Pi Daily ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวัน Thanksgiving ทำให้ภาพรวมการลงทุนค่อนข้างเงียบๆ ส่วนในประเทศวานนี้มูลค่าซื้อขายเพียง 2.3 หมื่นล้านบาทต่ำสุดในรอบ 8 เดือน สะท้อนถึงความมั่นใจที่ต่ำในการลงทุน อย่างไรก็ตามในอีกมุมก็สะท้อนว่าตลาด Price In แรงกดดันต่างๆ ไปแล้ว ยังเชื่อมั่นระดับสูงว่า กนง. จะลดดอกเบี้ย ดีกับการเงิน อสังหาฯ ค้าปลีกและตลาดหุ้นในภาพรวม
ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวัน Thanksgiving Day ขณะที่คืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะเปิดทำการเพียงครึ่งวัน
เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพราะปิดทำการเนื่องในวัน Thanksgiving Day แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบเห็นคือการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ และทำให้เงินบาทแข็งค่าทดสอบระดับ 32.21 บาท / ดอลลาร์สหรัฐฯสำหรับเมื่อวาน SET INDEX ค่อนข้างซึมตัว (-0.67%) ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 2.3 หมื่นล้านบาทนับเป็นมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน สะท้อนถึงความมั่นใจระดับต่ำมากของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอทั้งเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ประกอบกับมีแรงกดดันจากน้ำท่วมในภาคใต้เพิ่มความเสี่ยงต่อประมาณการเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่อาจเดินทางเข้าท่องเที่ยวไทยน้อยลง แม้เงินบาทจะแข็งค่าแต่ไม่ช่วยหนุนกระแสเงินทุนต่างชาติ วานนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 874 ล้านบาทพร้อมกับสถาบันที่ขายสุทธิ 669 ล้านบาทแต่ถึงอย่างนั้นหุ้นที่กดดันอย่างมีนัยยะเป็นหุ้นที่ปรับขึ้นไปแรงก่อนหน้า (DELTA ADVANC TRUE) ส่วนหุ้นอื่นๆที่กดดันดูไม่ได้มีนัยยะอะไรมากเป็นการขายทำกำไรปกติแต่เห็นแรงซื้อในกลุ่ม Defensive อย่าง BDMS GULF สะท้อนมุมมองเชิงระมัดระวังจากนักลงทุน วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1240 – 1260 ภาพใหญ่ไร้ปัจจัยใหม่ๆเพราะสหรัฐฯปิดทำการกว่าจะกลับมาปกติก็สัปดาห์หน้าประกอบกับไทยมีแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่เสี่ยงจะเผชิญกับ Downside จากปัจจัยน้ำท่วมในภาคใต้โดยเฉพาะหาดใหญ่โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจะกดดันการท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าด้วยเงินบาทที่แข็งค่าและเศรษฐกิจที่เสี่ยงจะขยายตัวน้อยลงกว่าประมาณการเดิมจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นจะต้องปรับลดดอกเบี้ยดีกับหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC TIDLOR) อสังหาฯ (AP SPALI) ค้าปลีก (CPALL) ในเชิงกลยุทธ์ระยะสั้นเน้นที่ Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) ค้าปลีก (CPALL DOHOME HMPRO) การเงิน (MTC TIDLOR SAWAD) ธนาคารพาณิชย์ (SCB) หากปรับลงมาเป็นโอกาสจากเงินปันผลระดับสูง
SCB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 146.00 บาท)
คาดกำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโต 10% ขณะที่คาดกำไรในปี 2026 จะลดลง 2% จาก NIM ที่อ่อนตัวลงล้อกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยลดลง จุดเด่นของ SCB อยู่ที่คุณภาพสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และการจ่ายเงินปันผลสูงในกลุ่มธนาคาร โดยคาดจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ 8.5%/8.3% ในปี 2025-26
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 68.00 บาท)
รายงานกำไรสุทธิ 3Q25 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+18%YoY) และมีกำไรปกติ 6.5 พันล้านบาท (+4%YoY, -8%QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราและBB consensus คาด กำไรโต YoY หนุนจากการขยายสาขาและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 10 bps YoY แม้ว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ 7-11 จะลดลง 0.5% YoY