Today’s NEWS FEED

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ ไซด์เวย์/ชะลอตัว รอปัจจัยหนุนใหม่

112

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 18 ธันวาคม 2568 )-------InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 คาดตลาดไซด์เวย์/ชะลอตัว ตลาดไม่ตอบเชิงบวกต่อการลดดอกเบี้ยของ กนง.นัก ทำให้จิตวิทยาตลาดอยู่ในโหมดเฝ้าระวัง กรณีภาษีศุลกากรสหรัฐฯ ที่ขู่ขึ้นยังเป็นปัจจัยที่เฝ้าจับตาไปพร้อมกับนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจของพรรคการเมืองหลัก ปัจจัยภายนอก คืนนี้ติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ ขณะที่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ศุกร์นี้ยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยง ทางเทคนิค ยังแกว่งตัวในกรอบรอเบรก แนวต้านสั้นที่ 1265/1275 ในขณะที่การลงต้องไม่หลุด 1248 มิฉะนั้นจะลงรอบใหม่


ประเด็นสำคัญ
• กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ระดับ 1.25% เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้ สะท้อนท่าทีผ่อนคลายต่อ ศก. ที่ฟื้นตัวช้าท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และประเมินเงินเฟ้อจะกลับสู่กรอบเป้าหมายช่วง 1H70 ส่วนตลาดประเมิน กนง. จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2569
• ส.อ.ท. ชี้ 3 ข้อดีของการลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ได้แก่ การลดต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการ-SMEs, Sentiment เชิงบวกหนุนค่าเงินบาทอ่อนตัวลง และเป็นการส่งสัญญาณกระตุ้น ศก. ที่ชัดเจน และเรียกร้องธนาคารพาณิชย์ผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อ
• ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้นสู่ 89.1 สะท้อนมุมมองบวกของผู้ประกอบการต่อกิจกรรมทาง ศก. ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่งพลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวและบริโภคช่วงปลายปี
• EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในสัปดาห์ก่อนลดลง 1.27 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปกลับเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งสต็อกเบนซินที่เพิ่มขึ้น 4.81 ล้านบาร์เรล และสต็อกดีเซลที่เพิ่มขึ้น 1.71 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันสหรัฐที่อ่อนแอ
• วันนี้ติดตามการประชุม BoE (ตลาดคาดลดดอกเบี้ยลงสู่ 3.75%) และ ECB (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 2.00%) จากวานนี้มีการรายงานภาวะเงินเฟ้อใน พ.ย. 2568 ของสหราชอาณาจักรและยูโรโซนที่ชะลอลงและต่ำกว่าที่ตลาดคาด +3.2%YoY และ +2.1%YoY ตามลำดับ
• จำนวน นทท. เดินทางเข้าญี่ปุ่นใน พ.ย. 2568 เพิ่มขึ้น 10.4%YoY แตะ 3.52 ล้านคน โดยกลุ่ม นทท. จีนขยายตัวชะลอลงเหลือ 3%YoY เทียบกับช่วง 11M68 ที่ขยายตัวสูงถึง 37.5%YoY

 

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาส Sideway Down จากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทย โดยมีแนวโน้มลงไปทดสอบฐานเดิมบริเวณ 1230 และมีกรอบบนจำกัดที่ 1285 โดยมีปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ BoJ (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bps สู่ 0.75%), BoE (ตลาดคาดดอกเบี้ยลง 25bps) และ BoE (ตลาดคาดจะยังคงดอกเบี้ยนโยบาย) ส่วน กนง. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps สู่ 1.25% และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ พ.ย., PCE ต.ค. ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามรายชื่อผู้สมัครและนโยบายหลักแต่ละพรรค หลัง กกต. ประกาศวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 ก.พ. 2569 ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

แนวรับ – แนวต้าน : 1248/1240 – 1265/1275


ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสปรับลงจากกังวลสุญญากาศทางการเมืองไทยและขาดมาตรการกระตุ้นใหม่ อีกทั้งรอติดตามผลประชุมนโยบายการเงินของ กนง. กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักและ 3 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก คาด 4Q68 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform แนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BEM BGRIM GULF PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดและลดความผันผวนให้แก่พอร์ตลงทุน แบ่งเป็น 1) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะยาว (กำไรแต่ละปีมั่นคง, ผันผวนต่ำ, ฐานะการเงินแข็งแกร่ง, มี SET ESG Ratinga A-AAA และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 5%) แนะนำ AP DIF KTB PTT TISCO และ 2) หุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น 6 เดือน (กำไรปี 2568 มั่นคง, ผันผวนต่ำ, คาดมีเงินปันผลจากกำไรปี 2568 ที่เหลือจ่ายหลังหักเงินปันผลที่ประกาศจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5%) แนะนำ BAM KBANK SAT THANI TLI
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้ และปีหน้า 2 ครั้งในปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ sentiment บวกระยะสั้นหาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสัปดาห์นี้ แนะนำ AP GULF GPSC MTC SAWAD 2) หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT) กลุ่มอาหาร (GFPT) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนระยะสั้นในหุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เพราะเชื่อมโยงกับนโยบายและโครงการของรัฐ และ 3) หุ้น SET50 ที่คาดได้อานิสงส์จากทำปิด Window Dressing แนะนำ BDMS BH MINT CPF LH ซึ่งราคาหุ้นปรับลง YTD และพบสถิติย้อนหลัง 5 ปีราคาหุ้นจะปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2% หากซื้อก่อน 5 วันทำการสุดท้ายก่อนสิ้นปี
Special Report : Yearbook 2026 ซึ่งมาด้วยแนวคิด “Riding the Wild Horse” เพื่อสื่อถึงมุมมองการลงทุนที่คาดจะยังให้ผลตอบแทนได้แต่มีความผันผวนสูง จึงต้องคัดสรรและกระจายการลงทุนมากขึ้น พร้อม 8 หุ้น Top Picks ในตลาดหุ้นไทยที่คัดสรรมาให้ (อ่านเพิ่มได้ในบทวิเคราะห์ซึ่งออกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2568)

 

Daily Top Picks

BDMS: มองเป็นหุ้น Defensive ที่กำไรไม่ผันผวนตามปัจจัยภายนอก โดยปี 2568 คาดกำไรปกติเติบโต 3%YoY และเติบโตต่อ 8%YoY ในปี 2569 อีกทั้งยังมีอัตราผลตอบแทนปันผลน่าสนใจซึ่งคาดช่วยลดความเสี่ยงขาลง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2569 ที่ 4.3% ถือว่าสูงสำหรับกลุ่ม รพ. ราคาเป้าหมายระยะสั้น 20.30 บาท
AP: ราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย และ 4Q68 คาดกำไรจะเป็นจุดสูงสุดปีนี้ โดยเติบโตทั้ง QoQ และ YoY แรงหนุนจาก Backlog ที่แข็งแกร่งทั้งจากโครงการแนวราบและคอนโดใหม่ที่จะเริ่มโอนอย่าง Aspire Vibha-Victory อีกทั้งคาดให้ Div. Yield สูงปีละ 5.7% ราคาเป้าหมายระยะสั้น 8.80 บาท

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้