คาด SET Index sideways Down : มองปัจจัยกดดันจากแรงขายลดเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดวันพ่อซึ่งจะมีการประกาศตัวเลข PCE สหรัฐ และ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เดินหน้าปรับลดลง ขณะที่หุ้นกลุ่มYield Play ยังมีแรงหนุนจากตัวเลขแรงงานสหรัฐ

แนวรับ-ต้าน
1,265–1,280

กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งเข้าคำนวณ SET50/100 รอบ 1H69: ITC50,SAWAD50, GFPT100, PTG100, STECON100
2) Yieldplay:AP,KTC, MTC, QH, SPALI, TIDLOR,GUNKUL, BGRIM, GPSC, GULF
3) มาตรการภาครัฐ:BJC, CPALL, CPAXT, HMPRO,ILM, KBANK, KTB, SCB, TASCO, TOA, CBG
4) Dividend play: BAM, KKP, PRM, TISCO, TTB

Wait (for PCE) and Sell
ตัวเลขแรงงานหนุ นเฟดลดดอกเบี้ย: ตัวเลข ADP NonfarmEmployment Change เดือน พ.ย. ออกมาที่ -3.2 หมื่นตำแหน่ง สวนทางกับคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5 พันตำแหน่ง และสวนทางกับเดือนก่อนที่เพิ่มข้ึน 4.7 หมื่นตำแหน่ง ตัวเลขดังกล่าวออกมาติดลบในระดับใกล้เคียงกับในเดือน ก.ย. สะท้อนภาพรวมภาคแรงงานสหรัฐที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก โดย ADP ระบุว่าผู้ประกอบการยังกังวลต่อภาพการบริโภคในประเทศ และ ความไม่แน่นอนของทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ Fedwatch tool ยังยืนยันความน่าจะเป็นที่ 89% ในการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่Bond Yields สหรัฐอายุ 10 ปี และ 2 ปี ชะลอตัวลงมาที่ 4.07% และ3.45% หนุนภาพรวมการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่ม Yield Play

ระวังแรงขายก่อนวันหยุด : คาดตลาดจะเผชิญแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงช่วงท้ายตลาดก่อนถึงวันหยุดวันพ่อ เนื่องจากในวันศุกร์จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญอย่าง PCE สหรัฐ เดือน ก.ย. ซึ่งคาดจะออกมาขยายตัว 2.8%y-y และ 0.3%m-m ด้าน Core PCE คาดออกมาที่ 2.9%y-y และ 0.2%m-m โดย Core PCE จะออกมาในระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้า แต่ PCE ยังเห็นการขยายตัวแบบ y-y ที่มากกว่าเดือน ส.ค.(2.7%y-y) จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเข้ามาสร้างความกังวลด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในช่วง 3 วันทำการตลาดที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่ยอดซื้อสุทธิกลับเดินหน้าปรับลดลง จากวันแรกที่ 1,239 ล้านบาท สู่227 ล้านบาท สะท้อนโมเมนตัมฝั่งซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่แผ่วลงจึงมองหุ้น Big Cap ที่มักเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามกดดัน SET นอกจากนี้ประเด็น ESG ของ
บริษัทจดทะเบียน และ Scammer เป็นอีกปัจจัยที่น่ากังวลเช่นกัน

ปัจจัยอื่นๆที่น่าติดตามในสัปดาห์หน้า : TH- การเปิดประชุมสภาและภาพการเมื อง/ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(Nov), USCPI(Oct)/ การประชุมเฟด, CN-ตัวเลขนำเข้าส่งออก(Nov)/CPI+PPI(Nov)/ New Loan(Nov)

ปัจจัยเพิ่มเติม
(-) กกร. คาดเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 68 มีแนวโน้มขยายตัว 2.0%ส่วนปี 69 คาดขยายตัวในกรอบ 1.6-2.0% หลังคาดการณ์ว่าความไม่แน่นอนด้านกำแพงภาษียังมีผลต่อภาพการผลิต และการจ้างงานในประเทศ
(-) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปริมาณรถยนต์ส่งออกของไทยในปี 2569 อาจลดลงแตะระดับ 9 แสนคัน หรือหดตัวต่อเนื่องกว่า 3% หลังจากปี 2568 หลังเห็นการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเมื่อมีผู้เล่นใหม่อย่างจีนเข้ามาในตลาด
(-) ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมัน่นักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน พ.ย.68 พบว่าดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลงมาอยู่ที่ 101.55 ในเกณฑ์ "ทรงตัว“ หลังกังวลในภาพเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศ
(-) องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เผย ไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่รับผลกระทบหนักที่สุด จากมรสุมและพายุไต้ฝุ่นเขตรอ้น แนะเตรียมแผนรับมือเพิ่ม

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วัชรพล สร้างกุศล – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์