HotNews: CK กางแผนปี61
ใช้สูตรเป้ารายได้ 3.5-4 หมื่นลบ.
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 ธันวาคม 2560)--------CK ตั้งเป้ารายได้จากงานก่อสร้างปีหน้า 3.5-4 หมื่นลบ. พร้อมคาดรับเงินปันผลจาก บ.ลูก 1 ราว 1 พันลบ. คาด Backlog ปี61 แตะ1 แสนลบ. หลังมูลค่างานรัฐบาลปีหน้าออกราว 3-4แสนลบ. หวังได้งาน 20-25% ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นตั้น 8-10% จากปีก่อน 7.08% เน้นบริหารจัดการต้นทุน เล็งออกหุ้นกู้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดชำระ มูลค่า 2 พันลบ.
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้จากงานก่อสร้างปี 61 ไว้ราว 3.5 - 4 หมื่นล้านบาท โดยในปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)ราว 7.8 หมื่นล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ได้ใน2ปีข้างหน้า ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 61 ราว 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทยังคาดว่าจะรับเงินปันผลจากบริษัทลูกซึ่งประกอบด้วย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ CKP,บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือBEMและบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน)หรือTTW อีกราว 1 พันล้านบาท ซึ่งแนวโน้มผลประกอบการดำเนินงานของบริษัทลูก บริษัทประเมินว่าจะยังมีทิศทางที่ดี โดยบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือBEM จะมีการรับรู้รายจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางด่วนพิเศษศริรัชเข้ามาเต็มปี
ส่วนบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ CKP ยังได้มีการประมูลงานโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันได้มีเจรจราอยู่ในประเทศเมียนมา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ในขณะนี้ ด้านบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน)หรือTTW ยังมีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากจากปัจจัยดังกล่าวจะทำให้บริษัททั้งหมดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเสริมศักยภาพในการเติบโตได้ในอนาคตของบริษัท CK
สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในปีหน้า บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามการผลักดันโดยภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้(ช่วงเตาปูน-ราชฎร์บูรณะ) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายน้ำเงิน(ส่วนต่อขยาย)(ช่วงบางแค-พุทธมลฑลสาย 4) มูลค่า 2.11หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว(ช่วงสมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา) โครงการทางด่วนขั้นที่3 สายเหนือตอน2 ช่วงถนนเกษตร-นวมินทร์โครงการรถไฟฟ้าทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นมูลค่ารวมกว่า 9หมื่นล้านบาท ซึ่งมีมูลค่ารวม 3-4 แสนล้านบาท บริษัทคาดว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% และทำให้งานในมือ( Backlog) ของบริษัทอยู่ที่ราว 1 แสนล้านบาทได้
พร้อมกันนี้บริษัทยังตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นในปี 61 ให้อยู่ที่ระดับ 8-10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8%เพิ่มขึ้นจากปี59 ที่ทำได้ 7.08% โดยในปีหน้าบริษัทจะเน้นการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้นเพื่อให้งานที่ได้รับมีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับกับงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การใช้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและการก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้างด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ในปี 61 บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้ เพื่อชดเชยหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะถึงกำหนดชำระในปี 61 ราว 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อน เนื่องจากบริษัทมีทางเลือกอีกทางอย่างการนำเงินจากผลการดำเนินงานมาใช้ชำระแทนได้เช่นกัน ทั้งนี้คาดว่าจะได้ความชัดเจนได้ในช่วงกลางปี 61
นางสาวสุภามาส กล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทยังคงสามารถรักษาระดับความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินงานได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยในไตรมาส3/60 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 8.75 พันล้านบาท รายได้รวม 9.26 พันล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 7.58% อัตรากำไรสุทธิ 6.75%และอัตราหนี้สินต่อทุน 1.35 เท่าและคาดว่ารายได้ก่อสร้างของปีนี้ น่าจะทะลุ 3.5 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน ขณะที่โครงการต่างๆยังคืบหน้าต่อเนื่องและเป็นไปตามแผน เช่นโครงการไซยะบุรี มีความคืบหน้า 82.5% โครงการรถไฟทางคู่ช่วงจิระ-ขอนแก่นมีความคืบหน้า 42.0%
พร้อมกันนี้ในปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือมูลค่ากว่า 7.8 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้ได้ลงนามในสัญญาโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ ประกอบไปด้วย โครงการก่อสร้างสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำ กับบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) มูลค่า 303 ล้านบาท,โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สัญญาที่ 1 มูลค่า 1.15 หมื่นล้านบาท,โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 2 มูลค่า 1.26 หมื่นล้านบาท,โครงการรถไฟฟ้าสายสีสเมสัญญาที่ 5 มูลค่า 2.70พันล้านบาทและโครงการการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สัญญาที่4 มูลค่า 1.85 พันล้านบาท โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ 2 สัญญามูลค่า 1.94 หมื่นล้านบาท และโครงการทางเชื่อมต่อทางพิเศษ สายศรีรัช วงแหวนรอบนอก กับศรีรัชด้านเหนือ มูลค่า 275 ล้านบาท มูลค่าโครงการในปี60 ทั้งหมด 4.84 หมื่นล้านบาท
ส่วนในปี 61 คาดการณ์ว่าจะมีงานที่ผลักดันโดยภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเข้าประกวดราคาในทุกโครงการที่รัฐบาลเปิดประกวดราคา อาทิโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้(ช่วงเตาปูน-ราชฎร์บูรณะ) มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท รถไฟฟ้าสายน้ำเงิน(ส่วนต่อขยาย)(ช่วงบางแค-พุทธมลฑลสาย 4) มูลค่า 2.11หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว(ช่วงสมุทรปราการ-บางปู และคูคต-ลำลูกกา) โครงการทางด่วนขั้นที่3 สายเหนือตอนN2 ช่วงถนนเกษตร-นวมินทร์โครงการรถไฟฟ้าทางคู่เฟส 2 จำนวน 9 เส้นมูลค่ารวมกว่า 9หมื่นล้านบาท ตลอดจนโครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังน้ำใหม่ๆ ในต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว เป็นต้นโดยบริษัทตั้งเป้าว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25%
---จบ---