Market Wrap-Up
- SET วันที่ 25 พ.ย.68 ปิด +16.05 จุด อยู่ที่ 1,268.78 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,501 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,565 ลบ. สถาบันซื้อ 359 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 584 ลบ. และรายย่อยขาย 2,509 บาท NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,620 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,BDMS,TTB,DELTA,AMATA และยอดขายหุ้น PTT,KBANK,BBL,TOP,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,549 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CNSEMI23,CNROBOAI23,HKCE01 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 16,981 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 76,768 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,803 ลบ.
Market View
- DJIA +1.43%, S&P500 +0.91%, Nasdaq +0.67% นำโดยกลุ่มเฮลธ์แคร์ +2.1%,สินค้าฟุ่มเฟือย +1.9% หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐมีสัญญาณชะลอ เช่น ยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ย. +0.2% & คาด +0.4% MoM, US Core PPI ก.ย. อยู่ที่ 2.6% & คาด 2.7% YoY และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ย.ปรับลดลงอยู่ที่ 88.7 & คาด 93.2 ส่งผลให้ CME FedWatch ชี้มีโอกาส 84.3% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ส่วนการสรรหา ปธ.เฟดคนใหม่นั้น คาดจะมีการเสนอชื่อ เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาของ ปธน.ทรัมป์ให้เข้ารับตำแหน่งแทน เจอโรม พาวเวล ในช่วง พ.ค. ปีหน้า โดยนายแฮสเซสสต์มีแนวคิดหนุนการลดดอกเบี้ย ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US Core PCE ก.ย. คาดทรงตัวอยู่ที่ 2.9% YoY และ Fed Beige Book / วันพฤหัสปิดในวันหยุด Thanksgiving / วันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการครึ่งวัน
- Stoxx600 ยุโรป +0.91% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุ +2.4% รับข่าวการยุติสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่ยืดเยื้อนานเกือบ 4 ปี ขณะที่หุ้นกลุ่มป้องกันประเทศฟื้นตัว +1% หลังรัฐสภายุโรปอนุมัติวงเงิน 1.5 พัน ล.ยูโร เพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านกลาโหมในสพภาพยุโรปและช่วยเหลือยูเครน ส่วนกลุ่มธนาคาร +1.8% หลังวันนี้ รมว.คลังอังกฤษจะแถลงงบประมาณปี 69 ซึ่งกลุ่มธนาคารอาจได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.87%, ฮั่งเส็ง +0.69% หลัง ปธน.สี จิ้นผิงหารือทางโทรศัพท์กับ ปธน.ทรัมป์เพื่อเจรจาข้อตกลงการค้า ส่งผลให้ปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าลดลง ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +0.3% หลังคลายความกังวลต่อภาวะฟองสบู่ในอุต ฯ AI และคาดเฟดมีโอกาสจะลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +0.07% หลังหุ้น SoftBank Group ยังถูกแรงขายจากความการแข่งขันในธุรกิจ AI ที่สูงขึ้น
- SET วานนี้ +1.28% ปริมาณการซื้อขาย 45 หมื่น ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,565 ลบ. สถาบันซื้อ 359 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 584 ลบ.และรายย่อยขาย 2,509 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +4.0% นำโดย DELTA +4.26% ฟื้นตัวตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. ซึ่งเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth กอรปล่าสุดมีข่าวจะหนุนนายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรีกษาของ ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ปธ.เฟดคนต่อไป ซึ่งมีโอกาสจะหนุนนโยบายลดดอกเบี้ยของ ปธน.ทรัมป์ ขณะที่กลุ่มขนส่ง +3.0% นำโดย AOT +6.0% รับข่าวการประชุมบอร์ดวันที่ 28 พ.ย. เพื่อเตรียมหาแนวทางแก้ไขปัญหาสัญญาของคิงส์ พาวเวอร์ และวันที่ 3 ธ.ค. สำนักงานการบินพลเรือนอาจพิจารณาอนุมัติการปรับขึ้นค่าบริการ PSC ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหนุนกำไรของ AOT ในปี 69 – 70 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ก.พาณิชย์เผยยอดส่งออกไทย ต.ค.+5.7% ต่ำกว่าคาดที่ +6.3% YoY สาเหตุมาจากประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ได้สั่งซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้า แต่คาดส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 10.7 – 11.4% ขณะที่ผลการประชุม ครม.วานนี้ได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือน่ำท่วม 7 จังหวัดเพิ่มเติมอีก 3.8 พัน ลบ. จากงบกลางที่ 6.17 พัน ลบ.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET วันนี้ที่ 1,260 แนวต้าน 1,280 คาดดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัวจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยใน ธ.ค. แต่ Upside ของดัชนียังถูกกดดันจากผลกระทบภัยน้ำท่วม แนะนำซื้อเก็งกำไร HMPRO,DOHOME,GLOBALจากงบซ่อมแซมช่วงภัยน้ำท่วม / SAWAD,KTC,TISCO,AP,SPALI,SIRI ได้ประโยชน์หาก กนง.ลดดอกเบี้ย / ซื้อเก็งกำไร DELTA, HANA, KCE จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย.
- BAM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมายIAA Consensus 7.95 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q68 เติบโต QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดจัดเก็บหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล บวกกับการขาย NPA ที่ดีขึ้นตามการออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย เน้นปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าเองมากขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการสำรองหนี้จะลดลงสอดคล้องกับการชำระหนี้ของลูกค้า สำหรับปี 68 ตลาดคาดกำไร 2 พันล้านบาท โตราว +40%YoY มีความน่าสนใจจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีราว 7% และมี upside จากการซื้อหนี้ของ JVAMC และ Ari- AMC ที่ร่วมทุนกับออมสิน ตามมาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของรัฐบาลในโครงการ "ปิดหนี้ไว ไปต่อได้"
KCG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.24 บาท) กำไรสุทธิ 3Q68 อยู่ที่ 89 ลบ. (+16%YoY, -10%QoQ ) ปรับตัวลดลง QoQ จากการหยุดสายการผลิตเนยชั่วคราว 1 เดือน เพื่อปรับปรุงกำลังผลิต ส่วน YoY สามารถเติบโตได้ดีตามรายได้สินค้า Dairy และ Food and Bakery Ingredient รวมถึง ได้ประโยชน์จาก KCG Logistics Park และ Solar Rooftop ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปกติใน 4Q68 คาดว่ายังดีต่อเนื่อง ทั้ง YoY QoQ หนุนจาก High Season ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ KCG* ที่ 452 ลบ.( +11%YoY) และ 509 ลบ.(+13%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI ม.ค.-$0.89 อยู่ที่ $57.95 / บาร์เรล, Brent ม.ค. -$0.89 อยู่ที่ $62.48/บาร์เรล รับข่าวยูเครนได้ยอมรับร่างข้อตกลงสันติภาพฉบับแก้ไขแล้ว ในการเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐที่กรุงอาบูดาบี ขณะที่คณะผู้แทนของรัสเซียยังไม่แน่ชัดว่าได้เข้าร่วมเจรจาหรือไม่ ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม EIA จะรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐ
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$45.80 อยู่ที่ $4,140.00 /ออนซ์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐวานนี้ เช่น ยอดค้าปลีก, US PPI และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค.
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -20.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +48.41 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -18.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -50.70 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่าอยู่ที่ 32.27 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 3.998 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +14 อยู่ที่ 2,309
(-) BitCoin เช้านี้ -0.65% อยู่ที่ 87,519 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
28 พ.ย. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
25 พ.ย. US ดัชนียอดขายปลีก (ก.ย.)
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.ย.)
US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (พ.ย.)
26 พ.ย. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 3)
US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ก.ย.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ย.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
27 พ.ย. US วันหยุด - วันขอบคุณพระเจ้า
28 พ.ย. US ปิดทำการก่อนกำหนด ณ เวลา 13:00 - วันขอบคุณพระเจ้า
Theme Strategy
เลือกหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายหลักของรัฐบาลอนุทิน (รัฐบาลระยะสั้น 4 เดือน) เร่งใช้จ่ายในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ Quick wins, วงจรดอกเบี้ยโลกเป็นขาลง และ Earning momentum / Seasonal 3Q68-4Q68
(1) ค้าปลีก / บริโภค นโยบายคนละครึ่งพลัส – กระตุ้นกำลังซื้อ, ลดค่าใช้จ่าย CPAXT*, BJC, TNP*, KK*, MOTHER*, ICHI*, CBG*
(2) การเงิน / นอนแบงค์ นโยบายแก้ปัญหาหนี้สิน เพิ่มสภาพคล่อง SME, คาดการณ์ลดดอกเบี้ยนโยบาย MTC*, SAWAD*, TIDLOR*, KTC*, NCAP*, SINGER*, SGC*, FSMART*, AP*, SPALI*, CPN*, DIF*, 3BBIF*
(3) รับเหมาก่อสร้าง เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการก่อสร้างภาครัฐ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน STECON, CK, SEAFCO*, PYLON*
(4) ท่องเที่ยว ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ AOT, CENTEL*, ERW*
(5) ไอซีที / ดิจิทัล ปราบปรามภัยไซเบอร์, การลงทุนด้าน Digital, Cyber Security, Data Center ADVANC, DELTA*, GULF*, BGRIM*, BCPG*, SECURE*
(6) ด้านสาธารณสุข ศูนย์ฟอกไตฟรีทุกอำเภอและเครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรีทุกจังหวัด KTMS*, BIZ* ลดค่ายาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน การเปิดเผยราคายาให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในซื้อยาเองได้ HL* (เก็งกำไร)
(7) Solar ภาคประชาชน, มาตรการลดหย่อยภาษี Solar rooftop ครัวเรือน / Direct PPA GULF*, GUNKUL*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio October 2025: WHAUP*, BDMS, ADVANC, AMATA, TOP
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999 Ext 2201
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th