สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 กันยายน 2561)

IVL เตรียมปิดดีลซื้อกิจการ 3 ดีล มูลค่ารวมไม่ถึง 800 ล้านเหรียญฯ ภายใน Q3/61 เล็งปรับเป้า EBITDA ปี 62 เพิ่มขึ้น จากเดิมคาดทำได้ 1.75 พันล้านเหรียญฯ หลังปิดดีลซื้อกิจการ-ธุรกิจเดิมโตต่อเนื่อง

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดปิดดีลการเจรจาเข้าซื้อกิจการจำนวน 3 กิจการ มูลค่ารวมไม่ถึง 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 3/2561 ได้แก่ บริษัท M&G USA Corp. และลูกหนี้ที่เกี่ยวข้อง (M&G) โดยบริษัทได้เข้าซื้อทรัพย์สินของโรงงาน PTA-PET แบบบูรณาการ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ตั้งอยู่ที่เมืองคอร์ปัส คริสตี (Corpus Christi) มลรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (โครงการคอร์ปัส คริสตี) รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญาและทรัพย์สินที่ใช้ผลิตสาธารณูปโภคของ M&G ซึ่งโครงการคอร์ปัส คริสตี อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิต PET อยู่ที่ 1.1 ล้านเมตริกตัน และมีกำลังการผลิต PTA อยู่ที่ 1.3 ล้านเมตริกตันต่อปี

ซึ่งโรงงานแห่งนี้คาดว่าจะเป็นโรงงานผลิต PTA และ PET แบบบูรณาการในแนวดิ่ง (Vertically Integrated) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นโรงงานผลิต PTA ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา โดยบริษัทจะเข้าซื้อโดยการให้ Indorama Ventures Holdings LP (IVHLP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า Corpus Christi Polymers LLC โดยเป็นการร่วมลงทุนกับบริษัท Alpek, S.A.B. de C.V. (Alpek) และบริษัท Far Eastern Investment (Holding) Ltd. (Far Eastern) ในสัดส่วนที่เท่ากันเพื่อเข้าซื้อกิจการ

ส่วนกิจการที่2 คือ บริษัท KORDRNA Plus a.s. สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งทอสำหรับยางในรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป มีโรงงานผลิตหนึ่งแห่งในสาธารณรัฐเช็กและอีกแห่งหนึ่งในสาธารณรัฐสโลวัก และมีกำลังการผลิตสิ่งทอสำหรับยางในรถยนต์และสิ่งทอทางเทคนิครวม 57,000 ตันต่อปี โดยบริษัทฯได้ให้บริษัท Indorama Ventures Spain S.L. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสัดส่วน 100%

สำหรับกิจการที่ 3. คือ กิจการ DuPont Teijin เป็นกิจการผลิตฟิล์มโพลีเอสเตอร์ Biaxially-Oriented Polyethylene (BOPET) และ Polyethylene Naphthalate(PEN)ชั้นนำของโลก ซึ่งอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HighValueAdded) และใช้เป็นวัสดุพิเศษ สำหรับใช้งานเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยกิจการ DuPontTeijin ประกอบด้วยโรงผลิตทั้งหมด 8 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรปและ สาธารณรัฐประชาชนจีน และมีกำลังการผลิตฟิล์มและวัสดุโพลิเมอร์รวม 277,000 ตัน /ปี โดยบริษัทจะเข้าซื้อหุ้น 100%

ด้านแหล่งเงินทุนในการลงทุนดังกล่าวจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท (free cash flow) ราว 1,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็น 30,000 ล้านบาท /ปี โดยการเข้าซื้อกิจการนั้นบริษัทจะไม่มีการเพิ่มทุน

ขณะที่หลังจากที่บริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเดือนธันวาคม 2561- มกราคม 2562 บริษัทจะมีการทบทวนปรับเพิ่มเป้าหมาย EBITDA ปี 2562 จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1,750 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากเดิมที่บริษัทได้ตั้งเป้าไว้ ยังไม่ได้นำการเข้าซื้อกิจการมาคำนวนไว้ด้วย

ทั้งผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2561 บริษัทได้รับปัจจัยบวกจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกๆผลิตภัณฑ์ อาทิ PET , PTA , พาราไซลีน ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับราคาในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะส่งผลทำให้ EBIDA ในปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตมากกว่า 12% จากเป้าหมายเฉลี่ยในช่วง 5 ปี ที่บริษัทฯตั้งเป้าไว้ว่าจะโตเฉลี่ย 12% ต่อปี

"เมื่อก่อนเราโตเยอะๆ ก็เพราะว่าเรายังเป็นกิจการเล็กๆ แต่ในปัจจุบันเราปรับนโยบายการเติบโตใหม่ โดย EBITDA จะเติบโต 2 เท่า ในทุกๆ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2014 -2018 ซึ่งนับแล้วเราจะโตเฉลี่ยปีละ 12% ในแต่ละปีอาจจะโตต่ำกว่า 12% บ้าง หรือ มากกว่า 12% บ้าง ก็มาถัวเฉลี่ยกันไป หลังจากนี้ก็จะนับใหม่ตั้งแต่ 2019 เป็นต้นไป แต่ในปีนี้เรามั่นใจว่า EBITDA ของเราจะโตมากกว่า 12% จากการดำเนินงานของบริษัท และจากกิจการอื่นๆที่เราได้เข้าไปซื้อมาก่อนหน้านี้ รวมถึงเรายังมองหาที่จะเข้าซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่อง" นายอาลก กล่าว

IVL