สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1ธันวาคม 2568)-------บล.ทิสโก้ คาดหุ้นไทยเดือนธันวาคม จ่อผันผวนจากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ชี้เป็นจังหวะทยอยซื้อสะสมเพราะมูลค่าหุ้นไทยไม่รวม DELTA (SET ex. DELTA) อยู่ในระดับน่าสนใจเทียบเคียงกับช่วง COVID-19 และมีผลตอบแทนจากปันผลที่สูง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนธันวาคมตลาดหุ้นไทย (SET Index) อาจแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์ดาวน์ รอความชัดเจนของทิศทางดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่หลังตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ล่าช้ากว่ากำหนด ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศที่ตลาดยังคงกังวลเรื่องการยุบสภา ซึ่งบล.ทิสโก้มองว่า ช่วงนี้เป็นจังหวะสะสม-ทยอยตั้งรับ คาดหวังตลาดจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงครึ่งเดือนหลังเมื่อปัจจัยข้างต้นมีความชัดเจน และมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นจากแรงขับเคลื่อนเงินกองทุนลดหย่อนภาษีทยอยไหลเข้า ผสานกับมูลค่าพื้นฐานหุ้นไทยซึ่งไม่รวมหุ้น DELTA (SET ex. DELTA) ถือว่าน่าสนใจเทียบเคียงช่วงวิกฤติ COVID-19 (อิงจากตัวแบบ Earning Yield Gap ที่ไม่รวมหุ้น DELTA) พร้อมมีเงินปันผลที่ดีช่วยจำกัดความเสี่ยงตลาดขาลงแม้ภาพเทคนิคยังเป็นลบอยู่ก็ตาม
บล.ทิสโก้มองประเด็นหุ้นน่าสนใจในเดือนนี้ (1) หุ้นขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายลงทุนของ TESG แนะนำ ADVANC, CPALL, KTB และ (2) หุ้นที่มีเงินปันผลค่อนข้างสูงและมีปัจจัยบวกในระยะสั้น เด่น AMATA (ปันผล 5-6%, ได้ประโยชน์จากมาตรการ Thailand Fast Pass), BAM (ปันผล 7%, ได้ประโยชน์จากการจัดตั้ง JV AMC และคาดกนง.จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือน ธันวาคม), SCCC (ปันผล 7-8%, มีดีมานด์ซ่อมแซมหลังน้ำท่วม), TASCO (ปันผล 6%, มีดีมานด์ซ่อมแซมหลังน้ำท่วม) เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำเดือน ธันวาคม คือ ADVANC, AMATA, BAM, CPALL, KTB, SCCC และ TASCO ด้านแนวรับสำคัญดัชนีหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1,250-1,260 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,220-1,230 จุด และ 1,200 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,300-1,320 และ 1,345 จุด ตามลำดับ
“บล.ทิสโก้มองการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เดือน ธันวาคม นี้มีความไม่แน่นอนอยู่มากเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่รายงานล่าช้าจากปัญหาชัตดาวน์ก่อนหน้านี้จะทยอยออกมา อาจทำให้ตลาดประเมินโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ FED เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา โดยข้อมูลสำคัญทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. จะรายงานในวันที่ 16 ธันวาคม และ 18 ธันวาคม ตามลำดับหลังการประชุม FED ในวันที่ 9-10 ธันวาคม อย่างไรก็ดีไม่ว่า FED จะลดดอกเบี้ยหรือไม่ในเดือนนี้ บล.ทิสโก้มองว่า FED ยังมีแนวโน้มจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า ในขณะที่การประชุมของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ในวันที่ 17 ธันวาคม นี้ บล.ทิสโก้คาดจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.25% คาดจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งเดือนหลัง” นายอภิชาติกล่าว
ด้านการเมืองในประเทศดูไม่แน่นอนในระยะสั้น จากกระแสข่าวฝ่ายค้านเล็งยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและอาจทำให้นายกฯ อนุทินชิงยุบสภาทันทีในวันแรกที่เปิดประชุมสภาสามัญประจำปีครั้งที่สอง 12 ธันวาคม นี้ หากการเมืองไทยสะดุด เข้าสู่สุญญากาศเร็วขึ้น อาจกระทบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการผลักดันงานต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะมาตรการ “คนละครึ่งพลัส เฟส 2” อย่างไรก็ดี ในมุมมองกรณีฐานของบล.ทิสโก้ยังเชื่อว่าการยุบสภาจะเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิม คือ สิ้นเดือน มกราคม ปีหน้า รอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ไปก่อนในช่วงกลางเดือน มกราคม เพราะฉะนั้นการเมืองในประเทศจะเห็นความชัดเจนเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน ธันวาคม
ด้านทางเลือกการลงทุนหุ้นต่างประเทศโดยผ่าน DR เดือน ธันวาคม นี้ แนะนำ XIAOMI80 และ PANW80 สำหรับ XIAOMI (1810 HK) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 30% จากจุดสูงสุดของรอบในเดือน กันยายน ทำให้เริ่มมีอัพไซด์ที่น่าสนใจ ประกอบกับข่าวที่รัฐบาลจีนพร้อมที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของคนในประเทศทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ไฟฟ้าล้วนส่งผลบวกต่อหุ้น ในขณะที่ PANW80 (PANW US) ประกอบธุรกิจด้าน Cybersecurity ที่มีการเติบโตไปควบคู่ AI และ Cloud ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ เช่นเดียวกัน แต่ยังมีระดับการประเมินมูลค่าที่ถูกกว่าและมีอัพไซด์ที่สูงกว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ในกลุ่มอื่น