าให้เช่าปีนี้ ทะลุเป้า 2.5 แสนตร.ม. หลังลูกค้ารายใหญ่รอเซ็นสัญญากว่า 1.1 แสนตร.ม. เล็งชงบอร์ดอนุมัติแผนงาน 5 ปี (ปี 62-66) ภายใน พ.ย. นี้ เตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 6-7 พันลบ. ภายในครึ่งปีแรกของปี 62 หวังนำเงินไปรีไฟแนนซ์เงินกู้ - ลดต้นทุนการเงิน  เตรียมเซ็น MOU กับ ยูนนานกรุ๊ป ศึกษาเส้นทางโลจิสติกส์โครงการ BRI จีน 6 พ.ย. นี้ 

 

 

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ปีนี้ (2561) มีแนวโน้มเติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 12,409.96 ล้านบาท เนื่องจากในขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญาขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่ประมาณ 4-5 ราย รายละ 300-400 ไร่ รวมที่ดินทั้งหมดที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา ประมาณ 2,000 ไร่ และในเบื้องต้นบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ 1 รายภายในสิ้นปีนี้

 

นอกจากนี้บริษัทฯมียอดรอโอนที่ดิน 200-300 ไร่ จำนวน 1 ราย มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมกับลูกค้ารายใหญ่ที่รอเซ็นสัญญา คาดว่าจะสามารถโอนได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้าหากบริษัทฯสามารถที่จะเซ็นสัญญากับลูกค้าตามจำนวนดังกล่าว จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯสามารถเติบโตทะลุเป้าหมายที่ 20% ได้

 

ขณะที่สถาการณ์สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างสหรัฐ-จีน ที่มีความยืดเยื้อ มองว่าจะส่งผลดีกับบริษัท เนื่องจากลูกค้าจีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ และลูกค้าต่างประเทศที่ทำธุรกิจในจีนย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย โดยขณะนี้มีลูกค้าจีนมาเจรจาขอซื้อดินที่ดิน และเช่าพื้นที่คลังสินค้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯมีนิคมอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่รวมถึงใน EEC ที่วามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก

 


พร้อมกันนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าให้บริการพื้นที่คลังสินค้าเช่าในปี 2561 ไม่ต่ำกว่า 250,000 ตารางเมตร โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ทำสัญญาเช่าไปแล้วกว่า 60,000 ตารางเมตร และในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาบริษัทได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่กับนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 130,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริหารพื้นที่เช่าไปแล้วกว่า 190,000 ตารางเมตร อีกทั้งในขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาและรอเซ็นสัญญากับนักลงทุนรายใหญ่ต่างประเทศ 2 ราย ซึ่งมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้า 40,000 -50,000 ตารางเมตร 1 ราย และ 60,000 ตารางเมตร อีก 1 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนไม่เกินปลายปีนี้

 


สำหรับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทในประเทศไทยปัจจุบัน บริษัทฯมีพื้นที่ทั้งหมดรวมกัน 9 แห่ง และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดระยอง ภายในไตรมาส 4/2561 ซึ่งจะทำให้ในปีนี้บริษัทฯมีนิคมอุตสาหกรรมรวมกันทั้งหมด 10 แห่ง ขณะที่ต่างประเทศ บริษัทฯมีนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซียโดยบริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมเซ็น MOU ในประเทศเวียดนามกับลูกค้า 40 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้ และในปีหน้าบริษัทคาดว่า จะสามารถเซ็น MOU ในประเทศเวียดนามเพิ่มอีก 100 ไร่

 


อีกทั้งบริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนด้านโลจิสติกส์ในลาวอีกด้วย และในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ บริษัทฯเตรียมเข้าไปเซ็นสัญญา(MOU) กับ "ยูนนานกรุ๊ป" ในงานเซี่ยงไฮ้อินเตอร์เนชั่นเนลอิมพอร์ตเอ็กซ์โป ในการร่วมศึกษาเส้นทางโลจิสติกส์ยูนนาน สปป.ลาว และไทย (Belt and Road Initiative หรือ BRI ) ร่วมกัน เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมร่วมกันในอนาคต

 

ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เพื่อนำเงินไปรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่ได้ออกไป และลดต้นทุนดอกเบี้ย จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 4% นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมนำแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2562-2566) ที่บริษัทได้มีการเพิ่มเป้าหมายรายได้ เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่ออนุมัติแผนงานดังกล่าว เนื่องจากการสนับสนุนการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC), การเลือกตั้งชัดเจนมากขึ้น

 

ส่วนกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท หรือ WHART ที่ได้ประกาศเพิ่มทุนครั้งที่3 เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่4 มูลค่าไม่เกิน 4,464.50 ล้านบาท โดยหลังเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้ขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 32,800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเสนอขายได้ในช่วงเดือน พฤศจิกายนนี้และสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในบริษัทฯในช่วงไตรมาส 4/2561 โดยการเพิ่มทุนดังหล่าวบริษัทได้มีการขายสินทรัพย์จำนวน 4 โครงการ แบ่วออกเป็นโครงการภายใต้การบริหารของบริษัท ได้แก่ โครงการ WHA Mega Logistics Center และโครงการ DSG HSIL จังหวัดสระบุรี ในอีก 2 โครงการที่เหลือเป็นโครงการร่วมทุน ได้แก่ Central WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 63) และโครวการ WHA KPN Mega Logistics Center (บางนา-ตราด กม.23) เป็นต้น

 

อีกทั้งบริษัทฯ ได้ยื่นขอประกาศเขต อี-คอมเมิร์ซ พาร์ค (E-Commerce Park) ในนิคมอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพื้นที่ในนิคมดังกล่าวมีพื้นที่จำนวน 232 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าซื้อพื้นที่ไปแล้วกว่า 160 ไร่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ใน 2-3 เดือนจากนี้ เพื่อหวังสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

 


ด้านนายปิยะพงศ์ พินธุประภา กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์ในอีก 2 ปีข้างหน้า (2562-2563) จะสามารถเติบโตแตะ 40,000 ล้านบาท จากสิ้นปีนี้ที่อยู่ที่ 32,800 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯได้มีการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเฉลี่ย 150,000 ตารางเมตร/ปี หรือเติบโต 11-12% และมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินที่บริษัทฯเข้สไปลงทุนนั้นเป็นการลงทุนในทรัพย์สินของ WHA และการลงทุนในทรัพย์สินภายนอก WHA โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งบริษัทฯมองว่าในอนาคตจะมีความต้องการสร้างคลังสินค้าจำนวนมากในพื้นที่ดังกล่าว



ขณะเดียวกันบริษัทฯมีสัดส่วนเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 30% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด และในระยะกลางบริษัมฯจะพยายามรักษาสัดส่วนการกู้ไม่ให้เกิน 35% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมด โดยบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่า 3,800 ล้านบาท ในช่วงปลายไตรมาส 1/2562 หรือต้นไตรมาส 2/2562 เพื่อเป็นการควบคุมต้นทุนทางการเงิน ในทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3%

---------------------------------------------------------------------------------------------

 

ด้าน SCC คาดยอดขายปีนี้โต 7%  จากปีก่อนที่ทำได้ 4.82  แสนลบ. ประเมินความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ปีนี้ โต 5% หลังความต้องการเพิ่มขึ้น  เล็งปรับลดงบลงทุน ปี 62 จากเดิม 5-6 หมื่นลบ. เหตุ เศรษฐกิจโลกผันผวน คาดชัดเจนสิ้นปี 61

 

 

ด้านนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดยอดขายปี 2561 จะเติบโตราว 7% จากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 482,449.47 ล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดขาย 361,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศเฉลี่ยทั้งปีจะเติบโตราว 5% ตามโครงการของภาครัฐบาลและเอกชน ที่คาดความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นจากโครงการของภาครัฐบาลที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาคเอกชนยังคงมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดว่าช่วงไตรมาส 4/2561 ยอดขายจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

"ความต้องการปูนซีเมนนต์ยังถือว่าเติบโตค่อนข้างมาก โดยบริษัทฯคาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ปีนี้จะเติบโตราว 5% จากเดิมคาดโต 1-3% เพราะได้รับแรงหนุนจากโครงการลงทุนต่างๆของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับธุรกิจในส่วนอื่นๆ ทั้งธุรกิจปิโตรเคมี และธุรกิจแพคเกตจิ้ง ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 4/2561 ธุรกิจปูนซีเมนต์เรายังคงไปได้ดี จากโครงการภาครัฐและเอกชน ขณะนี้ยังไม่มีโครงการไหนที่ชะลอตัว ประกอบกับมีโครงการในการลงทุนค่อนข้างเยอะ ก็จะช่วยหนุนยอดขายรวมเราได้" นายรุ่งโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกจาก ธุรกิจปิโตรเคมีอยู่ที่46% ธุรกิจปูนซีเมนต์ 30% และธุรกิจแพคเกจจิ้ง 20%

 

ขณะที่บริษัทฯเล็งส่งออกสินค้าประเภทปิโตรเคมีไปยังประเทศจีนมากขึ้น หลังเกิดปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน โดยบริษัทฯมองว่าเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังจีนกับสหรัฐได้มากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกจฝสินค้าปิโตรเคมีไปจีน 5% อย่างไรก็ตามบริษัทฯอยู่ระหว่างวางแผนปรับลดงบลงทุนปี 2562 จากเดิมที่วางไว้ราว 5-6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศมีความผันผวน ตามเศรษฐกิจโลก หลังเกิดประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ขณะนี้ยังคงหาข้อสรุปไม่ได้ โดยแผนดังกล่าวคาดว่าจะมีความชัดเจนสิ้นปี2561

 


" เรากำลังอยู่ในช่วงวางแผนปรับลดงบการลงทุนปี 2562 สำหรับโครงการที่วางไว้แล้ว เช่นโครงการปิโตรเคมีที่เวียดนามและโครงการปิโตรเคมีที่ไทย รวมทั้งอาจมีบางโครงการที่ต้องชะลอการลงทุนเช่นกัน ตลอดจนบางโครงการในอนาคตเราอาจมีการ่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพในการลงทุน" นายรุ่งโรจน์ กล่าว

 

ส่วนความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP ในเวียดนาม เริ่มดำเนินการออกแบบวิศกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และเตรียมที่ดินสำหรับการก่อสร้างแล้ว หลังเสร็จสิ้นการลงนามสัญญาเงินกู้กับ 6 สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2566 จะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ และประเมินว่าในปี 2567 จะสร้างยอดขายได้เต็มประสิทธิภาพหรือราว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

อนึ่ง SCC รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 122,518 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีกำไรสำหรับงวด 9,473 ล้านบาท ลดลง 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ และส่วนต่างราคาที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์

 


ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนของปี 2561 มีรายได้จากการขาย 361,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันของปี ก่อนจากทุกกลุ่มธุรกิจโดยมีกำไรสำหรับงวด 34,281 ล้านบาท ลดลง19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ และการด้อยค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม เท่ากับ 592,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2560 จำนวน 18,987 ล้านบาท

 

WHA      SCC

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น หวยออก By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ลุ้น หวยออก ระหว่างรอ ครม. ระหว่างรอผลประชุม เฟด เงินบาทแข็งค่า.....

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้