Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

90

 


น้ำท่วมกดดันทั้งเศรษฐกิจ และ FUND FLOW

 

HORIZON MARKET VIEW
• วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ปรับตัวสูงขึ้นราว +0.7% ถึง +0.8% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อาทิ ORCL +4.0%, AMD +3.9%, MSFT +1.8%, NVDA+1.4% เป็นต้น ด้วยความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยังมีมุมมองเชิงบวกในช่วงวันหยุด THANKSGIVING ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง
• ตลาดการเงินคาดโอกาส 80% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. 68ซึ่งแรงหนุนล่าสุดมาจากสัญญาณตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอ่อนแอ โดยจำนวนผู้ที่ยังคงยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ได้ยื่นคำร้องขอครั้งแรกไปแล้ว (CONTINUING CLAIMS) เพิ่มขึ้น 7,000 ราย เป็น 1.96 ล้านราย (สัปดาห์สิ้นสุด 15 พ.ย.) สะท้อนผู้ว่างงานยังเผชิญความยากลำบากในการหางานใหม

 

REGION RADAR
• หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ของ NASDAQ ออกเป็นส่วนใหญ่ตลาดได้มีการปรับ EPS REVISION ของดัชนี NASDAQ ขึ้นต่อเนื่องขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวย่อตัวลงมาแรง จน UPSIDE เปิดกว้าง
• และจากสถิติในอดีต เมื่อไหร่ที่ดัชนี NASDAQ มี UPSIDE (12MONTH) สูงกว่า 20% (+1S.D) มักจะเห็นการรีบาวน์ของดัชนีกลับมาอยู่ที่ระดับ UPSIDE เฉลี่ย 15% แสดงว่า ปัจจุบันดัชนีNASDAQ อาจฟื้นช่วงสั้นๆ ได้ราว 5% จึงแนะนำเก็งกำไรดัชนีNASDAQ (DR: NDX01)
• น้ำท่วมหาดใหญ่(จ.สงขลา) ครั้งนี้สเกลความเสียหาย จำกัดอยู่ในระดับภูมิภาค (ไม่เท่าปี 54 ที่เสียหาย 1.44 ล้านล้านบาท) เพราะเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าสงขลาถึง25 เท่า แต่เสียโอกาสช่วงHIGH SEASON ท่องเที่ยวภาคใต้ในไตรมาส 4/68
• นักลงทุนคาดหวังให้กนง. ลดดอกเบี้ย ในช่วงปลายปี 68 หรือต้นปี 69สัก 0.25% เพื่อช่วยเหลือ SME และครัวเรือนในพื้นที่ประสบภัย(อ้างอิงสถิติปี 54-55 ที่ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม 0.50%)

THAI FOCUS
• น้ำท่วมหาดใหญ่(จ.สงขลา) ครั้งนี้สเกลความเสียหาย จำกัดอยู่ในระดับภูมิภาค (ไม่เท่าปี 54 ที่เสียหาย 1.44 ล้านล้านบาท) เพราะเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าสงขลาถึง 25 เท่า แต่เสียโอกาสช่วงHIGH SEASON ท่องเที่ยวภาคใต้ในไตรมาส 4/68
• นักลงทุนคาดหวังให้กนง. ลดดอกเบี้ย ในช่วงปลายปี 68 หรือต้นปี 69สัก 0.25% เพื่อช่วยเหลือ SME และครัวเรือนในพื้นที่ประสบภัย(อ้างอิงสถิติปี 54-55 ที่ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวม 0.50%)

 

SYNAPSE STRATEGY
• FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หนุนเงินไหลเข้า ตลาดหุ้นEMERGING โดย เดือน พ.ย. เป็นเดือนที่ FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นอินโดฯ และ ฟิลิปปินส์ มากสุดในปีนี้หนุนดัชนีขยับขึ้นได้ดี ส่วนไทยโชคร้าย มีประเด็นการเมือง น้ำท่วม เข้ามากดดันให้ลงอยู่แห่งเดียว
• อย่างไรก็ตามหากมีสัญญาณน้ำท่วมลดลง กนง. มีโอกาสช่วยลดดอกเบี้ย น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นได้เร็ว ส่วนช่วงนี้ หลบความผันผวนกับหุ้น HMPRO, BDMS, TRUE


HORIZON MARKET VIEW
คาดการณ์ลดดอกเบี้ยช่วยหนุนแรงซื้อ
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ปรับตัวสูงขึ้นราว +0.7% ถึง +0.8% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาทิORCL +4.0%, AMD +3.9%, MSFT +1.8%, NVDA +1.4% เป็นต้น ด้วยความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยังมีมุมมองเชิงบวกในช่วงวันหยุด THANKSGIVING ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงตลาดการเงินคาดโอกาส 80% ที่ FED จะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. 68 ซึ่งแรงหนุนล่าสุดมาจากสัญญาณตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอ่อนแอ โดยจำนวนผู้ที่ยังคงยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ได้ยื่นคำร้องขอครั้งแรกไปแล้ว (CONTINUING CLAIMS) เพิ่มขึ้น 7,000 ราย เป็น 1.96 ล้านราย(สัปดาห์สิ้นสุด 15 พ.ย.) สะท้อนผู้ว่างงานยังเผชิญความยากลำบากในการหางานใหม่


สำหรับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในแง่มุมของภาครวมเศรษฐกิจจีนยังดูน่าเป็นห่วง โดยคาดการณ์ดัชนี PMI เดือนพ.ย. 68 (ประกาศตัวเลขวันที่ 30 พ.ย. 68) ในภาคการผลิตของจีน ยังมีแนวโน้มซบเซา (PMI < 50 จุด) ส่วนภาคบริการอาจอยู่เหนือระดับ 50 เพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น หลังCHINA VANKE CO. (บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่) เสนอเลื่อนการชำระเงินต้นพันธบัตรท้องถิ่นมูลค่า 2 พันล้านหยวน ที่ครบกำหนดวันที่ 15 ธ.ค.68โดยบริษัทจะประชุมผู้ถือพันธบัตรวันที่ 10 ธ.ค. 68 เพื่อหารือ


REGION RADAR
คาดการณ์กำไรของดัชนี NASDAQ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ของ NASDAQ ออกเป็นส่วนใหญ่ ตลาดได้มีการปรับ EPS REVISION ของดัชนีNASDAQ ขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลงในเดือน พ.ย.

สำหรับ EPS REVISION ของหุ้นในกลุ่ม MAG7 หลังผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ออกมา พบว่าตลาดได้มีการปรับคาดการณ์กำไรลงของทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ META และ TESLA ขณะที่หุ้นที่ถูกปรับคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นได้แก่ APPLE, NVIDIA, MICROSOFT, ALPHABET และ AMAZON


ดัชนี NASDAQ มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อจากสถิติที่ผ่านมา
จากสถิติในอดีตที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่ดัชนี NASDAQ COMPOSITE มี RETURN POTENTIAL ที่ระดับสูงกว่า20% (+1S.D) RETURN POTENTIAL มักปรับตัวลดลงมาที่ระดับค่าเฉลี่ย 15% (+0S.D) ดังนั้น ปัจจุบันดัชนีNASDAQ COMPOSITE มี UPSIDE ที่สามารถขึ้นต่อไปได้อีกราว5%

 


THAI FOCUS
เศรษฐกิจไทยโดนกดดันจากน้ำท่วม แต่คาดได้แรงหนุนจาก กนง.
หาดใหญ่ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของภาคใต้ (อันดับ 1 ของภาคใต้ /อันดับ 14 ของประเทศ) มีมูลค่า GDP ราว 2.51 แสนล้านบาท โดยหากสถานการณ์ยืดเยื้อ 1 เดือน คาดว่าจะเกิดความเสียหายราว 10,000 – 15,000 ล้านบาท (หอการค้าฯ ประเมินความเสียหายเฉลี่ยวันละ 1.5 พันล้านบาท)ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วง HIGH SEASON ของการท่องเที่ยวภาคใต้ ซึ่งเป็นช่วงที่ควรจะโกยรายได้เข้าประเทศทำให้เสียโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในงวด 4Q68 อย่างไรก็ตามในมุมมองเปรียบเทียบ แม้มีโอกาสจะเสียหายหลักหมื่นล้าน แต่เมื่อเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ WORLD BANK ประเมินไว้ถึง 1.44 ล้านล้านบาทถือว่าสเกลความเสียหายครั้งนี้ยังจำกัดอยู่ในระดับภูมิภาค ไม่ใช่ระดับประเทศขณะที่ในมุม SET INDEX น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กดดันให้ SET INDEX ปรับตัวลงถึง -24% ภายในระยะเวลาเพียง2 เดือน เนื่องจากน้ำท่วมพื้นที่อุตสาหกรรมหลักและกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ (เศรษฐกิจกรุงเทพฯ ใหญ่กว่าสงขลาถึง 25 เท่า) ดังนั้น แรงกดดันต่อ SET INDEX ในรอบนี้ คาดว่าจะเป็นเพียง แรงกดดันช่วงสั้นๆ เท่านั้น ไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ตลาดพังทลายเหมือนปี 54 เนื่องจากพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ(กทม. และ EEC) ยังดำเนินการได้ปกต


อย่างไรก็ตามในมุมของนักลงทุนก็คาดหวังให้ กนง.ช่วยลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค.68 หรือช่วงต้นปี 2568เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SME และภาคครัวเรือนในพื้นที่ประสบภัย ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางอยู่ โดยสถิติย้อนหลังปี 2554-2555 เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ กนง. มีมติ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง รวม 0.50% เพื่อลดต้นทุนทางการเงินให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นการฟื้นตัว ดังนั้นหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นสิ่งที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยและสร้าง SENTIMENT เชิงบวกต่อตลาดหุ้นได้

 

SYNAPSE STRATEGY
ช่วงนี้ SET ดวงตก หวังโชคร้ายจะผ่านไปเร็ว
นักลงทุนคาดหวัง FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หนุนเงินไหลเข้า ตลาดหุ้น EMERGING โดย เดือน พ.ย. เป็นเดือนที่ FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นอินโดฯ 808 ล้านเหรียญ และ ฟิลิปปินส์109 ล้านเหรียญ มากสุดในปีนี้ หนุนดัชนีขยับขึ้นได้ดีเด่น 5.14% (MTD) และ 1.3%(MTD) ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นไทยโชคร้าย มีประเด็นการเมืองน้ำท่วม เข้ามากดดันให้FUND FLOW ไหลออกมากสุดในเอเชียใต้ -322 ล้านเหรียญ กดดันดัชนีย่อตัวลง -3.7%

 

มีกลุ่มหุ้นที่ย่อตัวแรงกว่าตลาดในเดือนนี้ (MTD) คือ PETRO -19.2% CONS -13.6% PKG -11.4% FIN -9.2% COMM -7.2% TOURISM -6.1% ETRON -6.1% CONMAT -6.1% MEDIA -5.8% ENERG -5.0%INSUR -4.4% FOOD -4.1% SET -3.7%แต่ยังมีกลุ่มหุ้นที่ขึ้นแรงกว่าตลาดในเดือนนี้ (MTD) คือ HELTH -3.5% AGRI -3.2% PROP -2.4% TRANS -0.1% ICT 0.3% AUTO 0.6% PF&REIT 0.7% BANK 1.6%

 

แม้ตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันหนักในช่วงนี้ แต่หากมีสัญญาณน้ำท่วมลดลง กนง. มีโอกาสช่วยลดดอกเบี้ย น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นได้เร็ว ระยะสั้นแนะหลบความผันผวนกับหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว HMPRO, BDMS,TRUE และสะสมหุ้นปันผลสูง SIRI, AP, ICHI, KBANK, KTB, ADVANC

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้