คาด SET Index ปรับตัวลง : รับแรงกดดันจากการยุบสภา ซึ่งจะส่งผลกดดันหุ้น Domestic มองความหวังจะไปอยู่ที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.หลังรัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลรักษาการ
แนวรับ-ต้าน
1,230–1,250
กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งเข้าคำนวณ SET50/100 รอบ 1H69: ITC50,SAWAD50, GFPT100, PTG100, STECON100
2) Yield play: AP, QH, SIRI, SPALI, GUNKUL,BGRIM, GULF, GPSC
3) หุ้นรับเลือกต้ัง 69 : ADVANC, TRUE, SCB,GUNKUL, MTC, TIDLOR, KTC, HMPRO
4) Dividend + Defensive play: KKP, TISCO,TFG, TTW, BDMS, BH
หลังยุบสภา กนง.จ๋า ช่วยด้วย
ปรับแผนลงทุนรับการ “ยุบสภา”: มีการโปรดเกล้าฯยุบสภาลงมาแล้ว หลังก่อนหน้าสภามีมติให้ใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการโหวตสวนมติของพรรคประชาชน และเป็นการฉีกข้อตกลง MOA ขั้นตอนถัดไป เข้าสู่ช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยต้องจัดให้มีการเลือกตัง้ ภายใน 45-60 วันนั่นคือ อย่างช้าสุดวันที่ 8 ก.พ.69 ทางฝ่ายมองเป็นภาพเชิงลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เนื่องจากประเทศไทยยังเผชิญปัญหาอุทกภัย ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้า และ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติโครงการใดๆได้ หากไม่ผ่านการเห็นชอบจาก กกต. ดังนั้น โครงการต่างๆที่รอพิจารณา เช่น TISA และ คนละครึ่งเฟส 2 จะต้องหยุดลงในทันที มองเป็นลบต่อหุ้น Domestic แต่เมื่ออิงตามรายงาน “ปรับกลยุทธ์ระหว่างลุ้นเลือกตั้งปี 69” ช่วง 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง SETIndex จะปรับตัวขึ้น 2.07% จึงมองระยะส้ันอาจชะลอการลงทุนไปก่อน และ รอจังหวะตลาดปรับฐานลงจาก Negative Shock แล้วจึงทยอยสะสมหุ้นรับเลือกต้ังเมื่อ SET Index ลงมาสร้างฐานบริเวณแนวรับ 1200-1215 จุด
ความหวังไปตกที่ดอกเบี้ย: สัปดาห์หน้าคาดตลาดจะให้น้าหนักไปที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.มากขึ้น เนื่องจากฝั่งนโยบายการคลังจะมีบทบาทจำกัดจากการเป็นรัฐบาลรักษาการท่ามกลางภาพของเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงอาจเป็นอีกทางที่จะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของเศรษฐกิจลง ทางฝ่ายคาดมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 25 bps หนุนหุ้นกลุ่มYieldPlay แต่เราแนะน าหุ้นที่เข้าซื้อควรมีปันผลที่น่าสนใจ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการปรับตัวลงรับประเด็นการเมือง
ปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า : TH- ประชุมกนง., USNonfarm Payrolls(Nov)/ Retail Sales(Oct)/Unemployment Rate(Nov)/ S&PGlobal Service + Manufacturing PMI (Dec)/ CoreRetail Sales (Oct)/Core CPI + CPI(Nov)/ Philadelphia FedManufacturing Index (Dec)/Core PCE Price Index(Oct)/ ExistingHome Sales (Nov), CN - Industrial Production(Nov)/ Chinese
Unemployment Rate (Nov), EU-ประชุม ECB, JP-ประชุม BOJ
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมออกมาตรการลดหย่อนภาษีรอบใหม่ เพื่อส่งเสริมการลงทุนของภาคธุรกิจ คาดจะมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี และ และการเปิดทางให้เรมิ่ บันทึกค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ที่ซื้อมาได้ทันที
(+) ยูเครนเปิดปฏิบัติการทางทะเลด้วยการส่งฝูงโดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ามันรัสเซียในทะเลดำจนเสียหายอย่างหนัก หวังตัดรายได้จากการค้าน้ามันซึ่งรัสเซียนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน กดดันอุปทานน้ำมัน
(-) ดีลอยท์ ชี้บริษัทไทยขึ้นเงินเดือนน้อยลง โดยขยายตัวเพียง 4.5% ในปี 68 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ร้อยละ 5 สะท้อนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนและเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กดดันกำลังซื้อภายในประเทศ มองเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกในระยะถัดไป
(-) ค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 31.44 บาทต่อดอลลาร์หลัง Dollar Index อ่อนค่ามาที่ระดับ 98 จุดอีกครั้งกดดันหุ้นกลุ่มชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์และส่งออก
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วัชรพล สร้างกุศล – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์