สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 พฤศจิกายน 2568)--------ส.การค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน เดินหน้ายกระดับคุณภาพการผลิต เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพในระยะยาว ตอกย้ำผู้บริโภคตื่นตัวใส่ใจคุณภาพเหล็กมากขึ้น ด้านผู้ประกอบการ 9 เดือนแรก ผลิตกว่า 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบงวดเดียวกันปีก่อน ลั่นยังมีกำลังผลิตเหลือเพื่อรองรับความต้องการตลาด ส่วนราคาเป็นไปตามอุปสงค์ อุปทาน เหล็กเส้นกลมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 21,000 บาทต่อตัน เหล็กเส้นข้ออ้อยราคาอยู่ที่ 20,000 บาทต่อตัน
นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง ที่ปรึกษาสมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ คุณภาพเหล็กเส้น มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเจ้าของบ้าน หรือผู้รับเหมา เนื่องจากเป็นวัสดุโครงสร้างหลักที่มีผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของอาคารในระยะยาว
“ผู้ใช้เหล็กมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น รู้ว่าเหล็กเส้นแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ผู้บริโภคเริ่มกำหนดสเปกและตรวจสอบคุณภาพมากขึ้น ไม่ปล่อยให้ช่างเลือกเองเหมือนในอดีต ส่วนผู้รับเหมาหลายรายก็เข้มงวดกับการตรวจสอบคุณภาพมากขึ้น ไม่ต้องการความเสี่ยงที่อาจทำให้โครงการล่าช้าหรือมีปัญหาในอนาคต” นายประวิทย์ กล่าว
ขณะเดียวกันภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กเส้นไทยก็มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการมีการเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพ โดยในช่วง 9 เดือนแรกมีการผลิตรวม 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น27% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำลังผลิต 2.7 ล้านตัน
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ผู้ผลิตเหล็กเส้นในประเทศ มีความพร้อมในการผลิตสินค้าทุกขนาด และทุกระดับคุณภาพ ไม่มีปัญหาการขาดแคลนเหล็กเส้นในตลาด เนื่องจากยังมีกำลังการผลิตเหลืออีกกว่า 70% สามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามแม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะราคาสูงในช่วงที่ผ่านมาจากปัจจัยต่าง ๆ แต่ปัจจุบันราคาเหล็กเส้นได้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ตามกลไกอุปสงค์และอุปทานของตลาด ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับปลายปี 67 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมีการผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กเส้นจากหลายแหล่ง โดยปัจจุบันราคาเหล็กเส้นกลมราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 21,000 บาทต่อตัน และเหล็กเส้นข้ออ้อยราคาอยู่ที่ 20,000 บาทต่อตัน
ทั้งนี้สมาคมการค้าเหล็กทรงยาวมาตรฐาน ยืนยันว่าอุตสาหกรรมเหล็กเส้นของไทยจำเป็นต้องเดินหน้าพัฒนามาตรฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับเหล็กที่มีคุณภาพสูง ทนทาน และปลอดภัยสำหรับการใช้งานในระยะยาวโดยการกำกับดูแลของภาครัฐและการรักษามาตรการการผลิตอย่างรัดกุมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจะช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าทั่วทั้งอุตสาหกรรมโดยการกำกับดูแลของภาครัฐและการรักษามาตรการการผลิตอย่างรัดกุมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจะช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพสินค้าทั่วทั้งอุตสาหกรรม