Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews:CK จ้องชิงเค้กงานใหม่ 4 แสนลบ. ลุ้นคว้า 20-25%

1,977


HotNews:CK จ้องชิงเค้กงานใหม่ 4 แสนลบ.
ลุ้นคว้า 20-25%


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 27 เมษายน 2561)-------- "สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ " แม่ทัพหญิง CK คาดรายได้รวมปี61ใกล้เคียงปีก่อนที่ 3.77 หมื่นลบ. เผยปัจจุบันมีBacklog ราว 7.2 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 ปีจากนี้ คาดปี61 โครงการภาครัฐเปิดประมูล 3- 4 แสนลบ.ตั้งเป้าคว้าส่วนแบ่ง20-25% คาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ อยู่ที่ราว8% ใกล้เคียงปีก่อน เน้นงานมาร์จิ้นสูง คาดงบไตรมาส1/61 ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุงานใหม่ออกมาค่อนข้างน้อย เตรียมออกหุ้นกู้ 2 พันลบ. ในเดือน ก.ค.-ส.ค. นี้

 

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) CK เปิดเผยว่า คาดรายได้รวมปี 2561 จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้ 3.77 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ราว 72,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 2 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตามหากบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะทำให้รายได้จากงานก่อสร้างมีโอกาสที่จะสูงกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท โดยทิศทางของอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีโครงการก่อสร้างซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วน ที่จะออกมา ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่างานไม่ต่ำกว่า 3-4 แสนล้านบาท ประกอบไปด้วย โครงรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะมูลค่า 130,000 ล้านบาท , โครงการทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง มูลค่า 310,000 ล้านบาท , โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่ารวมประมาณ 400,000 ล้านบาท , โครงการมอเตอร์เวย์ บางปะอิน - นครราชสีมา ค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 33,000 ล้านบาท , โครงการมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรีค่าตอบแทนเอกชนมูลค่า 27,000 ล้านบาท รวมไปถึงโครงการโครงการโครงสร้างพื้นฐานในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC เช่นโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ระยะทางรวม 220 กม. มูลค่ารวม 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทเตรียมความพร้อมเข้าประมูลงานทุกโครงการ โดยตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้าง 20-25%


สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ระยะทางรวม 220 กม. มูลค่ารวม 200,000 ล้านบาท ถือเป็นโครงการที่ใหญ่มาก ทั้งในแง่ของเงินลงทุน และการก่อสร้าง บริษัทจึงอยู่ในระหว่างศึกษาว่าอาจจะต้องมีพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ ขณะที่ยังต้องรอข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง ( TOR) ที่จะออกมาด้วยออกมา


ส่วนงานในต่างประเทศ บริษัทฯเชื่อว่ามีศักยภาพที่จะเข้าไปรับงานอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากโครงการเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว ที่ดำเนินโครงการโดยบริษัทลูก บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) CKP ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปกว่า 85.30% คาดว่าปี2562 จะสามารถส่งมอบงานได้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และส่งผลให้ CK ได้เงินปันผลเข้ามาสนับสนุน CK ซึ่งเป็นบริษัทแม่


" เราวาง Business Model โดยมุ่งเน้นการผนึกกำลังของบริษัทต่าง ๆ ในเครือ เพื่อการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งวันนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่า ทำให้เรามีผลประกอบการที่ดีมาตลอด Core Business คือ Constructor รายได้ 95% มาจากงานก่อสร้าง อีก 5% มาจาก บริษัทลูก ที่สร้างรายได้และกำไร มายังบริษัทแม่ ซึ่งทุกธุรกิจทั้ง TTW BEM CKP มีการเติบโต ขณะที่ Ebitda 60% มาจากงานก่อสร้าง และเงินลงทุนในบริษัทลูกอยู่ที่ 40% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูง" นางสาวสุภามาส กล่าว


ด้านนายประเสริฐ มริตตะพร กรรมการบริหารและผู้บริหารอาวุโส CK กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุน ที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 1.27 เท่า จึงคาดว่ายังมีศักยภาพในการใช้แหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน รวมทั้งมีกระแสเงินสดในมืออยู่ที่ราว 4 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาท ในช่วงเดือน กรกฏาคม -สิงหาคมนี้ เพื่อใช้สำหรับทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม


ส่วนการระดมทุนในรูปแบบอื่นๆ เช่นการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund : IFF) บริษัทก็มีความสนใจเช่นกัน โดยบริษัทสามารถนำสินทรัพย์ ของบริษัทลูกทั้ง BEM TTW และ CKP มาจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานได้ แต่มองว่าการระดมในรูปแบบดังกล่าว อาจจะยังไม่มีความจำเป็นมากนัก เนื่องจากบริษัทมีแหล่งเงินทุน และมีศักยภาพในการลงทุนอยู่แล้ว


อนึ่ง CK มีบริษัทลูกได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ถือหุ้น 29.98%, บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ถือหุ้น 19.40% และ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ถือหุ้น 27.41%
นางสาวสุภามาส กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าน่าจะทำได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรก มีงานใหม่ออกมาไม่มากนัก โดยตั้งแต่ตั้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทมีการเซ็นสัญญางานใหม่ไปมูลค่างานประมาณ 500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเซ็นสัญญางานใหม่เร็วๆ นี้ มูลค่าราว 2.7 พันล้านบาท


พร้อมกันนี้ บริษัทคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 8% ใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากงานในมือที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับบริษัทมีการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

---จบ----

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

SET ตีตื้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยตีตื้น ติดเครื่องวิ่งต่อ แรงซื้อหลักมาจากกลุ่มไอซีที นำโดย ADVANC ...

มัลติมีเดีย

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้