สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 พฤศจิกายน 2568)------------สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
SET Index ปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อของต่างชาติ นำโดย หุ้นบิ๊กแคปกลุ่มแบงก์และเทคโนโลยี แม้จะมีปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทยที่ออกมาค่อนข้างอ่อนแอก็ตาม ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนประเมินว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอดังกล่าวอาจกระตุ้นให้กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในรอบการประชุมเดือนธ.ค. ดัชนีหุ้นไทยพลิกกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่างสัปดาห์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,248.89 จุดช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลประเด็นภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกครั้ง ซึ่งกระตุ้นแรงขายทำกำไรหุ้นหลายกลุ่ม นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ตลาดยังประเมินว่า เฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. เนื่องจากบันทึกประชุมเฟดสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่หลายรายเห็นว่า การคงกรอบอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงสิ้นปีน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสม ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. ของสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดี
• ในวันศุกร์ที่ 21 พ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,254.40 จุด ลดลง 1.17% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 32,639.36 ล้านบาท ลดลง 2.46% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.04% มาปิดที่ระดับ 215.02 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (24-28 พ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,215 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,265 และ 1,285 จุด ตามลำดับ
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ย. รายงาน Beige Book ของเฟด และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ กำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีน ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น