ค่าเงินบาทหลอกตาผลตอบแทนในตลาดหุ้น

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยแร่ทองคำแตะ 4,441 ดอลลาร์/ออนซ์ และแร่เงินใกล้ 70 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ขณะที่น้ำมันดิบ
BRENT ขยับขึ้นมายืนเหนือ 61 ดอลลาร์/บาเรล ฝ่ายวิจัยฯ มองเป็นบวกต่อZIJIN80, GOLD03, GOLD19, OIL03, PTT, PTTEP, TOP
• สำหรับแรงผลักมี 2 ส่วนหลักๆ คือ 1. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีทั้งประเด็นสหรัฐฯ เข้มงวดปิดล้อมการขนส่งน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา (คิดเป็น 1% ของน้ำมันทั่วโลก) รวมถึงยูเครนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยโดรน อีกทั้งความขัดแย้งญี่ปุ่น-จีนยังไม่ผ่อนคลาย 2. ดอลลาร์อ่อนค่าลง อยู่ในระดับ 98.3 จุด (-1.2%MTD) สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหวังว่า FED จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026

REGION RADAR
• มูลค่าตลาดเทคโนโลยีควอนตัมหลังปี 2030 จะมีการเติบโตในอัตราเร่งขึ้น โดยภายในปี 2040 มุมมอง OPTIMISTIC คาดมูลค่าตลาดควอนตัมจะอยู่ที่ระดับ $1.30 แสนล้าน
• แผน 5 ปีฉบับที่ 15 ของรัฐบาลจีน (2026-2030) ได้มีการให้ความสำคัญถึงเทคโนโลยีในอนาคตที่สำคัญมากมาย หนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยีควอนตัม อีกทั้ง CEO ของ NVIDIA ได้มีการกล่าวถึงเทคโนโลยีควอนตัมที่งาน GTC 2025 ในเชิงบวก แนะนำเก็งกำไรDEFIANCE QUANTUM ETF (QTUM US

THAI FOCUS
•ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.26% (MTD) ซึ่งขัดแย้งกับปัจจัยพื้นฐานบางอย่าง เช่น DOLLAR INDEX อ่อนค่าเพียง -1.20%(MTD) และFLOW ต่างชาติไหลออกจากตราสารหนี้1.5 หมื่นล้านบาท(MTD)
• กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ (เน้นหุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง) อาทิ โรงไฟฟ้า/สายการบิน : GULF, BGRIM, EGCO, PTT, AAV, BA (มีหนี้ต่างประเทศเยอะ จ่ายหนี้ถูกลง) นำเข้า : TFG, TVO (ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบถูกลง) เป้าหมาย FUND FLOW : KBANK, SCB, SCC,CPALL, ADVANC (ถ้าบาทแข็ง ต่างชาติอาจสนใจกลับมาซื้อหุ้นใหญ่)

HORIZON MARKET VIEW
ราคา COMMODITY กลับมามีแรงผลัก
วานนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น โดยทองคำแตะ 4,441 ดอลลาร์/ออนซ์และเงินใกล้ 70 ดอลลาร์/ออนซ์พุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีขณะที่น้ำมันดิบ BRENT ขยับขึ้นมายืนเหนือ 61 ดอลลาร์/บาเรล ฝ่ายวิจัยฯ มองเป็นบวกต่อ ZIJIN80, GOLD03, GOLD19, OIL03, PTT, PTTEP, TOP สำหรับแรงผลักมี2 ส่วนหลักๆ คือ

1. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีทั้งประเด็นสหรัฐฯ เข้มงวดปิดล้อมการขนส่งน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลา (คิดเป็น 1% ของน้ำมันทั่วโลก) รวมถึงยูเครนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยโดรนครั้งแรก อีกทั้งความขัดแย้งญี่ปุ่น-จีนยังไม่ผ่อนคลาย

2. ดอลลาร์อ่อนค่าลง อยู่ในระดับ 98.3 จุด (-1.2%MTD) สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องก่อนวันหยุดช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยดัชนีS&P 500 ใกล้แตะจุด ALL TIME HIGH สะท้อนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อมั่นเชิงบวกของนักลงทุนยังแข็งแกร่งจากความหวังว่า FED จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2026 บวกกับผลการสำรวจล่าสุดของ BOFA เผยว่าผู้จัดการกองทุนถือเงินสดในพอร์ตน้อยมากเป็นประวัติการณ์ที่ 3.3%

REGION RADAR
QUANTUM TECHNOLOGY ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อโลกในอนาคต
ตลาด QUANTUM ในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตช้า SINGLE-DIGIT แต่ VANECK ได้คาดการณ์มูลค่าตลาดเทคโนโลยีควอนตัมหลังปี 2030 จะมีการเติบโตในอัตราเร่งขึ้น โดยภายในปี 2040 มุมมอง CONSERVATIVEคาดเทคโนโลยีควอนตัมจะมีการเติบโตสู่ระดับ $4.50 หมื่นล้าน ขณะที่กรณี OPTIMISTIC คาดมูลค่าตลาดควอนตัมจะอยู่ที่ระดับ $1.30 แสนล้าน

ในด้านประเทศที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี QUANTUM ที่น่าจับตา ได้แก่ สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เนื่องจากสหรัฐฯ มีสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีควอนตัมทั้งหมด 18,649 ฉบับ มากที่สุดในโลก ขณะที่ญี่ปุ่นครอบครองทั้งสิ้น 9,400 ฉบับ

ในงาน GTC 2025 JENSEN HUANG ระบุว่า QUANTUM COMPUTING กำลังถึงจุดเปลี่ยนที่จะเริ่มแก้ปัญหาในโลกจริงได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทควอนตัม อาทิ D-WAVE, IONQ,PASQAL และ RIGETTI มาเสวนาเกี่ยวกับอนาคตของควอนตัม ภาพรวมเป็นไปในเชิงบวกส่งผลให้ราคาของกลุ่มหุ้น QUANTUM ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

แผน 5 ปีของจีนสนับสนุนเทคโนโลยี QUANTUM
ในแผน 5 ปีฉบับที่ 15 ของรัฐบาลจีน (2026-2030) ได้มีการให้ความสำคัญถึงเทคโนโลยีในอนาคตที่สำคัญมากมาย ได้แก่ AI, ชิป, เทคโนโลยี และเทคโนโลยีควอนตัมก็เป็นอีกกลุ่มนึงที่รัฐบาลจีนได้ให้ความสำคัญใน 5 ปี หลังจากนี้

แนะนำเก็งกำไร DEFIANCE QUANTUM ETF (QTUM US) โดยความน่าสนใจของ ETF ตัวนี้คือ ไม่ได้ลงทุนในหุ้นQUANTUM 100% เนื่องจากบริษัทควอนตัมในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังขาดทุนอยู่ โดย ETF นี้ได้มีการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเทคโนโลยีควอนตัมอีกทั้งได้ลงทุนในกลุ่ม BIG TECH ที่มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่น อาทิ MICRON TECHNOLOGY, ALPHABET และ AMD

THAI FOCUS
ค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในมิติต่างๆ อย่างไร
ตั้งแต่ต้นเดือน (MTD) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่า 3.26% ซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกับปัจจัยพื้นฐานบางกลไก อาทิ DOLLAR INDEX อ่อนค่าลงเพียง -1.20%, FUND FLOW ต่างชาติไหลออกตราสารหนี้กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และค่าเงินแข็งกว่าเพื่อนบ้านอย่างมีนัยฯ ทิ้งห่างอันดับ 2 ในเอเซีย อย่างมาเลเซีย ที่แข็งค่าเพียง 1.14% เท่านั้น

อีก 1 สิ่งที่นักลงทุนต้องระวัง โดยเฉพาะคนที่ไปลงทุนต่างประเทศ หรือฝากเงินสกุลต่างประเทศ (FCD) โดยปีนี้เม็ดเงินไหลออกไปเยอะล่าสุด ณ ต.ค.68 มีมูลค่าสูงถึง 31,023 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมา 6,677 ล้านเหรียญฯ หรือ ราว 2 แสนล้านบาทซึ่งค่าเงินบาทเป็น ตัวแปรสำคัญที่ต้องโฟกัสสำหรับการลงทุน เพราะ หลายคนเห็นดอกเบี้ยเงินฝาก USD สูง (เช่น5%) เลยแห่ไปฝาก (ยอด FCD พุ่งสูงทำจุดสูงสุดใหม่) ความจริงแล้ว : ดอกเบี้ยรับมา พอจะแลกกลับเป็นเงินบาทที่แข็งค่าเร็วและแรง9%YTD ทำให้เงินต้นหายไปตามกลไล และได้กำไรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด นักลงทุนไทยที่ไปซื้อ S&P500 (แท่งสีเหลืองอ่อน) ผลตอบแทนหายไปเยอะเมื่อเทียบกับคนอเมริกันลงทุนเอง เพราะพอแลกกำไรกลับมาเป็นบาท ได้ผลตอบแทนน้อยลงจนถึงขั้นขาดทุนราว -2.7%(MTD)ในทางกลับกัน นักลงทุนสหรัฐฯ ที่มาลงหุ้นไทย (แท่งน้ำเงินเข้ม) ได้กำไรดี(กำไรหุ้น + กำไรค่าเงินแข็ง) ทำให้พอแลกกลับไปเป็นเงินดอลลาร์ ได้ผลตอบแทนมากขึ้นอยู่ที่ +4.2%(MTD) ซึ่งจริงๆแล้ว SET INDEX ปรับขึ้นเพียง+1.0%(MTD) เท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนต้องโฟกัสค่าเงินบาทให้ดีสำหรับการลงทุนทั้งตลาดหุ้นไทยและสหรัฐฯ

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้นหุ้นได้ประโยชน์เงินบาทแข็งค่า อาทิ โรงไฟฟ้า/สายการบิน : GULF, BGRIM,EGCO, PTT, AAV, BA (มีหนี้ต่างประเทศเยอะ จ่ายหนี้ถูกลง) นำเข้า: TFG, TVO (ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบถูกลง)เป้าหมาย FUND FLOW: KBANK, SCB, SCC, CPALL, ADVANC (ถ้าบาทแข็ง ต่างชาติอาจสนใจกลับมาซื้อหุ้นใหญ่)

SYNAPSE STRATEGY
หุ้นไทยยังมีกระแสหนุนหลัง ช่วงโค้งท้ายของปี
ช่วงโค้งท้ายของปี ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากหลายมุม ทั้งราคา COMMODITY โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น +2% ในวานนี้, การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งปี 69 เริ่มดีเบตวันนี้และเริ่มเห็นผลโพลสำนักฯต่างๆ ออกมา และค่าเงินบาทที่แข็งค่า +3.3%MTD หนุน FUND FLOW ไหลเข้าต่อ โดยต่างชาติซื้อหุ้นไทยมาแล้ว 5.4 พันล้านบาท(MTD)

กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรสั้นๆ หุ้นน้ำมัน PTTEP, PTT, TOP หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็งค่า TVO, BA, AAV, IVL หุ้นรับกระแสเลือกตั้ง PLANB, CPAXT, CPALL และยังชื่นชอบหุ้นท่องเที่ยว AWC ERW

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์